เซี่ยห้าวไห่นั่งแทบไม่ติดแคร่ไม้ไผ่หลังจากกลับมาจากการล่าสัตว์ ท่านยายหลี่ฮัวที่อยู่ข้างบ้านบอกว่าเซี่ยซูเหยียนพาพี่สาวและน้องสาวเข้าป่าไปแล้ว ยังเล่าเรื่องที่สายรองเซี่ยมาที่บ้านอีก
ทว่าที่เซี่ยห้าวไห่ไม่เข้าไปตามลูก ๆ เพราะอีกไม่นานเซี่ยซูเหยียนก็คงพาพี่สาวและน้องสาวกลับมา ลูกชายคนรองของเขารู้ตัวว่าสามารถพาไปที่ไหนได้บ้าง และกว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้านเซี่ยห้าวไห่ก็หมดแรงแล้ว
ผ่านไปเกือบชั่วยามเซี่ยห้าวไห่จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นลูกชายพาพี่สาวและน้องสาวกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย
“ท่านพ่อ”
“ท่านพ่อ”
“ท่านพ่อ!”
เสียงสุดท้ายเป็นเสียงของเซี่ยซูเหยาที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ นางคำนวณวันตามที่พี่สาวบอกทว่าเหลืออีกตั้งสองวันไม่ใช่หรือ ทำไมรอบนี้ถึงกลับมาเร็วกว่าปกติ
“อาเจี๋ย! อาเหยียน! อาเหยา!”
เซี่ยซูเจี๋ยรีบเข้าไปในบ้านเพื่อทำอาหารให้เซี่ยห้าวไห่ ปกติเวลาที่เซี่ยห้าวไห่กลับมาจากการล่าสัตว์ เซี่ยซูเจี๋ยก็จะรีบทำอาหารให้ เพราะเหล่านายพรานเร่งเดินทางกลับพวกเขาจึงไม่หยุดแวะพัก ทว่าบิดาของนางกลับมาถึงบ้านในตอนที่นางไม่อยู่ ไม่รู้ว่าบิดาของนางหิวมากเพียงใด
“ท่านพ่อมาเหนื่อย ๆ อาเหยาตักน้ำมาให้นะเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาที่เห็นว่าพี่สาวเข้าครัวไปทำอาหาร นางจึงรีบไปตักน้ำมาให้ผู้เป็นพ่อ
และยังไม่ลืมที่จะตักมาให้เซี่ยซูเหยียนอีกด้วย เขาแบกไข่ไก่มาเต็มตะกร้า กว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อยพอสมควร
เซี่ยห้าวไห่พยักหน้าพร้อมกับรับชามที่มีน้ำมาจากลูกสาวคนเล็ก ตั้งแต่มาถึงบ้านเขายังไม่ได้ดื่มน้ำเลย เพราะเป็นห่วงลูก ๆ พอเซี่ยซูเหยาตักน้ำมาให้ เขาจึงไม่ปฏิเสธ
เซี่ยซูเหยียนยืนก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด เขาไม่ควรที่จะพาพี่สาวและน้องสาวเข้าป่าก็ยามที่เห็นผู้เป็นบิดาร้อนรนที่ไม่เห็นลูก ๆ อยู่บ้าน
“ไปไหนกันมาหรือ” แม้จะรู้คำตอบจากท่านยายหลี่ฮัว ทว่าเซี่ยห้าวไห่ก็อยากฟังคำตอบจากลูก ๆ ของเขาก่อน
“อาเหยาเบื่อเจ้าค่ะ เลยชวนพี่ชายไปเก็บผักบริเวณชายป่า” เซี่ยซูเหยากล่าวอย่างอารมณ์ดี นางรู้ว่าพี่ชายรู้สึกผิด ทว่านางเป็นคนที่ต้องการไปเอง
“บริเวณชายป่าจริง ๆ หรือ”
เซี่ยห้าวไห่เหลือบมองลูกชายที่หลบสายตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อมองไปยังลูกสาว
อาเหยาคงจะอยากไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เอ่ย ที่สำคัญเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ชายป่าเพราะเขาเดินผ่านมาไม่เห็นชาวบ้านสักคน
“เจ้าค่ะ!” เซี่ยซูเหยาพยักหน้ารัวเพื่อยืนยันว่าพวกนางเข้าไปบริเวณชายป่าจริง ๆ ซึ่งมันก็อยู่ไม่ไกลจากชายป่าเท่าไร นางนับรวมคงไม่เป็นไร
“ครั้งหน้าหากไม่มีผู้ใหญ่อย่าไปกันอีก”
เซี่ยห้าวไห่เป็นห่วงว่าครั้งนี้ปลอดภัย ทว่าหากเข้าไปอีกรอบหน้าเขาไม่คิดว่ามันจะปลอดภัย แต่เขาสามารถพาลูก ๆ เข้าไปได้
“เจ้าค่ะ”
“ขอรับ”
“จริงสิ! อาเหยาเก็บไข่ไก่กลับมาด้วยนะเจ้าคะ!” เซี่ยซูเหยาไม่ว่าเปล่า นางเอาใบไม้ที่ปิดตะกร้าไข่ไก่ป่าอย่างรวดเร็ว
เซี่ยห้าวไห่ตาลุกวาวด้วยความตกใจ ไข่ไก่ป่า! มันมีมากถึงครึ่งตะกร้า! อีกทั้งน้ำหนักไม่น้อยเลยจริง ๆ หากนำไปขายคงได้หลายอีแปะ
“ไข่ไก่ป่า? พวกเจ้าเข้าไปในรังไก่หรือ!”
หากเป็นเซี่ยซูเหยียนที่เป็นคนเก็บไข่ไก่ป่าเซี่ยห้าวไห่จะไม่เป็นกังวล เพราะเขาเคยสอนลูกชายเรื่องการเอาตัวรอด ทว่าหากเป็นลูกสาวมันอันตรายมาก
“อาเหยาไปปลดเบาเจ้าค่ะ บังเอิญเห็นรังไก่ป่าเลยเก็บไข่กลับมา ก่อนจะกลับมีไก่ป่ากลับรังมาตัวหนึ่งพอดีเจ้าค่ะ อาเหยาเลยเอากลับมาด้วย” เซี่ยซูเหยาชี้ไปยังตัวไก่ป่าที่อยู่ในตะกร้าของพี่สาว ส่วนเซี่ยซูเจี๋ยรีบไปทำอาหารนางเลยวางตะกร้าเอาไว้ที่แคร่ไม้ไผ่
“อาเหยาไปช่วยพี่สาวทำอาหารในครัวเถิด พ่อจะแยกไข่ไก่ไว้ให้ บอกพี่สาวว่าพ่อเอาหัวหมูกลับมาด้วย ตอนนี้พ่อวางไว้ในบ่อข้างบ้าน”
“หัวหมูหรือเจ้าคะ!”
“ใช่แล้ว นอกจากหัวหมูก็ยังมีอย่างอื่นอีกด้วย” เซี่ยห้าวไห่พยักหน้า
“เจ้าค่ะ! อาเหยาขอตัว”
เซี่ยห้าวไห่ส่ายหน้าเมื่อลูกสาวคนเล็กรีบวิ่งไปหลังบ้านเพื่อไปดูของ ส่วนเขาหันกลับมาช่วยลูกชายแยกไข่ไก่ป่า ไข่บางส่วนใกล้จะฟักออกเป็นตัวแล้ว บางส่วนเก็บไว้ได้อีกเป็นเดือน ทว่าอ**บางส่วนก็ควรนำไปขาย ไม่เช่นนั้นหากไก่ป่าฟักออกมาเป็นตัว พวกเขาจะเดือดร้อน
สองพ่อลูกช่วยกันแยกไข่ไก่และสองสาวบ้านเซี่ยกำลังช่วยกันทำอาหาร ระหว่างรออาหารสุกก็แยกของที่เซี่ยห้าวไห่เอากลับมาด้วย
เซี่ยห้าวไห้เลยใช้โอกาสนี้ถามลูกชายถึงเรื่องที่เขาไม่อยู่ เพราะถึงท่านยายหลี่ฮัวจะเล่าให้ฟังแล้ว ทว่ามันไม่เหมือนกับลูกชายเล่าให้ฟัง เพราะหากเป็นลูกชายเล่าเซี่ยห้าวไห่สามารถเชื่อได้โดยไม่มีข้อแม้
เซี่ยซูเหยียนเล่าหมดเปลือกว่าตั้งแต่ที่เซี่ยห้าวไห่ไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง อีกทั้งยังเล่าถึงสองฝาแฝดสกุลเซี่ยจะทำอะไรเซี่ยซูเหยาอีกด้วย
กว่าจะทำอาหารเสร็จก็ใช้เวลาเกือบสองเค่อ ทั้งบ้านเซี่ยจึงพากันรับประทานอาหารเพื่อเอาแรง หลังจากนั้นคงต้องช่วยกันแยกของที่จะเก็บไว้แล้วนำไปขาย
เซี่ยซูเหยามองหัวหมูป่าสด ๆ ที่ยังไม่ผ่านการต้มหรือการทำสุกใด ๆ อย่างใช้ความคิด ถ้านางจำไม่ผิดที่เคยเรียนรู้ในชีวิตก่อนว่าหมูป่ามีกลิ่นคาวกว่าหมูในฟาร์มที่เพาะเลี้ยงโดยเฉพาะ
การที่จะดับกลิ่นคาวมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นล้างด้วยเกลือ หมักด้วยสมุนไพรหรือแม้กระทั่งวิถีชาวบ้านเมื่อก่อน ที่ใช้น้ำซาวข้าวในการล้าง
และแน่นอนว่านี่คือบ้านของนายพรานเซี่ย เซี่ยห้าวไห่ เซี่ยซูเจี๋ย และเซี่ยซูเหยียนต่างรู้วิธีดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์
“อาเหยา”
เซี่ยซูเหยากระพริบตารีบมองไปยังพี่สาวที่เรียก นางกำลังคิดเพลินว่าจะเอาไปทำเมนูอะไรอยู่ เลยไม่ได้ยินเสียงเรียกของพี่สาวที่ยืนอยู่นาง
“เจ้าคะ?”
“ท่านพ่อให้พี่มาเรียกอาเหยา ไข่ไก่มีเป็นร้อยฟอง ต่อให้นำมาทำอาหารทุกวันก็ทำกินไม่ทัน” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยบอก
เซี่ยซูเหยียนบอกว่าเซี่ยซูเหยาเป็นคนเก็บไข่ไก่ป่าได้ จึงควรให้นางตัดสินใจว่าควรจะนำไปขายหรือเก็บเอาไว้ อีกอย่างยังมีไข่อีกหลายฟองที่คาดว่าเหลือไม่กี่วันก็จะฟักออกจากไข่แล้ว
ไข่ไก่จำนวนยี่สิบห้าฟองถูกวางลงบนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ยังดีที่ไม่มีชาวบ้านเดินผ่านมา และทุกบ้านกำลังยุ่ง บ้านเซี่ยจึงไม่กลัวว่าจะมีใครมาเห็นจำนวนไข่
ไข่ไก่พวกนี้เซี่ยห้าวไห่คาดว่าเหลืออีกไม่กี่วันก็จะฟักตัวออกมา ส่วนที่เหลือจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบเก้าฟองคาดว่าคงใช้เวลาอีกครึ่งเดือนจึงจะฟักตัวออกมา และสามารถนำไปขายได้
ไข่ไก่สองฟองราคาสามอีแปะ หากขายห้าสิบฟองก็จะได้เงินมาเจ็ดสิบห้าอีแปะ ทว่าเซี่ยห้าวไห่ก็อยากถามความคิดเห็นของลูกสาวก่อน หากนางอยากเก็บไว้เขาก็จะเก็บเอาไว้ ถ้าไม่ต้องการก็จะนำไปขายและเงินในส่วนนี้เขาก็จะให้ลูกสาวไป
“ท่านพ่อ”
“อาเหยามาพอดี ไข่ไก่พวกนี้อีกไม่กี่วันก็จะฟักตัวออกมาแล้ว หากนำไปขายคงได้ราคาฟองละหนึ่งอีแปะ ทว่าหากขายไข่ในตะกร้าจะราคาสองฟองสามอีแปะ” เซี่ยห้าวไห่เอ่ยบอกลูกสาว
เซี่ยซูเหยามองดูไข่ไก่ที่แยกออกมาอย่างใช้ความคิด ราคาไข่ไก่มันถูกไปสำหรับนาง ทว่าหากเก็บเอาไว้มีแต่จะเน่าเสีย
อีกทั้งแม่ไก่ป่ายังออกไข่เยอะถึงเพียงนี้ หากเก็บเอาไว้ได้คงดีไม่น้อย และที่บ้านก็เลี้ยงไก่ไว้สามตัว เซี่ยซูเหยาถอนหายใจก่อนเอ่ยถาม
“ท่านพ่อ เราเก็บไว้ไม่ได้หรือเจ้าคะ” อย่างน้อยหากมันออกไข่ต่อครั้งก็สามารถนำไปขายได้ และไก่ป่าที่นี่ไม่เหมือนที่ที่นางจากมา ไก่ป่าที่นี่จะออกไข่ทุก ๆ สิบห้าวันเพื่อการอยู่รอดของมัน
และใช้เวลามากกว่าสองเดือนในการฟักออกจากไข่ ทว่ามันยังไม่เพียงต่อประชากรของชาวบ้านแคว้นหนาน
“หากเก็บเอาไว้มันคงจะฟักตัวออกมา เมื่อถึงเวลานั้นเราต้องเลี้ยงมัน”
อาหารสำหรับให้ไก่ป่าคือธัญพืชที่มีในบ้าน ทว่าหากมีไก่มาเพิ่มมันต้องใช้มากขึ้น ยิ่งเมื่อไก่อายุถึงหนึ่งร้อยวันมันก็จะออกไข่ได้
เซี่ยซูเหยาพยักหน้าเบา ๆ ทว่าไก่กว่าจะโตและอาหารต้องมากขึ้นยังเหลือเวลาอีกหลายเดือน นางต้องการเก็บไก่เอาไว้เพื่อนำไปขาย
“แบ่งไข่ไก่ที่ยังดีอยู่ไปขายเถิดเจ้าค่ะ อาเหยาอยากเก็บไข่พวกนี้เอาไว้” อีกอย่างนางก็ไปเก็บมาตั้งร้อยฟอง หากเก็บเอาไว้ก็ไม่ต้องไปเก็บในป่าอีก
“ได้! พ่อจะแบ่งไข่พวกนี้ไปขาย”
ไก่ที่เพิ่งฟักออกมาหาอาหารให้ได้ไม่อยากและหากมันโตคงถึงช่วงเก็บเกี่ยวธัญพืชแล้ว ถึงบ้านเซี่ยของเขาจะไม่มีนาให้ทำ ทว่าหากไปช่วยชาวบ้านหรือไปรับจ้างก็จะได้ส่วนแบ่งมาบ้าง อีกอย่างหากไก่โตขึ้นก็สามารถนำไปขายได้ เล้าไก่ที่มีก็ใหญ่พอสมควร
นอกจากแบ่งไข่ไก่ป่าไปขายแล้ว ยังมีกระต่ายตัวอวบอ้วนที่หนักมากกว่าห้าจินอีกสองตัว มีไก่ฟ้าสองตัว ขาหมูหนึ่งขา และมีหางหมูอีก ของพวกนี้ไม่รวมกับเนื้อที่เก็บไว้สำหรับทำกินในบ้านอีกส่วน
หากนำของพวกนี้ไปขาย คาดว่าคงได้ไม่ต่ำกว่าสองตำลึงเงิน ซึ่งมันสามารถซื้อข้าวสารได้อีกหลายจิน ที่สำคัญอาหารก็มีไม่ต้องไปซื้อ
ตกลงกับเซี่ยห้าวไห่เสร็จเซี่ยซูเหยาก็กลับมาจัดการหัวหมูต่อ ทว่าเซี่ยซูเจี๋ยล้างทำความสะอาดพร้อมกับนึ่งดับกลิ่นคาวหัวหมูไปแล้ว เซี่ยซูเหยาจึงทำได้เพียงรอให้มันสุก และคิดวิธีนำไปทำอาหารอย่างไรดี
เจ้าเสี่ยวเฮยคงได้กลิ่นอาหารตั้งแต่ที่นางกลับมานางก็ไม่เห็นมัน ทว่าพอทำอาหารเจ้าเสี่ยวเฮยที่หลับอยู่ในซอกมันกลับออกมาอ้อนขออาหาร
“เจ้าอ้วนมากแล้วนะ!” เซี่ยซูเหยาบ่นออกมาเบา ๆ พลางหัวเราะคิกคักเมื่อนางใช้มือเกาหน้าท้องมัน
จากวันแรกที่ผอมจนนางสามารถอุ้มไปไหนมาไหนได้ ทว่ายามนี้นางอุ้มแทบไม่ได้แล้ว ยิ่งอาหารที่มันกินในแต่ละวันกล่าวได้ว่ากินเยอะกว่านางเสียอีก
“พี่จะนำเสื้อไปซัก อาเหยาช่วยดูไฟให้ด้วย” เซี่ยซูเจี๋ยหันมาบอกน้องสาวที่เล่นกับเจ้าเสี่ยวเฮยอย่างอารมณ์ดี
“ให้อาเหยาไปช่วยหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ต้อง”
เซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าปฏิเสธ น้องสาวของนางเดินเหนื่อย ๆ มาทั้งวัน ตอนนี้ควรที่จะต้องไปพักแล้ว ทว่านางต้องนำผ้าไปซักจึงต้องให้น้องสาวคุมไฟที่นึ่งหัวหมูเอาไว้