เซี่ยห้าวไห่ยื่นเงินจำนวนหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าอีแปะจากการนำไข่ไก่ไปขาย ให้ลูกสาวคนเล็กอย่างเซี่ยซูเหยาที่นั่งเล่นกับเจ้าเสี่ยวเฮยบนแคร่ไม้ไผ่
เขาได้ปรึกษากับลูกอีกสองคนแล้วว่าเงินนี้ควรจะเป็นของเซี่ยซูเหยา หลังจากนำไข่ไก่ไปขายบางส่วน เขาก็เอากลับมาให้ลูกสาวโดยที่ไม่หักค่าไปขาย
เซี่ยซูเหยาเงยหน้ามองบิดาด้วยความมึนงง คนที่เก็บเงินในบ้านคือเซี่ยซูเจี๋ย ทว่าเซี่ยห้าวไห่กลับมอบเงินจำนวนหลายอีแปะให้นาง
“เงินนี้ได้มากจากการขายไข่จำนวนหนึ่งโรงเตี๊ยมประกาศรับไข่ไก่ให้ฟองละสองอีแปะพ่อเลยลองไปดู” เซี่ยห้าวไห่ตอบอย่างละเอียด ลูกสาวจะไม่ได้ถามเขาซ้ำอีก
“ให้พี่สาวเถิดเจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เซี่ยซูเหยียน เซี่ยซูเจี๋ยไปรับจ้างหาเงินเข้าบ้านยังไม่เก็บไว้เอง นางจึงไม่ต้องการส่วนแบ่งนี้ อีกทั้งที่ผ่านมาทุกคนก็ทำเพื่อนางมาก
“พ่อกับพี่สาว พี่ชายคุยกันแล้ว” เซี่ยห้าวไห่ถอนหายใจพลางนั่งลงข้างลูกสาว เขาคิดเอาไว้แล้วว่านางจะไม่ยอมรับ
“ท่านพ่อ อาเหยาอยากขายอาหาร”
เซี่ยซูเหยาใช้โอกาสนี้เอ่ยบอกบิดาที่ยังไม่ทันตั้งตัว สิ่งที่นางต้องการจะทำนางไม่สามารถลงมือเองได้เวลานี้ หากเซี่ยห้าวไห่เป็นผู้ออกหน้าให้เรื่องมันก็จะง่ายขึ้น
“อาเหยา”
เซี่ยห้าวไห่กล่าวขึ้นอย่างแปลกใจ ลูกสาวของเขาไม่มีท่าทีว่าอยากเปิดเหลาอาหารเลย จนกระทั่งวันนี้
“อาเหยารู้เจ้าค่ะว่าที่บ้านไม่ได้มีเงินให้ลงทุน ทว่าหากท่านพ่อล่าสัตว์เอง และนำของในป่ามาทำอาหารไปขาย แบบนี้เราก็ไม่ต้องลงทุนมาก” เซี่ยซูเหยาอธิบาย
นางไม่ได้ต้องการลงทุนมาก ทว่าสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการใช้แรงงาน บิดาของนางต้องไปล่าสัตว์มาให้ได้อย่างน้อยวันละหนึ่งตัวเพื่อเป็นวัตถุดิบหลัก
“การเปิดเหลาอาหารไม่ใช่ง่าย ๆ ยิ่งในเมืองเฟิงแล้วยิ่งยาก นอกจากการลงทุนด้วยเงินแล้วยังต้องมีฝีมือด้านอาหาร และอำนาจในเมืองเฟิงอีก”
เซี่ยซูเหยาก้มหน้างุดด้วยความแปลกใจ บิดาของนางมีความสามารถด้านการล่าสัตว์นางไม่แปลกใจ ทว่าเซี่ยห้าวไห่กลับกล่าวอย่างรู้หลาย ๆ อย่าง ไม่เหมือนกับนายพรานป่า
พาลทำให้นึกถึงกำไลไข่มุกที่นางพกติดตัวไปไหนมาไหนตลอดเวลา เซี่ยซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยห้าวไห่ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมา
“อาเหยารู้เจ้าค่ะ ทว่าเราจะทำไปขายที่ตลาดเท่านั้น” นี้คือก้าวแรกของพวกนาง หากขายในตลาดแล้วมีเงินลงทุนมากพอ นางถึงจะหาวิธีเปิดเหลาอาหาร ยิ่งนางทำสำเร็จเร็วยิ่งเป็นผลดีต่อครอบครัว
“เฮ้อ อาเหยา ลูกก็รู้ว่าลูกไม่ค่อยแข็งแรง”
เซี่ยห้าวไห่ถอนหายใจด้วยความใจอ่อน ขอแค่ลูกสาวมาขอเขาก็พร้อมจะสนับสนุนทุกอย่าง ทว่าที่บ้านไม่ได้มีเงินมาก หากสิ่งที่ทำไปไม่รอด เขาจะทำอย่างไรดี
“อาเหยาแข็งแรงดีเจ้าค่ะ!” เซี่ยซูเหยายิ้มอ่อนเมื่อเห็นท่าทีของเซี่ยห้าวไห่ นางตะโกนร้องในใจที่บิดาของนางอนุญาต
“ได้ พ่อจะให้อาเหยาทำอาหารไปขาย ทว่าหากล้มป่วยอีกรอบพ่อจะไม่ให้ทำต่อ”
การเป็นบิดามารดาที่ดีคือการสนับสนุนลูก ๆ ให้ทำในสิ่งที่ชอบ สำหรับเซี่ยซูเจี๋ยนางชอบทำอาหารอยู่บ้างคงจะช่วยอาเหยาได้ เซี่ยซูเหยียนชอบการล่าสัตว์เขาจึงพาลูกชายไปล่าสัตว์ ส่วนอาเหยาที่ผ่านมานางล้มป่วยมาตลอด พอหายป่วยเขาจึงอยากให้นางทำตามสิ่งที่นางต้องการ
เซี่ยซูเหยายิ้มกว้างเมื่อเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนนำไก่ฟ้ากับกระต่ายป่ากลับมาด้วย เมื่อคืนบ้านเซี่ยได้พูดคุยกันแล้วว่าจะขายอาหาร
เซี่ยซูเจี๋ยตื่นเต้นมาก นางไม่ห้ามความคิดของน้องสาวเลยแม้แต่น้อย เซี่ยซูเจี๋ยยังจำได้ดีว่าอาเหยาอยากให้อาเหยียนได้เรียนในสำนักศึกษา การค้าขายหากได้กำไรมันจะได้เร็ว นางจึงตกลงอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ปฏิเสธ
นอกจากไก่ฟ้าสองตัว กระต่ายป่าหนึ่งตัวแล้วเซี่ยซูเหยายังต้องการปลาและกุ้งอีก วันนี้หลังจากที่เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนพักผ่อนแล้ว นางจึงชวนทั้งสองไปจับปลา และปล่อยเซี่ยซูเจี๋ยไว้ที่บ้านคนเดียว
“พอขุดหลุมดักปลาเสร็จแล้ว เราต้องหาเหยื่อมาล่อก่อนเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยบอกเซี่ยห้าวไห่ที่ขุดหลุมดักปลาเสร็จก็จะไปจับกุ้ง
“เหยื่อ?” เซี่ยซูเหยียนถามด้วยความงุนงง
เซี่ยซูเหยาชะโงกหน้ามองซ้ายขวาพอไม่เห็นชาวบ้านจึงคว้าเอาเสียมมาขุดไส้เดือนที่ริมน้ำ นางคงจะไม่ได้เข้ามาจับปลาด้วยอีกบ่อย ๆ ทว่านางต้องบอกวิธีจับปลาเอาไว้
“ระวัง” เซี่ยห้าวไห่บอกลูกสาวที่ขุดดินอยู่ริมน้ำ ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นตัวอะไรบางอย่างที่ลูกสาวขุดอยู่
“อาเหยาเรียกมันว่าไส้เดือนเจ้าค่ะท่านพ่อ เอาไว้โปรยลงหลุดดักปลาของเรา” เซี่ยซูเหยาไม่ว่าเปล่า พอนางได้ไส้เดือนจำนวนหนึ่ง นางก็นำไปโปรยลงหลุมดักปลาอย่างคุ้นเคย
เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนตะลึงเมื่อเห็นปลาแหวกว่ายลงหลุมดักปลาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งสองคนเข้าใจแล้ว วันแรกที่พาอาเหยามาที่นี่เป็นวันที่พวกเขาจับปลาและกุ้งได้เยอะมาก และมันเป็นแบบนี้เฉพาะวันที่อาเหยาเข้ามาด้วย วันไหนที่อาเหยาไม่ได้มาด้วยพวกเขาจับปลาได้เพียงไม่กี่ตัว
“หมายความว่าวันแรกที่อาเหยาเข้ามาที่นี่ อาเหยาเป็นคนจับมันมาโปรยใช่หรือไม่” เซี่ยซูเหยียนถาม
สิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดทั้งเดือนยามนี้เขาเข้าใจหมดแล้ว เพราะสิ่งที่เขาสังเกตเห็นก็คือทุกครั้งที่พาน้องสาวเข้าป่าจะได้ของกลับไปมากมาย
วันไหนที่น้องสาวไม่ได้เข้ามาด้วยของจะน้อยกว่าปกติ หรือไม่ก็เท่าเดิมก่อนที่จะพาเซี่ยซูเหยาเข้าป่า
เซี่ยซูเหยาที่ยิ้มกว้างเมื่อกี้ถึงกลับชะงักค้าง นางลืมไปเสียสนิทว่านางต้องอธิบายให้ทั้งสองฟังด้วย เซี่ยซูเหยาพยักหน้าแล้วรีบเอ่ย
“ก่อนที่อาเหยาจะฟื้นจากล้มป่วยรอบที่แล้ว อาเหยาเห็นภาพแปลก ๆ เจ้าค่ะ! เลยลองเอามาใช้ดู หากใช้ได้ก็ถือว่าเป็นผลดี ทว่าหากใช้ไม่ได้ก็ดีกว่าไม่ได้ลอง” นี่คือสิ่งที่เซี่ยซูเหยาจะบอกหากมีคนสงสัยว่าทำไมนางถึงทำอะไรเป็น ยิ่งครอบครัวเซี่ยนางยิ่งต้องบอก
เซี่ยห้าวไห่พยักหน้าทว่าก็อดกังวลไม่ได้ อาเหยาบอกเห็นภาพแปลก ๆ หรือนางจะยังป่วยอยู่
“ไปจับกุ้งกันเถอะ” เซี่ยซูเหยียนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ได้”
เซี่ยซูเหยายื่นกุ้งสับละเอียดให้พี่สาวปรุงรส วันนี้เซี่ยซูเจี๋ยจะเป็นคนลองทำอาหาร ส่วนเซี่ยซูเหยาจะเป็นลูกมือและคิดเมนูต่าง ๆ สิ่งแรกที่ง่ายคือใช้ของที่มีในบ้าน ชีวิตก่อนข้าวไข่เจียวคือเมนูที่หลายคนเลือกรับประทาน เซี่ยซูเหยาถึงเอามาลองดู
ข้าวไข่เจียวกุ้งจะเป็นเมนูแรกที่เซี่ยซูเหยาคิดจะนำไปขาย เนื่องจากไข่คือเมนูที่ทุกบ้านต้องทำกันอยู่แล้ว ไหนจะเครื่องปรุงอย่างน้ำมัน เกลือ และเนื้อสัตว์อย่างกุ้ง หากนำไปขายนางก็จะมีให้ชิมก่อน
เสียงน้ำมันดังฉ่าเมื่อเซี่ยซูเจี๋ยเทไข่สี่ฟองที่ถูกตีพร้อมกับกุ้งสับละเอียดสิบตัว นี่คือการทดลองชิมจึงไม่ได้ทำเยอะ อีกอย่างก็ต้องแบ่งไข่ไว้ทำเมนูอื่นบ้าง
เซี่ยซูเหยาคนหัวหมูต้มสมุนไพรที่นางเป็นคนปรุงเอง นี่เป็นสิ่งที่อยากทำขายเหมือนกัน ทว่าหากจะให้พ่อของนางไปล่าหมูป่าทุกวันคงไม่ได้ จริง ๆ ก็ไปล่าได้ ทว่าคงไม่ได้จับหมูง่าย ๆ
นางจึงมีความคิดที่ว่าจะลองใช้หัวหมูต้มสมุนไพรก่อน หากมันอร่อยนางถึงจะใช้เนื้อส่วนอื่นมาลองทำ อันไหนที่มีก็ใช้ไปก่อน
นอกจากนั้นก็ยังมีแกงส้มกุ้งที่เซี่ยซูเหยาดัดแปลงรสชาติขึ้นมาอีก นางไม่ได้กินนานแล้วเลยลองทำขึ้นมาดู
“ข้าวของเสี่ยวเฮยเย็นแล้ว อาเหยาเอาให้เสี่ยวเฮยเถิด” หลังจากทอดไข่เสร็จเซี่ยซูเจี๋ยก็หันมาบอกน้องสาวที่คนหม้ออยู่
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยานำข้าวที่ต้มจนเย็นแล้วมาตำละเอียด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางจะลองให้เจ้าเสี่ยวเฮยกินข้าว ทว่านางกลัวว่ามันจะกินไม่ได้ เลยจะบดละเอียดให้ก่อน ส่วนเนื้อปลาก็ยังมีเหมือนเดิม และมีไข่ไก่ต้มหนึ่งฟองที่มาเพิ่ม
“เสี่ยวเฮย!” เซี่ยซูเหยาร้องเรียกเจ้าเสี่ยวเฮยที่วิ่งเล่นหน้าบ้าน
เจ้าเสี่ยวเฮยที่วิ่งเล่นอยู่ถลาหน้ามาหาเซี่ยซูเหยาตั้งแต่ไกล นางส่ายหน้าพลางเทอาหารให้มันอย่างอารมณ์ดี
“ไอ้หยา! บ้านเซี่ยเลี้ยงสุนัขด้วยรึ!” เสียงร้องมาตั้งแต่ไกลทำให้เซี่ยซูเหยาหันไปมอง
เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านที่เดินมา คาดว่าคงมาเรียกไปใช้งาน เซี่ยซูเหยารีบเอาตัวบังเจ้าเสี่ยวเฮยเอาไว้ ทุกวันนี้มันดุมาก นางกลัวว่ามันจะกัดคนอื่น
“ท่านป้ามีธุระอะไรหรือเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาร้องถาม
คนที่มาใหม่มีใบหน้าที่ดำคล้ำ ร่างกายผอมแห้งซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะทุกบ้านก็เป็นแบบนี้ ทว่ามันต่างจากบ้านเซี่ยที่ไม่ค่อยมีเงิน พวกนางไม่มีเงินทว่าก็เอาเงินออกมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น
อีกทั้งเซี่ยซูเหยาก็ป่วยไม่ได้ออกจากบ้านและได้รับการบำรุงอย่างดี เซี่ยซูเจี๋ยก็ไม่ค่อยได้ออกไปรับจ้างนอกบ้าน นอกจากมีสีผิวที่คล้ำและผอมไปหน่อย
“ข้ามาหาเซี่ยซูเหยียน อยากให้เขาไปถอนหญ้าในนาให้หน่อย!” นางมี่ซือตอบทว่าสายตายังไม่ละออกจากลูกหมาป่า อาหารที่สุนัขตัวนั้นกินดีกว่าอาหารของบ้านนางเสียอีก!
“พี่รองไม่ว่างเจ้าค่ะ หากว่างอาเหยาจะรีบให้ออกไปหาท่านป้า” เซี่ยซูเหยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ไม่ว่าง?” นางมี่ซือถามย้ำอีกรอบ วันนี้เซี่ยซูเหยียนไม่ได้ไปรับจ้างใคร นางเลยมาจ้างให้ไปช่วยงานในแปลงนา ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ว่าง มันทำให้นางมี่ซือหัวเสียไม่น้อย พ่อลูกบ้านเซี่ยทำงานเก่งมากอีกทั้งยังขยัน ชาวบ้านที่พอมีเงินเลยชอบมาจ้างคนบ้านนี้
ต่อให้ได้เงินน้อยกว่าที่ตกลงราคากันเอาไว้ ทั้งเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก นางมี่ซือถึงชอบมาจ้างบ้านเซี่ยให้ไปช่วยงาน
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยากวาดสายตามองเมื่อเห็นนางมี่ซือเดินไปไกลแล้วถึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางกลัวว่าคนมาใหม่จะทำร้ายเจ้าเสี่ยวเฮย
ตลอดทั้งสัปดาห์นี้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนจะพากันไปล่าสัตว์ จับปลาและกุ้งกลับมาไว้ที่บ้านเพื่อทำอาหารไปขาย หากมีคนมาจ้างงานก็ให้บอกว่าไม่ว่าง