กลิ่นอาหารของบ้านเซี่ยหอมถึงบ้านที่อยู่ห่างกันหลายจั้ง มีบางคนถึงขั้นเดินออกมาดูว่าเป็นกลิ่นอาหารจากบ้านหลังไหน พอตามกลิ่นมาถึงเห็นว่ามาจากบ้านเซี่ยก็แยกย้ายกันไป
ข่าวลือที่บ้านเซี่ยเลี้ยงลูกสุนัขถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่บ้าน ใคร ๆ ก็รู้ว่าบ้านเซี่ยไม่มีเงิน ทว่าพวกเขากลับเอาภาระมาเลี้ยง
เซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าให้ท่านยายไห่ซือที่เดินมาถามหลังนางนั่งซักเสื้อ นางมี่ซือเป็นลูกสะใภ้ของท่านยายไห่ซือที่มาตามน้องชายคนรองเมื่อวานนี้ นางจึงไม่แปลกใจที่จะมีคนมาถาม ลำพังแต่ละบ้านก็อยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ ทว่าบ้านเซี่ยกลับเลี้ยงลูกสุนัข ต้องแบ่งอาหารให้มันอีก ไม่เป็นภาระแล้วจะให้เป็นอะไร
“พี่สาว”
เซี่ยซูเหยาที่เดินตามพี่สาวมานั่งลงข้าง ๆ กัน วันนี้นางขอเซี่ยซูเจี๋ยมาซักผ้าเองเพราะพี่สาวปวดท้อง มันจึงเป็นข้ออ้างที่เซี่ยซูเจี๋ยปฏิเสธไม่ได้
“อาเหยานั่งนิ่ง ๆ นะ! รอรับผ้าก็พอ” เซี่ยซูเจี๋ยหันไปบอกน้องสาว
“เจ้าค่ะ”
ทว่าเซี่ยซูเจี๋ยก็คือเซี่ยซูเจี๋ย นางไม่ต้องการให้น้องสาวของนางออกแรงแม้แต่น้อย เซี่ยซูเจี๋ยหาที่นั่งให้น้องสาวก่อนจะลงมือซักเสื้อ
“อาเจี๋ย ทำไมเจ้าไม่ให้น้องสาวของเจ้าซักเสื้อเอง”
“อาเหยาป่วยเจ้าค่ะท่านป้า” เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้ม ๆ หน้าที่งานบ้านยกให้นางคนเดียวก็พอแล้ว
“ไม่ได้สิ! เป็นสตรีต้องทำงานบ้านงานเรือน จะให้นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้นะ! บ้านไหนจะอยากมีสะใภ้แบบนี้”
สตรีวัยกลางคนกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย อีกทั้งยังหันไปหยิกแขนลูกสะใภ้ตัวเองที่ออกแรงซักเสื้อเบา สะใภ้คนนี้มีบ้านเดิมที่ยากจนกว่าบ้านของนาง นางมู่ซือจึงไม่กลัว
“โอ้ย!”
“แรงกว่านี้! ซักเบา ๆ มันจะออกหรือยังไง!” สะใภ้ของนางไม่ได้เรื่องเลยสักนิด นี่จึงเป็นสาเหตุที่นางมู่ซือต้องมาบังคับลูกสะใภ้ให้ซักผ้าในบ้านให้หมด จะได้ไปทำงานอื่น
“ท่านป้าไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าสอนน้องสาวได้” เซี่ยซูเจี๋ยไม่ว่าเปล่านางหันกลับมาบอกน้องสาวว่าต้องซักยังไง
ชาวบ้านในหมู่บ้านรู้ว่าเซี่ยซูเหยาป่วยงานของสตรีอาจจะทำในบ้าน ทว่าวันนี้พอเซี่ยซูเจี๋ยพาน้องสาวมา เซี่ยซูเหยากลับทำเพียงนั่งนิ่ง ๆ
“อาเหยาซักได้เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยาซักผ้าเป็นเพราะนางซักผ้าบ่อย อีกทั้งในตอนที่ยังเป็นเนเน่ นางต้องซักมือทั้งของนาง อาป๊า หม่าม้า ส่วนของเฮียนรากับตี๋เล็กหากไม่ส่งไปซักก็ซักเครื่องในบ้าน หม่าม้าบอกว่ามันเปลืองไฟเลยไม่ให้ซัก และบางทีเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของทั้งสองก็เป็นนางที่ซักเอง
“ไม่ได้” เซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าปฏิเสธ
“ถ้าแต่งออกไปแล้วน้องสาวของเจ้าจะถูกบ้านสามีข่มเหงนะ!” สตรีวัยกลางคนที่นั่งไม่ห่างจากนางมี่ซือเอ่ยบอกด้วยความหวังดี
ข้าง ๆ นางมีเด็กน้อยที่น่าจะอายุไม่ต่างจากเซี่ยซูเหยานั่งเบะปากอยู่ นางไม่ต้องการทำงานบ้านของสตรี ไม่ต้องมานั่งเจ็บตัวเพราะซักผ้าเองไม่ได้
“ขอบคุณท่านป้าที่ชี้แนะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเจี๋ยกล่าวยิ้ม ๆ ทว่านางก็ไม่ได้ให้น้องสาวช่วยอยู่ดี
สำหรับนางแล้วน้องสาวของนางยังเด็กอยู่ ถึงแม้ชาวบ้านจะให้ลูกหลานที่เป็นสตรีทำงานบ้านตั้งแต่แปดหนาวแล้วก็ตาม หรือแม้แต่นางก็เริ่มทำตั้งแต่จำความได้
เซี่ยซูเหยาหันมองรอบ ๆ ระหว่างนั่งรอพี่สาวซักผ้า ถ้าเซี่ยซูเจี๋ยซักผ้าเสร็จนางถึงจะล้างผ้าช่วย ไม่เช่นนั้นเซี่ยซูเจี๋ยก็ไม่ให้ทำ
ชาวบ้านบางคนมาคนเดียว ทว่าบางคนก็เกาะกลุ่มกันมา ส่วนมากจะเป็นสตรีวัยกลางคนที่ไม่ได้ไปลงแปลงนาหรือรับจ้าง บางคนก็มานั่งเงียบ ๆ รอสหายมาซักผ้า หรือเด็กเล็กที่ผู้เป็นแม่นำมาด้วย เด็กวัยแปดหนาวส่วนมากก็เริ่มทำงานบ้านกันแล้ว
อย่างเซี่ยซูเจี๋ยที่มาคนเดียวทุกวัน ทว่าวันนี้มันต่างออกไปตรงที่นางมาด้วย และเซี่ยซูเจี๋ยก็บอกว่าวันนี้สหายของนางคงไม่ได้มา ถ้าเจอกันจะแนะนำให้รู้จัก
ยังดีที่พี่สาวของนางยังมีสหายไว้คุยบ้าง ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตามพี่สาวมาทุกวัน ที่บ้านมีเซี่ยซูเหยียนเฝ้ารอนางถึงกล้าตามพี่สาวมา
“ไปตามอาเหยียนมาเถอะ” เซี่ยซูเจี๋ยหันมาบอกน้องสาวอย่างรู้ทัน
เซี่ยซูเหยียนชะงักค้างนางกำลังจะเอื้อมมือมาหยิบเสื้อเพื่อบิดให้ไม่มีน้ำ ทว่าพี่สาวของนางกลับเอ่ยพลางยิ้มอ่อน
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยียนล็อคบ้านอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นพี่สาวกับน้องสาวไปนานแล้ว วันนี้เสื้อที่ต้องนำไปซักมีหลายตัวเขาจึงต้องไปยกตะกร้าเพราะพี่สาวปวดท้อง ทว่าเซี่ยซูเหยียนต้องรอให้เซี่ยซูเหยามาเรียกก่อน แต่พอเห็นว่าไปนานแล้วและอาเหยาก็ไม่ได้มาเรียก กลัวจะเกิดอะไรขึ้น
ระหว่างทางเดินไปที่แม่น้ำสำหรับเหล่าสตรีที่ซักผ้า เซี่ยซูเหยียนก็เดินผ่านกลุ่มเด็กชายที่วิ่งเล่นกันอยู่ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเด็กที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน มีตั้งแต่ห้าหนาวไปจนถึงสิบหกหนาว บางครั้งเซี่ยซูเหยียนก็อยากเข้าไปเล่นด้วย ทว่าเข้าต้องหาเงินเข้าบ้านเยอะ ๆ จึงไม่ได้สนใจ
“ซูเหยียน!”
เซี่ยซูเหยียนหันไปมองเมื่อมีคนเรียก เป็นเจ้าไห่หม่าหรง ปีนี้อายุสิบห้าแก่กว่าเขาสามปี ทว่าไม่เคยทำงานในแปลงนาหรือไปรับจ้างเลย เพราะเขาเป็นหลานชายคนโตของบ้านไห่ และนางไห่ซือก็รักหลานชายคนนี้มาก
“ขอรับ”
เซี่ยซูเหยียนอายุน้อยกว่าเขาจึงไม่แข็งข้อ อีกทั้งกลุ่มของไห่หม่าหรงก็เดินมาล้อมเขาแล้ว เซี่ยซูเหยียนส่ายหน้าทว่าก็ไม่ได้กล่าวต่อ
“มาเป็นวัวให้ข้าขี่เดี๋ยวนี้นะ!”
ไห่หม่าหรงเป็นเด็กที่โตแค่ตัวและอายุ สมองของเขายังเหมือนเด็กน้อยแปดหนาว เป็นเด็กที่อยากได้ต้องได้ ยิ่งนางไห่ซือสนับสนุนไห่หม่าหรงก็ยิ่งได้ใจ รังแกเด็กที่ไม่ยอม หากเด็กคนนั้นอยู่ในกลุ่มก็จะถูกไล่ออกหากไม่ฟังเขา
“ข้าต้องไปช่วยพี่สาวแบกตะกร้าผ้า” เซี่ยซูเหยียนปฏิเสธ
“ก็ให้รอสิ!”
“ใช่ ๆ ลูกพี่ข้าอยากขี่วัว!”
เด็กชายผิวดำคล้ำที่ผอมแห้งพยักหน้ารัว หากเจ้าเซี่ยซูเหยียนมาเป็นวัวให้ลูกพี่ของมันขี่ มันก็จะไม่ต้องทนเป็นวัวของลูกพี่อีกต่อไปแล้ว!
“อะ…”
เซี่ยซูเหยียนที่ยังไม่ได้กล่าวปฏิเสธก็ถูกเด็กกลุ่มของไห่หม่าหรงกดลงพื้น เพื่อให้ลูกพี่ของพวกมันขี่หลังเซี่ยซูเหยียน เซี่ยซูเหยียนพยายามขัดขืน ทว่าต่อให้มีแรงมากแค่ไหนก็สู้กลุ่มคนไม่ได้
ตุ้บ!
“โอ้ยยยยย!”
ไห่หม่าหรงร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด มันกำลังจะเหยียบหลังเซี่ยซูเหยียนที่ถูกกดลงพื้น ก่อนจะมีหินถูกโยนเข้ามา
เซี่ยซูเหยาโมโห! นางกำลังเดินกลับบ้านเพื่อไปเรียกพี่ชายอย่างอารมณ์ดี ทว่าพอเดินผ่านจุดหนึ่งนางเห็นเด็กถูกล้อม คราแรกก็จะไม่สนใจเพราะกลุ่มเด็กมีจำนวนที่เยอะ ทว่าพอเพ่งมองแล้วนางกลับเห็นเซี่ยซูเหยียนนอนอยู่กับพื้น!
พี่น้องบ้านเซี่ยหากมีคนมาทำตัวเองจะไม่มีใครสนใจ ทว่าอย่ามาทำพี่น้องของพวกนาง! เซี่ยซูเจี๋ยปกป้องน้องชาย น้องสาว เซี่ยซูเหยียนปกป้องพี่สาว น้องสาว เซี่ยซูเหยาก็เช่นเดียวกัน นางจะปกป้องพี่สาวและพี่ชาย!
“เลือด! เลือด!”
เด็กชายผอมแห้งชี้เลือดบนหัวของไห่หม่าหรงอย่างหวาดกลัว ก่อนเสียงโวกเวกโวยวายจะดังตามมา เซี่ยซูเหยียนรีบใช้โอกาสนี้วิ่งไปหาน้องสาวพลางดึงแขนให้รีบหนี
ยังดีที่กลุ่มเด็กของไห่หม่าหรงหวาดกลัวเลือดพวกมันจึงไม่ได้สังเกตและมองว่าใครเป็นคนปาหิน เซี่ยซูเหยารีบวิ่งตามพี่ชายไป
เซี่ยซูเจี๋ยมองน้องชายกับน้องสาวที่รีบเดินมาก่อนจะขมวดคิ้ว ทั้งสองวิ่งหนีอะไรมาถึงได้เหนื่อยกันมากขนาดนี้ พลางเอ่ยถาม
“เกิดอะไรขึ้นหรือ!”
เซี่ยซูเหยาป่วยบ้านเซี่ยจึงรู้ว่าไม่ควรให้เซี่ยซูเหยาออกแรง ทว่าเซี่ยซูเหยียนกลับพาน้องสาวมาหานางอย่างเร่งรีบ
“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่มีก็ไม่มี กลับกันเถอะ”
เซี่ยซูเหยาทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อหน้าเซี่ยซูเจี๋ยเพื่อไม่ต้องการให้นางกังวล เซี่ยซูเหยียนก็เหมือนเข้าใจเพราะเขาก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้
ไข่ห้าฟองถูกตีละเอียดพร้อมเครื่องปรุงอย่างเกลือที่มีในบ้าน เซี่ยซูเหยาใส่ผักลงไป ไม่มีเนื้อสัตว์สักชิ้นเดียว
นางเทข้าวที่พักจนเย็นในจานลงถ้วยใส่ไข่ที่ถูกตีละเอียด เซี่ยซูเหยาตีส่วนผสมให้เข้ากันก่อนจะนำลงไปนึ่งในหม้อ
นี่คือเมนูที่เซี่ยซูเหยาเพิ่งคิดค้นมา มันไม่ต้องใส่เครื่องปรุงที่เยอะ และชาวบ้านมีกำลังซื้อมากพอ หากทอดไข่เจียวกุ้งขายมันต้องใช้น้ำมัน เซี่ยซูเหยากังวลว่าน้ำมันจะมีไม่พอ
“หอมมาก” เซี่ยซูเจี๋ยที่นำผักไปล้างกล่าวออกมา
“อาเหยาเพิ่งยกลงเตาเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้ม ๆ หากนางยกลงหม้อนานแล้วจะไม่ว่าเลย ทว่าเพิ่งยกลงหม้อกลิ่นหอมของอาหารจึงยังไม่มี
“ท่านพ่อกล่าวว่าวันที่สี่เดือนเจ็ด ตลาดในตำบลเปิด สามารถนำไปขายได้ ทว่าต้องรีบไปเร็วหน่อยเพราะคนกลับเร็วมาก” เซี่ยซูเจี๋ยยกชามผักขึ้นมาวางบนโต๊ะพร้อมเอ่ยบอก
วันนี้วันที่หนึ่งเดือนเจ็ดหมายความว่าเหลืออีกเพียงสามวันเท่านั้นที่นางต้องเตรียมตัว เพราะรอตลาดใหม่เปิด ทำให้ตลาดเก่าเปิด ๆ ปิด ๆ ตามอารมณ์ของคนดูแล
นอกจากคนในตำบลแล้วยังมีคนนอกหมู่บ้านและตำบลอื่นที่เข้ามาซื้อของไปทำกินในบ้าน ไม่ใช่ว่าทุกตำบลจะมีตลาด ที่ตำบลของนางก็เพิ่งมีตลาดใหม่เพราะเห็นว่าจะให้ชาวบ้านที่อื่นมาซื้อของที่นี่
“พรุ่งนี้ต้องให้ท่านพ่อไปจับกุ้งมาเพิ่มแล้ว” เซี่ยซูเหยาพยกหน้าอย่างเข้าใจ
ที่บ้านมีกุ้งอยู่หลายร้อยตัวทว่ากุ้งพวกนี้เป็นกุ้งที่จับมาทดลองทำอาหารเท่านั้น บางตัวก็ตายเพราะไม่ได้รับการดูแลที่ดี เซี่ยซูเหยาต้องการกุ้งที่สดเพื่อนำมาทำอาหาร
“ต้องซื้อข้าวเพิ่มหรือไม่”
“ซื้อเจ้าค่ะ!”
ตลาดในตำบลของนางเป็นตลาดใหญ่ มีคนมาซื้อของจำนวนมากตามคำบอกเล่าของพี่สาว เซี่ยซูเหยาจะลองทำอาหารไปขายเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือข้าวไข่ตุ๋นผัก ทว่าหากมีแค่ผักคนจะมาซื้อทำไม นางจึงทำข้าวไข่ตุ๋นกุ้งไปด้วย
วันนี้ทดลองทำและจดบันทึกสูตรเอาไว้ กล่าวถึงการจดบันทึกมันทำให้เซี่ยซูเหยาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ นางไม่มีกระดาษหรือหมึก และไม่มีเงินไปซื้อ