บทที่ 1 หนี้แห่งตัณหา
ดวงตาแดงก่ำแหงนมองป้ายตระกูลหยางด้วยความรู้สึกโกรธแค้นชิงชัง มือเล็กกำเข้าหากันแน่นจนกระดาษในมือยับยู่ ริมฝีปากคบเม้มเป็นเส้นตรงพลางกัดฟันกรอดจนร่างบางสั่นเทิ้ม พยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ในอกเพื่อไม่ให้ผู้ใดเห็นความอ่อนแอ
เบื้องหน้าคือประตูจวนคหบดีหยางผู้มั่งคั่งแห่งเมืองไห่เหอ เมืองท่าสำคัญซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อของทะเลหวงและทะเลเฉินแห่งมหาสมุทรกุ้ยอิง ความอุดมสมบูรณ์ของเมืองนี้มากมายจนนับได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ของแผ่นดิน
ไม่ว่าจะเป็นการค้า การประมง มีเรือนับพันนับหมื่นลำจอดเทียบท่าทุกวัน คึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาทำมาค้าขาย กองคาราวานจากแคว้นห่างไกลต่างเดินทางมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อซื้อสินค้าไปขายต่อยังดินแดนของตน
เมืองไห่เหอแห่งนี้ก่อให้เกิดคหบดีขึ้นมากมาย และแน่นอนว่าเมืองที่แสนศิวิไลนี้มีผู้คนที่รวยล้นฟ้าเฉกเช่นคหบดีหยางและอดยากแร้นแค้นแทบจะกัดก้อนเกลือกินเฉกเช่นเดียวกับครอบครัวของนางอีกมากมายเช่นกัน
แรกทีเดียวครอบครัวของนางเป็นเพียงครอบครัวยากจนหาเช้ากินค่ำ ทำอาชีพเกษตรกร ไม่ได้อดอยากจนน่าอดสูใจอย่างเช่นทุกวันนี้ ทว่าพี่ชายของนางกลับทำตัวสำมะเลเทเมา ริอ่านเล่นการพนันจนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ครอบครัวของนางจึงเข้าสู่ภาวะแร้นแค้นจนสิ้นเนื้อประดาตัว
ที่ดินทำกินถูกยึดไปจนหมดสิ้น นางและมารดาต้องทำขนมไปขายในตลาด บิดาไปรับจ้างเป็นคนงานในโรงเตี๊ยม ส่วนพี่ชายตัวต้นเหตุไปสมัครเป็นบ่าวรับใช้ในจวนผู้ว่าการ ทุกคนต่างช่วยกันทำงานหวังจะนำเงินไปไถ่ถอนที่ดินทำกินกลับคืนมา ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไปได้ดีทว่า...
เมื่อเช้านี้หลี่ซืออี้ออกไปขายขนมอิ่วก้วยที่ตลาดตามลำพังโดยที่มารดาไม่ได้ไปด้วยเช่นทุกครั้งเพราะรู้สึกครั้นเนื้อครั้นตัวไม่สบาย นางจึงให้มารดานอนพักผ่อน
ทว่าหลังจากนั้นเมื่อกลับพบว่าบ้านของนางถูกรื้อค้นจนพังยับ บิดามารดารวมทั้งพี่ชายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงจดหมายที่เขียนด้วยเลือดฉบับหนึ่ง
เอาร่างกายของเจ้ามาแลก ไม่เช่นนั้นครอบครัวของเจ้าจะไม่มีชีวิตกลับไป...
เป็นคำสั่งที่ห้วนและไร้ซึ่งความเมตตา แค่คิดว่าพ่อแม่ที่แก่ชราจะต้องถูกพวกมันทำร้ายร่างกายและทารุณต่างๆ นานา หัวใจของคนเป็นลูกก็แทบแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
“ไอ้พวกสารเลว!”
นางสบถคำด่าออกมาด้วยความอัดอั้นใจ ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่กำลังหยาดหยดอย่างลวกๆ แล้วก้าวเท้าไปที่หน้าประตูไม้สูงใหญ่แสดงถึงความโอ่อ่ามีฐานะของผู้อยู่อาศัย
“ท่านคือคุณหนูหลี่ซืออี้ใช่หรือไม่”
ยามหน้าประตูเอ่ยถามทันทีเมื่อพิศมองใบหน้าหญิงสาว แม้นางจะแต่งตัวด้วยผ้าฝ้ายย้อมสีเปลือกไม้ราคาถูก ผมของนางรวบมวยแล้วใช้ผ้าสีขุ่นพันผูกเอาไว้เพื่อความทะมัดทะแมง ใบหน้ามนเรียวปราศจากการแต่งแต้มด้วยสีชาด ทว่าความงดงามของนางกลับฉายชัดจนเวรยามเฝ้าประตูทั้งสองมั่นใจว่านางคือคนที่เจ้านายรอคอยอยู่อย่างไม่ลังเล
“ข้าหลี่ซืออี้มาขอพบท่านคหบดีหยาง”
นางตอบด้วยน้ำเสียงห้วน ไม่คิดผูกสัมพันธ์ทอดไมตรีกับพวกพ้องคนเลว แม้บ่าวไพร่จะไม่ผิดอะไรแต่ยามนี้นางโกรธจนพาลไม่สนเหตุผลถูกผิดใดๆ ทั้งสิ้น
คนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์กักขังหน่วงเหนี่ยวลักพาครอบครัวของนาง เป็นหนี้ก็พร้อมจะชดใช้หาใช่มารังแกกันเช่นนี้
“เชิญคุณหนูหลี่ด้านใน”
“ข้าไม่ใช่คุณหนูเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา”
นางสะบัดเสียงสูงปฏิเสธอย่างขุ่นมัว ทว่าเวรยามทั้งสองกลับไม่สนใจยังคงเรียกนางว่าคุณหนูราวกับต้องการทำให้นางหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
“เชิญทางนี้ขอรับคุณหนูหลี่”
หญิงสาวเดินตามเวรยามเข้าไปด้านในจวนที่ปลูกเรือนแบบสี่ทิศ ตรงกลางเป็นสวนหินจัดตามหลักดินฟ้าได้อย่างงดงามเพื่อรับพลังจากสรวงสวรรค์ส่งผลให้ทำการค้าขายได้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
ชิ! ดูเหมือนว่าตระกูลหยางจะร่ำรวยเพราะรังแกคนจน หาใช่เพราะการค้าขาย ทำตัวไม่ต่างจากโจรโฉดคิดอยากทำอะไรก็ทำราวกับบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย
แต่แล้วอย่างไรเล่า! กฎหมายไม่เคยคุ้มครองคนยากจน มีแต่คอยเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกขุนนางและเหล่าคหบดี ชาวบ้านจะยากจนอย่างไรเหล่าขุนนางไม่เคยใส่ใจเหลียวแล มิหนำซ้ำยังพยายามเอารัดเอาเปรียบแทบทุกทาง
“คุณหนูหลี่เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
สาวใช้สี่นางเดินกึ่งวิ่งด้วยท่าทางกระตือลือล้นมาต้อนรับนางอย่างรีบร้อน พลางเหลียวมองดวงอาทิตย์ที่กำลังทอดกายลงต่ำจนแทบจะแตะหลังคาจวน คนหนึ่งเอื้อมมือไปจับผมแล้วดึงผ้าสกปรกที่พันผมออกอย่างไม่ยี่หระ อีกคนหนึ่งจับที่ใบหน้าแล้วบิดให้เอียงไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างพินิจพิจารณา อีกสองคนจับแขนทั้งสองข้างของหลี่ซืออี้กางออก แล้วเดินวนรอบนางจนหัวหมุน ก่อนจะจัดการวัดขนาดอก เอว สะโพก ความยาวของลำตัว หรือแม้แต่ขนาดของรองเท้า
“พะ...พวกเจ้าจะทำอะไรข้า”
ซืออี้โวยวายเสียงดังลั่นเมื่อจู่ๆ นางก็ถูกจับแก้ผ้าจนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นเรือนร่างอรชรกอปรไปด้วยสัดส่วนโค้งเว้าน่าหลงใหล
ทว่าเหล่าสาวใช้ไม่แม้จะตอบคำถาม แต่กลับดันร่างนางลงไปในอ่างไม้ขนาดใหญ่แล้วทำการขัดถูคราบเหงื่อไคลออกจนหมดสิ้น
“แค่ขัดนิดหน่อยผิวก็ขาวละเอียดชวนมอง”
“เรือนร่างงดงามราวกับเซียนบนสรวงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า หน้าอกสวยอวบอิ่มได้รูปราวกับหยดน้ำค้างบนยอดหญ้า ก้นก็งามงอนเต่งตึงรับกับเอวเล็ก อีกทั้งจุดยุทธศาสตร์สตรีก็อูมใหญ่โหนกนูน เช่นนี้แล้วนายท่านของพวกเราจะยิ่งพึงใจเป็นแน่”
เหล่าสาวใช้พูดคุยพลางหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างอารมณ์ดี ทว่าหลีซืออี้กลับโกรธจนใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู
จับนางอาบน้ำขัดตัวหวังจะเสพสุขจากเรือนร่างของนางอย่างเต็มที่สินะ! หน็อยตาเฒ่าหยาง! ไอ้คนโฉดมักมากในกาม! ในหัวของมันคงมีแต่เรื่องกามวิปริตผิดเพี้ยน จึงคิดพรากลูกพรากแม่เพื่อให้ได้ขืนใจหญิงเข็นใจไร้ทางสู้อย่างนาง
นางกำหมัดแน่น กัดฟันกรอด สั่นเทิ้มไปทั้งสรรพางค์กาย ดวงตาแดงก่ำโกรธเกรี้ยว นางต้องยอมพลีกายขายศักดิ์ศรีเพื่อช่วยบิดามารดาและพี่ชายให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนชั่วช้า นับจากนี้นางจะเป็นหญิงสกปรก ร่างกายมีราคีไร้ค่าไม่เหมาะจะเป็นเจ้าสาวให้กับชายหนุ่มตระกูลใด มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น
นางมุ่งมั่นว่าเมื่อช่วยครอบครัวให้พ้นเคราะห์กรรมเรียบร้อยแล้ว จะหนีเข้าป่าบวชชีในอารามห่างไกลผู้คน หนีให้พ้นความน่าอับอายแสนอัปยศในครั้งนี้!