ตอนที่ 2 #เหตุแห่งการสลายไป

1324 คำ
เรื่อง : Untouchable love…รัก สัมผัสไม่ได้ ตอนที่ 2 #เหตุแห่งการสลายไป โดย : Kwitch (เขียนเป็นภาษาไทยว่า กวิชญ์ (อ่านว่า กะ-วิช (ออกเสียง “เฉอะ”))) ย้อนกลับไปเมื่อ 111 ปีที่แล้ว ณ จักรวาลอันไกลโพ้น ยังมี 2 อาณาจักรซึ่งแบ่งแยกกันอยู่อย่างชัดเจน โดยอาณาจักรเฮฟเวิน (Heaven kingdom) หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่าอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งมีเหล่าทวยเทพทั้งหลายพำนักอยู่บนนั้น ส่วนอาณาจักรเอิร์ธ (Earth kingdom) เป็นแหล่งรวมทรัพยากรและความอุดมสมบูรณ์ของวงจรชีวิตนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณธัญญาหาร สัตว์ แร่ธาตุอันมีมูลค่า อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่ามวลมนุษย์ ผู้ไร้ซึ่งพลังวิเศษเฉกเช่นเหล่าทวยเทพบนอาณาจักรเฮฟเวิน (Heaven kingdom) แม้ว่าจะไร้ซึ่งพลังเทพ แต่มนุษย์บนอาณาจักรเอิร์ธ (Earth kingdom) ก็มีอายุยืนยาวราว 500 ปี เนื่องด้วยเป็นยุคที่ยังไร้ซึ่งเทคโนโลยีทันสมัยจึงยังเต็มไปด้วยทรัพยากรอันปราศจากสารพิษรวมถึงสิ่งแวดล้อมอันแสนบริสุทธิ์ อีไลแอส จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเฮฟเวิน (Heaven kingdom) ได้อภิเษกสมรสกับเมลานีผู้ซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดาสามัญ และแต่งตั้งนางเป็นจักรพรรดินี ต่อมาไม่นานก็ได้ประสูติโอรสองค์แรก พระนามว่า “มาเทโอ” โดยเทพทุกองค์สัมผัสได้ถึงพลังวิเศษอันรุนแรงมหาศาลแผ่ออกมาจากทารกเทพน้อยองค์นี้ นั่นถือเป็นเหตุการณ์แปลกประหลาดน่าฉงนสนเท่ห์ยิ่งนัก เนื่องจากในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเฮฟเวิน (Heaven kingdom) ยังไม่ปรากฏว่ามีทารกเทพองค์ใดสามารถแผ่พลังอันแข็งแกร่งยากจะพรรณนาได้ถึงเพียงนี้ เพื่อเป็นการไขข้อข้องใจอันมีต่อพระโอรส อีไลแอสจึงเรียกให้เซเรนิตี้ ผู้ทำนายประจำอาณาจักรเฮฟเวิน (Heaven kingdom) มาทำนายว่าเหตุใดพระโอรสจึงได้แผ่พลังรุนแรงเกินว่าทารกเทพทั่วไป เซเรนิตี้ หลับตาลงเพียงชั่วครู่ นางใช้พลังวิญญาณอันสะสมมานับหลายพันปีเจาะเข้าไปยังพลังวิญญาณของมาเทโอ เมื่อหยั่งรู้ได้ถึงเหตุของคำถาม นางจึงเปิดเปลือกตาขึ้นมาพร้อมกับคำทำนายว่า มาเทโอเกิดมาพร้อมกับพลังอเนกอนันต์เกินกว่าเทพทุกองค์ในอาณาจักรเฮฟเวิน (Heaven kingdom) แต่ถึงกระนั้นพลังมหาศาลนั้นก็มีอันตรายร้ายแรงแฝงอยู่ นั่นคือ หากมาเทโอมีพระชนมายุถึงหนึ่งพรรษาแล้ว ในเวลานั้นเมื่อสัมผัสแตะต้องตัวผู้ใดแม้เพียงปลายเล็บ ผู้นั้นไม่ว่าจะเป็นเทพ มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตใดก็ตามแต่ สิ่งมีชีวิตนั้นจะสลายหายไปทันที “แล้วมีหนทางแก้ไขหรือไม่” รอยย่นปรากฏบนหว่างคิ้วของ อีไลแอสราวกับกังวลอย่างหนักกับเรื่องซึ่งเพิ่งได้ยิน เซเรนิตี้นิ่งคิด ก่อนตอบเสียงราบเรียบ “ตอนนี้ข้ายังมองไม่เห็นหนทางใดเลย” แต่จู่ ๆ ภาพของเทพองค์หนึ่งซึ่งกำลังนอนบาดเจ็บสาหัสเจียนตายอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ผุดแทรกขึ้นมาในจินตภาพอันเป็นพลังวิญญาณประเภทหนึ่งของเซเรนิตี้ เซเรนิตี้สัมผัสได้ว่าเทพองค์นั้นคือมาเทโอ แต่เซเรนีตี้ไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าหญิงผู้นั้นคือใคร แล้วเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่ เมื่อจินตภาพหายไป เซเรนิตี้จึงหันไปจ้องมองอีไลแอสและมาเทโอด้วยสายตาซับซ้อน นางกำลังพิจารณาไตร่ตรองว่าควรจะบอกจินตภาพซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ให้อีไลแอสรับรู้ดีหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดนางก็ตัดสินใจเก็บเรื่องราวในจินตภาพนั้นไว้กับตัวเองต่อไปเพื่อค้นหาคำตอบอันแน่ชัดกว่านี้ ..... เกือบหนึ่งปี ต่อมา เมื่อมาเทโอมีพระชนมายุเกือบหนึ่งพรรษา อีไลแอสจึงได้ร่ายมนตร์สร้างเกราะเกรทไดอะเมินด (Great diamond armor) ซึ่งเป็นเครื่องหุ้มกำบังร่างกายทั้งหมดตั้งแต่พระเศียรจรดนิ้วพระบาทของมาเทโอ อันเป็นการป้องกันการแตะต้องสัมผัสผู้อื่นโดยตรงของมาเทโอ “มาเทโอ...เจ้าห้ามถอดเกราะเกรทไดอะเมินดนี้ออกอย่างเด็ดขาด” “ทำไมเหรอครับท่านพ่อ” น้ำเสียงใสซื่อไร้เดียงสาถามออกไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ “เพราะเจ้ามีพลังอันแข็งแกร่งมาก...พลังนี้ถ้าแตะต้องสัมผัสตัวผู้ใดแล้ว...ผู้นั้นจะสลายไปในทันที” “จริงเหรอครับท่านพ่อ!!!???” ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับ “จริง” ใบหน้าสง่างามสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนเอ่ยกับโอรสต่อ “แม้จะมีเกราะเกรทไดอะเมินดนี้อยู่ แต่เจ้าก็ห้ามแตะต้องผู้ใดเป็นอันขาด เจ้าเข้าใจความหมายใช่หรือไม่” แววตาฉายความสับสนซับซ้อน แต่ก็เข้าใจความหมายของบิดาเป็นอย่างดี “ครับท่านพ่อ ข้าเข้าใจ” ..... ในวัยเด็กซึ่งกำลังซุกซนตามประสา ดวงตาสุกใสกลมโตสีฟ้าเหลือบขึ้นไปเห็นหงส์มรกตกำลังโบยบินอยู่เบื้องบน ทันใดนั้นมาเทโอจึงสยายปีกพญานกฟินิกซ์อัสนีทั้งคู่ของเขา แล้วทะยานตัวพุ่งขึ้นไปยังท้องนภาด้วยความเร็วสูง เพื่อหวังจะจับหงส์มรกตนั้นมาเป็นสัตว์เลี้ยงให้จงได้ แต่เนื่องจากหงส์มรกตตัวดังกล่าวเป็นสัตว์เทพในตำนาน ทั้งความเร็วในการบินและการหลบหลีกจึงรวดเร็วปานสายฟ้า จึงทำให้การจับตัวมันนั้นทำได้ยากยิ่ง ความหงุดหงิดเพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่สามารถจับเจ้าหงส์มรกตตัวนี้ได้เสียที เกราะเกรทไดอะเมินด (Great diamond armor) นี้ก็ดูจะเป็นภาระต่อความเร็วของเขาในเวลานี้ เพราะน้ำหนักของมันก็มิใช่น้อย เมื่อคิดได้ดังนั้น เทพองค์น้อยจึงตัดสินใจถอดเกราะออกโดยลืมคำสั่งของบิดาไปเสียสนิท หลังจากถอดเกราะเกรทไดอะเมินด (Great diamond armor) ออกเรียบร้อยแล้ว เมทาโอรู้สึกได้ถึงความปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น และในไม่ช้าเขาก็สามารถจับหงส์มรกตเป้าหมายในวันนี้ได้สมดังใจ...แต่ทว่า...ไม่ทันจะนำมันมาเป็นสัตว์เลี้ยงตามปรารถนา...หงส์มรกตตัวดังกล่าวก็ได้สลายหายไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ดวงตาสีฟ้าเบิกตากว้างตกตะลึงพรึงเพริดเต็มไปด้วยความประหลาดใจ คิ้วหนาขมวดคิ้วเข้าหากันเต็มไปด้วยความสนเท่ห์...เหตุใดหงส์มรกตจึงได้มลายไป แต่แล้วความทรงจำบางอย่างก็แว่บเข้ามาในหัว ‘มาเทโอ...เจ้าห้ามถอดเกราะเกรทไดอะเมินดนี้ออกอย่างเด็ดขาด’ ‘ทำไมเหรอครับท่านพ่อ’ ‘เพราะเจ้ามีพลังอันแข็งแกร่งมาก...พลังนี้ถ้าแตะต้องสัมผัสตัวผู้ใดแล้ว...ผู้นั้นจะสลายไปในทันที’ ความทรงจำซึ่งบิดาได้ย้ำนักย้ำหนาได้ผุดขึ้นมา...เทพองค์น้อยรู้สึกผิดมากที่ฝ่าฝืนคำสั่งของบิดา...เขาถอดเกราะเกรทไดอะเมินด (Great diamond armor) ออกเพียงเพราะต้องการเล่นสนุก...จนทำให้หงส์มรกตต้องสลายตัวไป...บทเรียนในครั้งนี้...สอนให้เขาตระหนักได้เป็นอย่างมากว่า ครั้งนี้ยังเป็นเพียงสัตว์เทพในตำนานเท่านั้น แล้วถ้าครั้งหน้าเป็นเทพองค์อื่นล่ะ...ความสูญเสียคงไม่จบลงเพียงเท่านี้เป็นแน่ หลังจากนั้นเป็นต้นมา...มาเทโอก็ไม่เคยถอดเกราะเกรทไดอะเมินด (Great diamond armor) ออกจากกายของเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว ------------------------------------------------------------------------- #ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจนะคะ #เดี๋ยวตอนต่อไปเราจะได้รู้อีกหนึ่งที่มา ต่อจากตอนที่ 1 กันนะคะ...ว่าเพราะเหตุอันใดพี่น้องเทพมาเทโอและมาเวอริคคู่นี้จึงต้องมาต่อสู้กันอย่างดุเดือด...ขอบคุณที่ติดตามตอนต่อไปของ Untouchable love…รัก สัมผัสไม่ได้ นะคะ  ด้วยรัก Kwitch #Untouchable love…รัก สัมผัสไม่ได้ #นิยายแฟนตาซี #นิยายแฟนตาซีไทย #ความรัก #พลังเทพ #การต่อสู้ #Kwitch
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม