แต่ในขณะเดียวกันบนรถหรูที่ภูวนัยกับคาร์ลนั่งมานั้นเริ่มมีเสียงดุเข้มราวกับตำหนิเกิดขึ้น
“แกกำลังทำอะไร!” อยู่ดีๆ ภูวนัยก็เอ่ยถามขึ้นเสียงดังขณะที่นั่งรถกลับ
“ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อหมายความว่ายังไง” คาร์ลถามกลับด้วยน้ำเสียงและ สีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่สะทกสะท้านต่อเสียงเข้มของบิดา
“ตั้งแต่ไปยันกลับน่ะ ทำอะไร!” บิดาเริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง
“อย่าขึ้นเสียงกับผมนะพ่อ!” คาร์ลเริ่มขึ้นเสียงใส่บิดาแล้วเช่นกัน
“ฉันเป็นพ่อแกนะคาร์ล!” ต่างคนก็ต่างขึ้นเสียงอย่างไม่ลดละ
“ยิ่งเป็นพ่อ ยิ่งไม่ควรยุ่งเรื่องของเด็ก!” คาร์ลพูดออกมาได้ ที่เขาว่าบิดาเพราะว่าเขาเก่งว่าบิดาแล้ว แม้กระทั่งคุมอำนาจเหนือบิดา และบิดาคนนี้ต้อง สิโรราบด้วย
“ก็เพราะว่าเด็กมีปัญหาอย่างแกไง ฉันถึงต้องยุ่ง!” ภูวนัยต่อว่า แต่ก็ต้องตกใจเมื่อคาร์ลมีอาการลมจับ หรือเรียกว่าโมโหจนกัดกรามแน่น พร้อมกับสายขวาง แววตาดุกร้าวมองบิดาอย่างเอาเรื่อง สองมือหนาเริ่มกำเอาไว้แน่น ราวกับกำลังสงบสติอารมณ์
“งั้นก็กลับไปพะเน้าพะนอไอ้เด็กที่มันไม่มีปัญหาที่บ้านโน้นสิไป!” คาร์ลทำได้แต่เพียงออกปากไล่ให้ไปหาคิรินแทน
“นี่ฉันเป็นพ่อแกนะคาร์ล! แกหยุดพูดได้แล้ว” ภูวนัยตะคอกกลับอย่างโมโห
“มีพ่อแล้วพ่อไม่รักจะมีทำไม! เอะอะอะไรก็ว่าให้ผม!” คาร์ลเก็บกักอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ จนต้องปล่อยมันออกมาซึ่งทำให้น้ำตาคนแกร่งอย่างเขาไหลอาบแก้มจนภูวนัยใจหาย เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาที่คาร์ลเก็บอารมณ์ไม่อยู่ หนักๆ ก็มีอาการเกร็งมือ หนักกว่านี้ก็กัดเล็บตัวเองและสั่นไปทั้งตัว
“คาร์ล! พ่อขอโทษลูก พ่อขอโทษ มานี่มาลูก” ภูวนัยรีบรั้งบุตรชายเข้ามากอดอย่างปลอบโยน และลูบไล้ฝ่ามือไปที่ศีรษะเบาๆ
“คุณพ่อรักมัน คุณพ่อไม่ได้รักผม ไม่มีใครรักผมเลย” คาร์ลว่าบอกพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อย สายตาคมกริบกรอกตาไปมาและเริ่มยกมือขึ้นมากัดเอาไว้
“ใครบอก พ่อรักคาร์ลที่สุด รักมากกว่าใครในโลกนี้รู้ไหม” ภูวนัยพยายามปลอบใจให้อารมณ์ของคาร์ลเย็นลง
“คุณพ่อรักมัน คุณพ่อเอาใจมัน” คาร์ลยังคงย้ำคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา
“คาร์ล พ่อขอโทษนะลูก พ่อรักลูกเข้าใจไหม นิ่งซะนะคนดี ใจเย็นสิ หืม” ในที่สุดภูวนัยก็สามารถใช้น้ำเย็นลูบความร้อนจากใจของคาร์ลลงได้ เหลือเพียงแต่สายตาชิงชังที่คาร์ลแสดงออกมา โดยที่ผู้เป็นบิดาไม่รู้เลย ขณะเดียวกันภูวนัยยังคงกอดลูกชายเอาไว้แน่น จนกระทั่งถึงบ้าน
“ถึงแล้วครับป๋า” คนขับรถบอกพร้อมกับจอดรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ คาร์ลจึงเดินลงไปก่อน
“พาคุณคาร์ลขึ้นบ้านไป” ยังไม่ทันที่ภูวนัยจะพูดจบ คาร์ลก็เดินขึ้นบ้านไปแล้วโดยไม่ได้สนใจใครอีกเลย จากนั้นจึงกลับมาเป็นคนเงียบขรึมเช่นเดิม
ภูวนัยได้แต่มองตามร่างสูงใหญ่ของบุตรชายไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเครียดๆ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ภูวนัยและภรรยา รวมทั้งลูกฝาแฝดทั้งสองต้องแยกกันอยู่ เพราะว่าคาร์ลมีปมด้อยและปัญหาทางจิตมาตั้งแต่เด็ก มันไม่ใช่ความผิดที่คาร์ลจะเป็นแบบนี้ แต่มันผิดก็ที่ภูวนัยกับภรรยาต่างหาก