"ก็ตามที่พูดไป เก่งๆ อย่างลื้อเดี๋ยวก็หาทางออกได้ อย่าคิดว่าอั๊วรู้ไม่ทัน" เจรจาธุรกิจมาต้องกี่พันครั้งมีหรือระดับเจ้าสัวจะอ่านแววตาไม่ออก
"ไม่เป็นไรผมพลาดเอง แต่คุณลุงอย่าลืมว่าผมมีไม้แข็ง หากความลับแตกขึ้นมาผมไม่รู้ด้วยนะ" ขอหยอกหน่อยก็แล้วกัน รักดอกจึงหยอกเล่น วางแผนให้ลูกสาวได้แต่งงานแต่ดันกลัวลูกสาวรู้แล้วลูกสาวจะไม่รัก ย้อนแย้งจริงๆ ความผิดในครั้งนี้เขาก็เลยต้องรับมาเต็มๆ
" หึ..ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ฮ่าๆ ลื้อคิดว่าลื้อเหนือกว่าอั๊วอย่างนั้นหรืออาตุลย์ อั๊วเองก็รู้ความลับของลื๊อเหมือนกัน? "ระดับเจ้าสัวใครทำอะไรรู้หมดนั่นแหละ ต่างคนต่างได้ผลประโยชน์ คนอย่างตุลย์ภพเป็นคนฉลาดเจ้าสัวตามจีบมาทำงานด้วยอยู่หลายปีกว่าเขาจะยอมอ่อนให้
ความจริงแล้วคนที่จะได้แต่งก่อนคืออาหยาง แต่มาเกิดเรื่องเจ้าสาวหนีไปเมืองนอกเสียก่อน คนที่ได้แต่งก่อนก็เลยเป็นลูกสาว ในตอนนั้นพอเพียงรักตุลย์ภพมาก มาขอป๊าประจำว่าถ้าได้แต่งงานจะแต่งกับคนนี้แค่คนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเจ้าสัวก็คิดได้ว่าถ้าให้ลูกสาวแต่งออก มันคงเป็นเรื่องง่ายกว่าและถ้าหากแต่งกันไปคนสองคนก็อาจจะรักกันเอง แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่เจ้าสัวคิดเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมแต่ง ให้ตายก็ไม่ยอมไม่ว่าจะยื่นข้อเสนออะไรให้ก็ไม่ยอม แต่อยู่ๆ ก็ยอมแต่งง่ายๆ คงมีข้อเสนอที่ถูกใจนั่นแหละ เมื่อถึงเวลาเจ้าสัวก็เลยต้องทำตามคำพูด เพราะรู้ว่ายื้อไปคนที่เจ็บก็คือลูกสาวตัวเอง ใครไม่รักก็ช่างหัวมัน..
" งั้นค่อยคุยกันอีกทีก็แล้วกันนะครับ" คุยกับคนฉลาดเขาปวดหัว ช่วงนี้มีแต่เรื่องให้เครียด ปิดประเด็น
เจ้าสัวคุยกับลูกเขยอีกไม่กี่คำก็ขอตัวขึ้นไปนอน ในเวลานี้พอเพียงก็เดินลงมาพอดี เธอใส่ชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมเดินลงมา
"คุณพ่อขึ้นไปนอนแล้วเหรอคะ" ลงมาก็เห็นว่าสามีนั่งดื่มอยู่คนเดียว
"ขึ้นไปเมื่อกี้ ลงมาข้างล่างยังไม่ง่วงหรือไง"พูดโดยไม่เงยหน้า ไม่ใช่เพราะไม่อยากมองแต่พอเมาแล้วรู้สึกแปลกๆ ก้มหน้าดีสุด
"พี่ตุลย์เป็นอะไรดื่มหนักเกินไปไหม" ที่เขาเทอยู่ไม่ใช่ไวน์แต่เป็นรัม เหล้าอันนี้แรงนะ เฮียหยางดื่มไปแก้วเดียวยังเมาเลยป่านนี้นอนสลบไปแล้วมั้ง
"นานๆ ครั้งพี่จะดื่ม.. ขึ้นไปนอนได้แล้วไป" ลมข้างนอกหนาวจะตาย
" ไม่ เพียงจะนั่งดื่มเป็นเพื่อน เดี๋ยวเพียงเข้าไปหยิบของกินเล่นก่อนนะ"
ร่างบางเดินหายเข้าไปในบ้าน เขาเงยหน้าขึ้นมองตามเธอจนร่างบางลับหายไป ต่อไปนี้คงต้องใช้ไม้อ่อน คุยกับเธอดีๆ ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม้แข็งใช้กับเธอไม่ได้จริงๆ ผู้หญิงพูดดีด้วยหน่อยก็ใจอ่อนเหลวเป็นน้ำ..
นั่งไปนั่งมาก็เกิดปวดเบาเขาก็เลยต้องลุกไปเข้าห้องน้ำด้านใน ใช้เวลาไม่นานเขาก็เดินออกมา เท้าขวาแตะลงประตูทางเดินลัดไปที่ริมสระต้องหยุดชะงักแทบหัวทิ่ม ภาพที่เขาเห็นอยู่นั่นมันอะไร นึกว่าเมาจนตาฝาด ทั้งสายตาที่มองทั้งความใกล้ชิดนั่นมันคือสิ่งที่พี่น้องเขาทำกันจริงๆ ใช่ไหม ตัวเขาเองก็มีน้องสาวแต่เขาก็ไม่เคยมองน้องสาวด้วยสายตาแบบนั้นเลย ที่มันสำคัญกว่านั้นก็คือทั้งสองไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่แท้จริงของเจ้าสัว ใช่ มันต้องใช่แน่ๆ นี่เขากำลังเข้ามายุ่งกับปัญหาครอบครัวอะไรกันวะ เจ้าสัวกลัวว่าลูกสาวกับลูกชายจะรักกันอย่างนั้นเหรอวะ และเขาแม่งก็เป็นแค่หมากเกมตัวหนึ่งของเจ้าสัวเท่านั้น คิดว่าฉลาดได้เปรียบแล้วแท้ๆ ที่ได้ไหนได้ เสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง... แล้วทำไมเจ้าสัวถึงต้องทำขนาดนั้นวะ หรือมันจะมีอะไรมากกว่านั้น? แต่อยากรู้ไปก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่ดี
...................
"เพียงคิดว่าเฮียคงเมามากแล้ว เดี๋ยวเพียงจะให้คนพาขึ้นไปนะคะ" คำพูดของเฮียเมื่อกี้ทำเอาเธอใจสั่น หูอื้อไปหมด เฮียคงเมามากถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกมา
"เฮียไม่ได้เมา เฮียยังมีสติ อึก..เฮียขอโทษที่รู้สึกกับเพียงแบบนั้น เฮียไม่ได้อยากแต่ง.."
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีเขาก็รีบแทรกตัวเข้ามา จะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขาก็ไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้เขาอยู่ในฐานะสามีตามกฎหมาย
"เอ่อ คือ พี่ตุลย์ช่วยพาเฮียขึ้นไปส่งที่ห้องหน่อยได้ไหมคะ เฮียเมามากแล้ว" โชคดีที่เขาเข้ามาช่วยเธอพอดี จะเดินออกไปเรียกคนงานผู้ชายก็กลัวว่าเฮียจะตกน้ำไปซะก่อน เมาขนาดนี้ยังบอกไม่เมา
เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใครบางคน เฮียหยางก็พยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง แต่ก็เซจนต้องเอามือเกาะขอบบาร์
" เฮียไปเองได้น่า" เรื่องแค่นี้ไม่ต้องให้ใครมาช่วยหรอก ไม่เมาแต่ไม่เหมือนเดิม โลกหมุนรอบทิศ
"เมาแล้วยังจะดื้ออีกนะเฮีย มาเดี๋ยวเพียงช่วย" พอเพียงรีบเดินเข้าไปหิ้วปีกเฮียหยางฝั่งซ้าย "พี่ตุลย์ช่วยหน่อยค่ะ" เห็นเขาเอาแต่ยืนอึ้งเธอก็พูดบอก เป็นอะไรของเขา
"เดี๋ยวพี่ทำเอง" แม่งตั้งใจยืนเซให้เมียเขาเข้ามาช่วยชัดๆ แล้วเธอก็เร็วเหลือเกิน จะห่วงอะไรขนาดนั้นวะก็แค่คนเมา ตุลย์ภพย่อตัวลงให้เฮียหยางขึ้นหลังภาพมันก็เลยออกมาดูน่ารัก เหมือนพี่ชายกับน้องชายดูรักกันดี
แบกขึ้นหลังว่าหนักแล้วต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก จะมีใครเหมือนเขาไหมวะ ที่ต้องแบกคนไม่ที่รู้สึกไม่ถูกชะตาขึ้นหลังเพื่อไปส่งที่ห้อง..
พอเพียงรีบวิ่งไปเปิดประตู
"อือ หนักชะมัด"
ตุบ!.. ร่างสูงถูกวางหงายหลังลงบนเตียง พอเพียงรีบเดินเข้าไปดู กลัวว่าเฮียจะคอหัก
"เดี๋ยวเฮียก็คอหักพอดี" เธอบ่นให้สามีอุบอิบมือเล็กปลดกระดุมเสื้อให้เฮียหยางเพราะกลัวว่าจะนอนไม่สบาย
"นั่นจะทำอะไร ต่อหน้าสามีให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหม" ไม่มีความเกรงใจกันเลยสักนิด ทำอย่างนี้ก็ได้เหรอวะ ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้เห็นเป็นตอไม้หรือไง
"อะไร เพียงก็แค่จะปลดกระดุมเสื้อให้เฮียนอนสบายขึ้นก็เท่านั้นเอง"
" ไม่ต้องเดี๋ยวพี่ทำเอง" เดินเข้าไปแทรกแล้วดึงมือเธอออกมา จัดการทำเองเรียบร้อยแถมจัดท่านอนให้ด้วย " พอใจหรือยัง" คงไม่ถึงขั้นต้องมานอนเฝ้าหรอกนะ
"โอเคแล้วค่ะ" อาการนี้เขาไม่ได้หึงเธอใช่ไหม ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง หากไม่ใช่ขึ้นมาเหนื่อยจะเคลียร์ความรู้สึก
" งั้นก็กลับห้องกัน" ไม่พูดเปล่าเดินไปจับที่ไหล่บางจากนั้นก็ดันตัวเธอออกมาด้านนอก
"พี่ตุลย์หึงเพียงกับเฮียเหรอคะ" อยากรู้ก็ถามตรงๆ
"หึงอะไร ไร้สาระ ไปนอนได้แล้ว ง่วงจะตาย" คนอย่างเขาเนี่ยนะจะหึง พูดจาเป็นลิเก..
ภายในห้องนอนสีครีมตกแต่งเรียบหรูสบายตา ของใช้ภายในห้องมีไม่มากเพราะเจ้าของห้องไม่ได้ค่อยได้กลับบ้านมานอน
"เพียงจะอาบน้ำอีกรอบไหม" เขารู้ว่าเธออาบแล้วแต่ลงไปข้างล่างก็น่าจะอาบอีกรอบ..
" คงไม่ค่ะเพียงง่วงแล้ว พี่ตุลย์อาบเลย" เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งดึงกิ๊บออกจากผมเตรียมนอน
"พี่คิดว่าเพียงควรอาบอีกรอบนะ"
"ไม่เอาอะ แค่แปรงฟันกันก็พอแล้วมั้ง" จะให้อาบอะไรบ่อยขนาดนั้น
" งั้นก็เข้าไปพร้อมกัน" เขาเดินนำเข้าไปในห้องน้ำ พอเพียงเองก็ไม่ได้ติดอะไรเข้าไปแปรงฟันจะได้จบๆ
อ่างล้างหน้าเตรียมแปรงสีฟัน
ยาสีฟันถูกบีบไว้เรียบร้อยไม่ใช่จากฝีมือใครแต่มาจากฝีมือคนที่กำลังถอดเสื้อกับกางเกงเตรียมตัวอาบน้ำ ทีอย่างนี้ล่ะไม่อาย เมื่อก่อนไม่ได้เลยนะ จะถอดทีเขาจะต้องไปหลบในห้องน้ำกลัวว่าเธอจะเห็นแต่ดูตอนนี้สิ ย้อนแยง โชว์ไปเธอก็ไม่สนใจหรอกแอบมองในกระจกเนียนๆ ไป แต่สายตาดันไปป๊ะกันพอดี สองสายตาหยุดมองกันผ่านกระจก มือที่กำลังแปรงฟันอยู่หยุดนิ่งไม่ไหวติง
"เป็นอะไร" เขามาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีเขาก็ยืนแปรงฟันอยู่ข้างๆ เธอแล้ว
"ปะ.. เปล่า" แปรงต่อค่ะไม่สนใจ แปรงไปเกือบจะเสร็จเงยหน้าขึ้นมองกระจกก็พบว่าเขามองเธออยู่
"มองเพียงทำไม" พอละไม่แปรงแล้ว.. รู้สึกแปลกๆ มีอะไรทำไมไม่พูด มองอยู่นั้นแหละ มันรู้สึกเขินๆ รู้ไหม
"เปล่า" คนถูกถาม ก้มหน้าแปรงต่อ
"เพียงแปรงเสร็จแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ" เธอก้มหน้าบ้วนปากเก็บแปรงสีฟัน
"เดี๋ยวอย่าพึ่งไป" มืออีกข้างจับลงที่เอวบาง ก้มลงบ้วนปากจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นหันมองเธอในระยะห่างไม่ถึงคืบ ลมหายใจร้อนเป่ารดที่ซอคอหอมกรุ่นเธอมีกลิ่นเฉพาะตัวคือกลิ่นน้ำหอมลิมิเต็ดแบรนด์ดัง
"แปรงฟันแล้วขอจูบได้ไหม"
ตึกๆ ตึกๆ ..
"เพียงไม่ได้ฟังผิด?" วันนี้หูเธอเพี้ยนตั้งแต่คำพูดของเฮีย จนมาถึงคำพูดของสามีเลยเหรอ
"ไม่ผิด" สองมือใหญ่รั้งเอวบางเข้ามาแนบชิดกับเรือนร่างเปลือยท่อนบน ใบหน้าหล่อโน้มลงจูบที่ริมฝีปากนุ่มลิ้มรสความหอมหวานไม่รู้เบื่อ บดขยี้จูบลงที่ริมฝีปากนุ่มบนล่างไล่ปลายลิ้นไปตามขอบปากบางจนพอใจ ผละใบหน้าออกเล็กน้อยจากนั้นก็ก้มลงจูบเธออีกครั้งเป็นจูบดูดดื่มเนิ่นนานกว่าเขาจะยอมถอยออกมา
"ไปนอนได้แล้วไป" เขาจับเธอหันหลังจากนั้นก็เดินไปส่งที่หน้าประตูห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำ
"พลาดอีกแล้วกู" ความจริงเขาต้องบอกเธอว่าจูบของเธอมันไม่ได้เรื่อง แค่จูบมันยังเข้ากันไม่ได้ แล้วขอให้เธอเลิกพยายาม แต่พอจะอ้าปากพูด ปากมันดันไม่สัมพันธ์
อีกอาทิตย์กว่าๆ จะทำยังไงให้เธอยอมหย่าวะ อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้จะบอกว่าไม่มีความผูกพันธ์กันเลยมันก็ดูไม่จริง ถึงจุดเริ่มต้นจะไม่ได้เกิดจากเขาแต่เขาก็มีส่วนผิดที่เลือกจะเดินตามเกม เขารู้ใจตัวเองดีว่าอยู่ในจุดไหน เธอเจ็บตอนนี้ยังดีกว่าเจ็บกับคนอย่างเขาต่อไป ใจเขามีใครตัวเขาเองรู้ดี พยายามแล้ว พยายามมาหลายครั้งที่จะมูฟออนแต่มันก็ยังทำไม่ได้สักที หากไม่ได้รักเขาก็ไม่ควรจะเล่นกับความรู้สึกของเธอต่อไป..บางทีก็กลับมาคิดว่าเธอทำผิดอะไร เธอไม่ได้ทำผิดอะไรด้วยซ้ำ แต่ผิดที่เขาเองเรื่องนี้เขาขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ดูเหมือนจะเป็นพระเอกแต่ความจริงเขาคือตัวร้ายตั้งแต่เริ่มต้น..