บทที่1.1

1193 คำ
เกร้ง... อ่า... ล็อกหรือไม่ล็อก? ผมขมวดคิ้วพลางเอียงคออย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นก็หลุบตามองกุญแจข้อมือขนาดเขื่องที่ตัวเองถือไว้สลับมองร่างบางของเอื้องขวัญบนเตียงซึ่งยังคงหมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราว ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมยัยนั่นถึงมาอยู่ที่นี่... “เพราะนอกจากเธอแล้ว...” กึก! ผมจำได้ว่าสิ้นคำสารภาพ ยัยเด็กอวดดีนั่นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และใช้คมฟันงับใบหูผมอย่างแรง มันแรงมากจนได้ยินเสียงของเนื้อ... ยัยหมาบ้าทำผมเลือดออก ต่างหูราคาสองพันที่ผมใส่ก็โดนคมฟันเกี่ยวหลุดจนกระเด็นตกลงไปในท่อระบายน้ำโสโครก อา ไม่ได้เสียดายหรอก แต่กลิ่นเลือดทำให้ผมเดือดอยู่ไม่น้อย ในช่วงเวลานั้นผมจึงสั่งสอนเอื้องขวัญด้วยวิธีของตัวเอง "อื้อ!" จูบเหรอ...ก็คลับคล้ายคลับคลา แต่สำหรับผมการใช้ริมฝีปากกระแทกลงไปด้วยความรุนแรงระดับนั้น ใช้คำว่า ‘บดขยี้’ น่าจะเหมาะกว่า ผมยังจำวินาทีที่ไรฟันของเรากระทบกันได้อย่างดิบดี ไหนจะกลิ่นเลือดของเราสองคนที่ซึมซ่านผ่านปลายลิ้นนี่ด้วย นั่นเป็นแค่บทลงโทษขั้นเบสิก... ของจริงยังไม่ทันได้เริ่ม ยัยนั่นก็ตัวสั่น หอบหายใจจะเป็นจะตายก่อนหมดสติไปพร้อมกับเนื้อตัวที่ร้อนรุ่มด้วยพิษไข้ เมื่อวานโง่เดินตากฝนเองไม่ใช่เหรอ สมควรไหมล่ะนั่น โอ๊ะ ลืมตัว ความแตกซะแล้ว แย่จัง... อันที่จริง...ผมกลับมามีบทบาทในวงจรชีวิตยัยนี่อีกครั้งราว ๆ สองอาทิตย์เห็นจะได้แล้ว เพียงแค่หลบอยู่ในเงามืดไม่ให้เจ้าตัวรับรู้ก็เท่านั้น เพราะครั้งนี้ผมมีจุดประสงค์ที่เด่นชัด การทิ้งเอื้องขวัญไว้ตรงนั้นจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ผมต้องการ สุดท้ายจึงหิ้วยัยนั่นขึ้นรถมาด้วย แต่ก็นะ...เพราะกลัวยัยเด็กแสบตื่นขึ้นมาแผลงฤทธิ์ ผมจึงจับมัดข้อมือ หาผ้ามาพันรอบดวงตาก่อนจับยัดไว้ท้ายรถ เชื่อเถอะว่าตอนนั้นผมนึกสนุกแบบสุด ๆ มีความคิดแผลง ๆ นับร้อยพันสั่งให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ อย่างเช่น... ขับรถออกนอกเมืองซึ่งค่อนข้างจะเปลี่ยวและไร้ผู้คน ทว่าสุดท้ายผมก็วกกลับมา...พายัยนั่นมาคอนโดฯ ของตัวเอง ผมถอดเสื้อผ้ายัยนั่นออกทุกชิ้น ไม่เหลือติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วอย่าคิดว่าผมจะหาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนป่วยล่ะ ก็แค่จับโยนลงอ่างพอให้ตัวเปียกแล้วพามาบนเตียงเหมือนเดิม และมันก็จบตรงที่ผมสับสนว่าควรล็อกข้อมือยัยนี่ไว้ดีไหม ล็อกดีไหมน้า...อิ ๆ ผมยังคงชั่งใจและยืนอยู่จุดเดิมขณะที่สายตาเปลี่ยนมาโฟกัสร่างบางบนเตียงนุ่ม เอื้องขวัญเวอร์ชันโตเต็มวัยนี่มัน ‘น่ากิน’ ชะมัด...แต่ใช้คำว่า ‘น่าเอา’ ก็คงเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนกว่า อืม...น่าเอา เมื่อความคิดอกุศลโฉบเข้ามาในหัว สายตาของผมก็เคลื่อนต่ำลงมายังไหปลาร้าลึกที่เคยฝากร่องรอย รวมถึงหัวไหล่มนที่เคยสัมผัสเมื่อเธอยังเป็นเพียงเด็กมอ.ปลาย เชื่อเถอะว่าเนินอกอวบอิ่มซึ่งกำลังกระเพื่อมไหวตามการหายใจเข้าออกทำเอาผมสติหลุดไปพักหนึ่ง อา มึงจะมารู้สึกกับผู้หญิงที่ตัวเองเคยบอกว่าน่ารังเกียจไม่ได้นะไอ้เต ผมไม่เคยมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนเดิมมากกว่าสองครั้ง ก็นะ ผมกลายเป็นผู้ชายสำส่อนไปแล้ว แต่ทำไงได้...กระดิกนิ้วสองที ผู้หญิงหุ่นเอ็กซ์ก็พร้อมใจกันกรูเข้ามาหาผมจนฝุ่นตลบ ปฏิเสธไปก็เสียมารยาทแย่ จะมีก็แต่ยัยเด็กตรงหน้าที่ใช้วิธีไหนก็รั้นแต่จะหนี ดั้นด้นจะไปให้ได้... “...แกกลับมาทำไม!” ผมหลุดจากความคิดเมื่อเสียงหวานที่เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวตวาดขึ้นมา ยัยนั่นยังหลับอยู่ แต่การกลับมาของผมคงทำให้เจ้าตัวเก็บเอาไปฝันเลยมั้ง เอ๊ะ หรือฝันถึงผมทุกคืนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนะ? “คิก” ผมหัวเราะคิกคักก่อนก้าวเท้าเข้าไปหาร่างบางที่เริ่มตัวสั่น กระสับกระส่ายเหงื่อแตกพลั่กประหนึ่งว่ากำลังโดนความฝันตามฆ่า ใช้เวลาไม่นานผมก็ขึ้นมานั่งยอง ๆ ข้าง ๆ ยัยเด็กปากดี การยุบตัวของฟูกทำให้เอื้องขวัญขยุ้มมือกับหมอนแน่น ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผมเอียงคออีกครั้ง...ใช้ปลายนิ้วแข็งกระด้างปัดปอยผมที่ปรกใบหน้าออกไป ไม่แน่ใจว่าผิวหนังของยัยนั่นร้อนผ่าวหรือนิ้วของผมเย็นเฉียบมากเกินไป วินาทีที่สัมผัส ผมจึงรู้สึกถึงความต่าง และความต่างนั้นทำให้เอื้องขวัญสะดุ้งโหยง “อย่ามายุ่งกับฉัน...” ยัยนั่นพึมพำเสียงพร่าทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา ยกมือสะเปะสะปะจนสัมผัสโดนริมฝีปาก ผมเลยใช้จังหวะนั่นงับปลายนิ้วร้อนผ่าวเอาไว้และขบแผ่วเบา “กำลังหิวอยู่นะ อยู่นิ่ง ๆ ดีกว่า” ผมกระซิบผ่านช่องว่างของริมฝีปาก...จากการงับเพียงเบา ๆ มันได้กลายมาเป็นการ ‘ดูด’ จนรสชาติหวานแปร่ง ๆ ซึมผ่านปลายลิ้น “อ๊ะ...อะไรน่ะ กะ แก!” คิดไว้ไม่มีผิดว่าการกระทำของผมทำให้เอื้องขวัญสะดุ้งตื่น และสิ่งแรกที่ยัยนั่นทำคือดีดตัวออกห่าง ตวาดใส่หน้าผมอย่างเดือดดาล ผมยิ้มมุมปากขณะมองสภาพของเอื้องขวัญ เธอมีท่าทีแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งกลัว ทั้งตกใจ ผมไม่ใช่ผีนะ โอเวอร์แอ็กติงไปได้ โถ... “ถอยอีกนิดระวังตีลังกาตกเตียงนะครับ” เธอกระเถิบถอยจนติดขอบเตียง อีกนิดจะตกแล้ว “แกพาฉันมาที่นี่ทำไม!” เอื้องขวัญไม่สนใจคำพูดผม แต่มีท่าทีหวาดผวาอย่างหนักเมื่อเห็นว่าสถานที่แห่งนี้คือคอนโดฯ ของผมเอง “จำได้ด้วยเหรอ...” ผมถามจนเอื้องขวัญเงียบไป แววตาแสดงออกว่ากำลังนึกถึงเรื่องในอดีต ที่นี่คือนรกสำหรับเอื้องขวัญ แต่เป็นสวรรค์ของผม “...ฉะ ฉันจะออกไปจากที่นี่” เงียบได้เพียงครู่สั้น ๆ ยัยนั่นก็พยายามลุกขึ้น หาทางออกอย่างร้อนรน “เสื้อผ้าล่ะ เสื้อผ้า...” แต่เมื่อเห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีสิ่งใดปกปิด ยัยนั่นก็สะอื้น ยกมือปิดบังตัวเองอย่างน่าสงสาร “หนีไปสิ ถ้าหนีได้” ผมคว้ากุญแจข้อมือติดมาด้วยพร้อมก้าวลงจากเตียง เอื้องขวัญส่ายหน้าไปมาขณะที่แผ่นหลังเปล่าเปลือยแนบติดกับบานประตู “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน ไอ้นรกส่งมาเกิด...” โอ๊ะ เจ็บจึก ๆ “ไม่เอาสิเด็กดี ถ้าทำตัวน่ารัก ๆ ฉันจะปรานีเธอ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม