เกศรินทร์เป็นสาวน้อยวัยยี่สิบปี อยู่ในวัยมหาวิทยาลัยแต่ดร็อปเอาไว้เพราะเป็นคนขี้เกียจ โดยให้เหตุผลว่าเหนื่อยเรียนและขอช่วยงานบิดาก่อน จากนั้นเธอก็ไม่อยากกลับไปเรียนอีกเลย แต่เรื่องความสวยความน่ารักไม่เป็นสองรองใครแน่นอน เว้นก็แต่แพ้พี่สาวอย่างราบคาบแม้กระทั่งความเก่งกาจก็สู้พี่สาวไม่ได้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะห้องทำงานของพ่อเลี้ยงอังกรูดังขึ้นจากด้านนอก ทำให้เจ้าของห้อง ต้องละสายตาจากเอกสารที่กองอยู่เต็มโต๊ะ เพื่อมองไปยังประตูห้องของตัวเอง ใครกันนะที่มารบกวนเวลาที่เขาทำงาน เขาคิดก่อนจะลุกเดินไปเปิดให้อย่างหงุดหงิด
“เอี๊ยด!” เสียงประตูเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นบุตรสาวพร้อมกับคนรับใช้
“อ้าวเกรซ มีอะไรลูกนี่พ่อกำลังทำงานอยู่” อังกรูบอกด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย
“เกรซขอโทษค่ะ พอดีมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณพ่อ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงหม่นลง
“สำคัญแค่ไหน หรือต้องบอกตอนนี้เลย พ่อจะทำงาน”
“สำคัญแน่ค่ะเพราะเป็นเรื่องของพี่แสง ลูกสาวคนโปรดของคุณพ่อ” พอเธอพูดชื่อนี้อังกรูก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที
“แสงทำไม” อังกรูถามเสียงเข้มนิดหน่อย
“ขอเกรซเข้าไปได้ไหมคะคุณพ่อ เกรซพูดตรงนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“งั้นก็เข้ามา” อังกรูอนุญาตเฉพาะบุตรสาว ส่วนแววให้รออยู่ด้านนอก
“หนูจะพูดอะไรเรื่องพี่แสง เค้าทำอะไรอย่างนั้นเหรอ” อังกรูปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติเพื่อที่จะรับฟัง
“เรื่องนี้อาจจะทำให้คุณไม่พอใจ แต่คุณพ่อก็ควรรู้เพราะเป็นพ่อ คือมีชาวบ้านลือว่าพี่แสงพาผู้ชายเข้าไปอยู่บ้าน ได้ยินมาว่าพาขึ้นไปนอนบนห้องของตัวเองเลย เป็นแฟนหรือเปล่าไม่รู้ค่ะ คุณพ่อจะว่าอย่างไร เกรซว่างามหน้านะคะเนี่ย ได้ดั่งใจคุณพ่อทุกอย่างแต่มาเสียคนเอาตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว” เธอว่าให้พี่สาว
“พี่เค้าโตแล้ว เรื่องความรัก เป็นเรื่องส่วนตัวพ่อไม่ยุ่งเกี่ยว”
“แต่มันทำให้คนงานเอามานินทานะคะ เป็นถึงนายหญิงของชันชายน์วัลเลย์ทำอะไรไม่เหมาะสม มีอย่างที่ไหนเอาผู้ชายมานอนในบ้าน”
“พี่แสงอายุ 26 แล้ว เขาตัดสินใจเองได้ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ คงกำลังศึกษาดูใจกันอยู่ ถึงเวลาเดี๋ยวก็คงจะพามาไหว้พ่อล่ะมั้ง ว่าแต่ลูกเห็นหรือยังไงว่าพี่ทำอย่างที่พูดจริงๆ”
“คนงานลือกันให้แซดค่ะ มาอยู่ด้วยกันน่ะไม่เท่าไหร่ แต่หัวนอนปลายเท้าเป็นยังไงก็ไม่รู้ คุณพ่อจะให้ลูกสาวผู้ทรงอิทธิพลของคุณพ่อ เอาผู้ชายต๊อกต่อย ต่ำๆ มาเป็นผัวเหรอคะ” ขณะที่กำลังฟังลูกเลี้ยงเล่า อังกูรก็พยายามกดกลั้นอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้ แม้แทบจะลมจับ เพราะแสงฉายไม่เคยทำตัวแบบนี้มาก่อน การเป็นขี้ปากของชาวบ้านกับคนงานใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี เสียชื่อหมด งานนี้ต้องเรียกมาคุยเสียแล้ว
“ถ้าพี่แสงเค้าทำอย่างนั้นจริงๆ พ่อคงต้องเรียกมาคุยกันที่นี่เสียแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นพวกคนงาน คงต้องเอาไปนินทากันสนุกปาก ไม่เป็นผลดี”
“แล้วคุณพ่อจะลงโทษอย่างไรคะ”
“พี่เค้าโตแล้วจะให้ลงโทษอย่างไรล่ะ ที่สำคัญพี่แสงเป็นถึงนายหญิงของซันชายน์วัลเลย์ไม่ใช่เด็ก” คำนี้อังกรูหันมาเน้นกับบุตรสาวคนเล็ก
“เกรซก็ไม่ใช่เด็กเหมือนกัน” เหมือนเธอจะรู้ว่าบิดาตำหนิ
“หมดเรื่องจะบอกพ่อรึยัง พ่อจะได้ทำงานต่อ”
“หมดแล้วค่ะ แล้วคุณพ่อจะเรียกพี่แสงมาคุยเมื่อไหร่คะ”
“เดี๋ยวค่อยโทรนัดอีกที จะได้เตรียมมาทานข้าวเย็นด้วยกัน”
“เย็นนี้เลยไม่ได้เหรอคะ” เธอรบเร้าเหลือเกิน
“เย็นนี้พ่อไม่ว่าง ต้องเคลียร์งาน ถ้าเราว่างนักก็ลองไปสืบเสาะเรื่องจริงมาให้กระจ่าง แทนที่จะนั่งเดาแล้วเอามาบอกพ่อนะ” อังกรูบอก
“สืบเสาะเรื่องจริงเหรอคะ ดีเลยงั้นเดี๋ยวเกรซไปลองสืบดูดีกว่า” พูดจบ เกศรินทร์จึงออกไปจากห้องทำงานของบิดาทันที อังกรูก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ทั้งเป็นห่วงและไม่พอใจแสงฉาย คงต้องหาเวลาเรียกมาคุยกันเสียหน่อย ส่วนเกศรินทร์และคนรับใช้ที่ชื่อแววก็ออกไป เพื่อจะไปทำตามที่บิดาบอก
“นี่! พี่แวว พี่อยู่นี่แหละ เดี๋ยวจะเป็นจุดสนใจ ฉันจะไปคนเดียว” เกศรินทร์ บอกเมื่อออกมาจากห้องทำงานของบิดา
“นึกว่าจะให้แววไปด้วยเสียอีก”
“ไม่ จะขี่รถไปคนเดียว แอบๆ ไป น่านะรอที่นี่ ฉันอยากเห็นเต็มแก่แล้วว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตายังไง พูดจบเกศรินก็เดินลงบ้านแล้วขับ ATV ออกไปเพียงลำพัง อาณาบริเวณบ้านหลังนี้ กับบ้านของแสงฉายอยู่ไม่ไกลกันนัก มีรั้วกั้นดินแดนของใครมัน แต่ไม่มีประตู เพื่อจะได้เข้าออกง่าย พร้อมกับขึ้นป้ายชื่อไร่เอาไว้เท่านั้น และที่เด่นกว่า คือฝั่งที่ดินของแสงฉายมีแต่ต้นองุ่น
ส่วนฝั่งบ้านพ่อเลี้ยงอังกรูมีแต่หญ้าสำหรับเลี้ยงวัวนมและให้วัวมาเดินเล็ม บ้านทั้งสองหลังสามารถเดินหากันได้ โดยผ่านบ้านของคนงาน ประมาณห้าถึงหกหลังก็ถึงที่ไร่องุ่น มองไกลๆ เห็นบ้านคนสนิทของแสงฉาย ปลูกล้อมรอบบ้านของแสงฉายเอาไว้ห่างๆ ลดหลั่นไปตามความสนิท และคนที่สนิทที่สุดคือ วสิน ก่อนจะถึงบ้านแสงฉายต้องผ่านบ้านวสินเสียก่อน