Chapter 2 หนี้แห่งตัณหา [2]
เพียงชั่วอึดใจต่อมาร่างบอบบางของสตรีที่งามเลิศก็ปรากฏกายอยู่ในห้องนอนโอ่อ่าของคหบดีหยาง หลี่ซืออี้เหลียวมองไปรอบๆ กายด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง แค่ห้องนอนเพียงห้องเดียวยังใหญ่กว่าบ้านรังหนูของนางทั้งหลังรวมกันเสียอีก
เงินที่ตกแต่งห้องนอนจนงดงามราวกับพระราชวังนี้ คงได้มาจากน้ำตาและหยาดเหงื่อของคนเข็นใจที่คหบดีหยางใช้อำนาจเงินขูดรีดเอารัดเอาเปรียบมาอย่างไม่ต้องสงสัย
‘สารเลว!’
เสียงประตูปิดลงส่งผลให้คนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งจนไหล่ไหว เมื่อเหลียวมองไปทางด้านหลังจึงพบว่าสาวใช้ทั้งสี่คนก้าวออกไปจากห้องจนหมดแล้ว
ยามนี้เหลือเพียงนางคนเดียวที่ยืนอยู่กลางห้อง!
หลี่ซืออี้สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ในห้องค่อนข้างสลัวไร้แสงสว่าง นางหมุนมองหาตาเฒ่าตัณหากลับจนไปสะดุดกับแผ่นหลังกว้างที่ยืนหันหลังอยู่ริมหน้าต่าง ชายคนนั้นมีรูปร่างสูงราวกับทหารกล้า ผมสีดำเกล้าครึ่งศีรษะส่วนอีกครึ่งทิ้งตัวลงจดกลางแผ่นหลัง สวมใส่เสื้อผ้าสีน้ำเงินค่อนไปทางดำ
วูบแรก...
หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบกระโจนออกมานอกอก แต่เมื่อนางตั้งสติได้ความโกรธก็ทำให้นางเปล่งวาจาร้ายกาจออกไป
“ข้ามาแล้ว มาสังเวยความสาวของข้าให้กับชายผู้มักมากในกาม อีกทั้งยังกดขี่มนุษย์ด้วยกันไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน!”
หึ
เสียงแค่นหัวเราะในลำคอจากคนตัวโตทำให้หญิงสาวถึงกับร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
“ปากดีเช่นนี้ข้าชอบ จะได้ไม่ต้องพูดพล่ามให้มากความ ในเมื่อเจ้ามาเพื่อสังเวยความสาวให้กับข้า ก็จงเปลื้องผ้าบนเรือนร่างของเจ้าออกให้หมด”
ราวกับถูกน้ำเย็นราดรดตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า นางยื่นนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อนกายแม้แต่น้อย ความโกรธทำให้นางเร่งรีบมาที่จวนแห่งนี้ แม้จะรู้ว่าความสาวของนางจะต้องถูกพรากไป แต่นางลืมคิดไปเสียสิ้นว่าวิธีการพรากความสาวนั้น จะต้องทำสิ่งใดบ้าง
“ถอดสิ แสดงให้ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ได้เก่งแต่ปาก”
คหบดีหยางหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก นาทีนั้นเองหลี่ซืออี้ได้เห็นใบหน้าเขา ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง ชายตรงหน้ามีรูปงามผึ่งผายหาใช่ตาเฒ่าหื่นกามอ้วนพุงพลุ้ยอย่างที่นางเข้าใจ
แม้จะมองเห็นได้ไม่ถนัดนักแต่ก็พอมองเห็นรางๆ ว่าคหบดีหยางมีใบหน้าดุดันแข็งกร้าว จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วหนาคมเข้ม ริมฝีปากหนาหยักได้รูป และสันกรามที่เป็นเหลี่ยมชัดบ่งบอกถึงความกล้าแกร่งของบุรุษเพศจนหัวใจของนางถูกเขย่าแรงไม่อาจตั้งหลัก
รูปงามถึงเพียงนี้แค่ส่งยิ้มให้สาวงามในเมือง หญิงเหล่านั้นก็คงยินยอมพร้อมทอดกายให้เขาเชยชม ยิ่งเขาเป็นถึงคหบดีผู้มั่งคั่งไม่ว่าบุตรธิดาจวนใดก็คงวิ่งเข้าหาเหมือนฝูงหมาป่าล่าเนื้อที่แสนหิวโหย
แต่ใจคนยากแท้หยั่งถึงนัก แม้รูปงามแต่จิตใจกลับชั่วช้าโสมม รังแกคนไม่มีทางสู้ เอารัดเอาเปรียบทุกทางอย่างคนเห็นแก่ตัวไร้มนุษยธรรม
คงมีรสนิยมวิปริตชอบบังคับขืนใจหญิงสาว!
‘หากมีมีดอยู่ในมือ ข้าคงฆ่าเจ้าอย่างไม่ลังเล’
นางกัดฟันกรอด มือเล็กกำหมัดเข้าหากันแน่น ทั้งโกรธทั้งอับอายจนอยากจะโผเข้าจิกทึ้งใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้เสียโฉม แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างใจนึก
“ถอดเสียทีสิ ข้าไม่มีเวลามากพอหรอกนะ”
น้ำเสียงห้วนคล้ายหยันอยู่ในทีทำให้หลี่ซืออี้หลุดออกจากภวังค์ความคิด นางกัดริมฝีปากล่างแรงจนแทบห้อเลือด สั่นไปหมดทั้งร่างด้วยความกรุ่นโกรธ แต่ทิฐิก็ทำให้นางเชิดหน้าขึ้นอย่างทระนงแล้วค่อยๆ บรรจงเปลื้องผ้าออกด้วยมือที่พยายามฝืนเกร็งไม่ให้สั่นเทา
‘คนสารเลวอย่างเจ้าจะไม่มีทางเห็นน้ำตาและความอ่อนแอของข้าเด็ดขาด’
คหบดีหยางขยับเข้ามาใกล้แล้วเอนร่างสูงพิงเสาต้นใหญ่กลางห้อง แขนทั้งสองกอดอกเอาไว้ด้วยท่วงท่าสบายๆ ในขณะที่ดวงตาจ้องจดมองลูกหนี้สาวแทบไม่ยอมกะพริบตา
นางสวย!
เมื่อได้รับการขัดเกลาและสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นเลิศ ส่งผลให้นางยิ่งงดงามราวกับจะล่มเมืองได้เลยทีเดียว ใครเลยจะคาดคิดว่าจะมีไม้งามซุกซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมหลังเล็กๆ เป็นเพียงแม่ค้าขายขนมในตลาดที่ไม่มีใครสนใจ
หากเป็นสินค้า... นางคือสินค้าหายากราคาแพง ที่เหล่าพ่อค้าคงต้องเกร็งกำไรกอบโกยราคาขายให้ได้มากที่สุด ในทางกลับกันผู้ซื้อทั้งหลายหากได้ยลโฉมนางอย่างที่เขาได้เห็นในเวลานี้ก็คงทุ่มเงินจนหมดหน้าตักเพื่อให้ได้นางมาครอบครอง
ซึ่งยามนี้เขากระโดดลงมาเป็นผู้ซื้อ...
เขายอมแลกกับเงินมากมายเพื่อให้ได้เชยชมหญิงงามเอาไว้ในอ้อมกอด
ลูกกระเดือกที่ลำคอกลิ้งกลอกไปมาจากการที่คหบดีหยางกลืนน้ำลายลงคอหลายต่อหลายครั้ง นั่นเพราะเรือนร่างในชุดสีชมพูขาวอ่อนหวานกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้น เผยให้เห็นนวลไหล่กลมกลึงชวนหลงใหล ทรวงอกอิ่มชูสล้าง เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายได้รูป
และชิ้นสุดท้ายผ้าสีแดงบางเบาที่ปิดจุดสงวนของสตรีเพศเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ นางทำท่าจะปลดเชือกเส้นสุดท้ายออกทว่าเขากลับยกมือห้ามให้นางหยุด
เพราะชิ้นสุดท้ายเขาต้องเป็นคนถอดมันด้วยตนเอง
หนาว!
หลี่ซืออี้รู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งสรรพางค์กายเมื่อรับรู้ได้ว่าสายตาคมคู่นั้นกำลังโลมไล้นางไปทั่วร่างอย่างโจ่งแจ้ง ยิ่งเมื่อเขาสืบเท้าใกล้เข้ามานางก็ถึงกับหายใจสะดุดกึก เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเองโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งนั่นเป็นการจุดไฟราคะในกายของชายหนุ่มให้ลุกโชน แก่นกลางกายของเขาขยายขนาดจนยาวใหญ่ ชูผงาดชี้ดันออกมาจนเป้ากางเกงคับตุงไปหมด
มือหนายื่นมาจับที่ปลายคางเชยใบหน้าของนางให้แหงนเงย แล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีปากหนาหยักได้รูปก็โน้มลงมาบดจูบอย่างไม่คิดอารัมภบทให้มากความ
อื้อ...
นางทำได้แค่เพียงส่งเสียงครางแผ่วราวกับประท้วงในลำคอ เมื่อเขาจูบจ้วงราวกับถือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของเรือนกายของนาง