พอเพียงหยิบไวน์แดงมารินให้สามี แล้วหันไปถามเฮียหยางว่าจะดื่มด้วยไหม เฮียหยางขอซันเซทรัมหนักสุด ในตอนแรกคิดว่าฟังผิด นี่เฮียกะจะเมาตั้งแต่แก้วแรงเลยเหรอ แล้วป๊าอีกคนมีเรื่องจะคุยกับสามีเธอแต่ดื่มไปหลายแก้วแล้ว เมาแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศของวันนี้มันแปลกๆ ตั้งแต่มาเธอยังไม่เห็นป๊ากับเฮียหยางคุยกันเลยเทให้คนอื่นเสร็จเธอก็เทค็อกเทลเบาๆ ให้ตัวเอง
"เพียงไปตามม๊ามาหน่อยเร็ว" เจ้าสัวพูดขึ้น นานกว่านี้จะเมาก่อนได้พูด
"ได้ค่ะ" ยังไม่ได้หยิบค็อกเทลเข้าปากป๊าก็ใช้
พอเพียงเดินหายเข้าไปในบ้านสักพักก็เดินออกมาพร้อมกับคุณแม่ ในมือของพอเพียงถือจานขนมที่สามีเธอชอบกิน นี่แม่เธอลงทุนทำขนมให้เขาเลยหรือหายไปนานคิดว่าไปทำอะไรที่แท้ก็เข้าไปทำขนมให้ลูกเขย ทีลูกสาวอยากกินบอกว่าทำยาก
"คุณแม่สวัสดีครับ คุณแม่ดูสวยขึ้นหรือเปล่าครับ" ปากหวานอยู่เป็นนั่นแหละคือเขา ส่วนอีกคนได้แต่มองบน ทีภรรยาไม่เคยชม เขาทำให้เธออิจฉาแม่ตัวเอง..
"ช่วงนี้แม่กินคลีน ว่าแต่ลูกเขยแม่ทำงานหนักไปไหม ช่วงนี้ดูเครียดไปนะ" แม่ทิพย์รักลูกเขยเหมือนลูกชายอีกคน ไม่ใช่รักเพราะเป็นลูกเขยแต่รักเพราะรู้จักกันมานานแล้ว ตุลย์ภพรู้จักกับเจ้าสัวเหว่ยสามีแม่ทิพย์มานานหลายปี สามีก็มักจะมาเล่าให้ฟังจากที่ได้รู้จักกันมา ชายหนุ่มก็เป็นคนอารมณ์ดีสุภาพและคุยสนุกแถมยังปากหวานเหมือนสามีเธอไม่มีผิด
"ช่วงนี้ผมเครียดเรื่องงานนิดหน่อยครับ"
หลังจากที่ทุกคนมากันครบ ก็ได้เวลาที่เจ้าสัวจะพูดเรื่องสำคัญ แม่ทิพย์เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ สามีเจ้าสัวยิ้มให้ภรรยาจากนั้นก็เริ่มพูด..
"เรื่องสำคัญที่ป๊าจะพูดในวันนี้ก็คือ บ้านเรากำลังจะมีงานใหญ่ ป๊าก็เลยอยากให้ทุกคนได้รู้ไปพร้อมๆ กัน ว่างานอะไร" พูดไปเจ้าสัวก็ดื่มไป ถึงน้ำเสียงสีหน้าท่าทางของเจ้าสัวจะดูปกติแต่ข้างในนั้นมันต่างออกไปชัดเจน เจ้าสัวรักลูกทุกคน บางเรื่องไม่ได้อยากจะทำแต่มันก็ต้องทำ เลือกตัดไฟตั้งแต่ต้นลมยังดีกว่ายอมให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น...
"ต้นเดือนหน้า ป๊าจะจัดงานแต่งงานให้อาหยาง"
เมื่อเจ้าสัวพูดจบทุกคนก็ตกใจไปตามๆ กัน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ไม่ตกใจนั่นก็คือเจ้าสัวกับเฮียหยาง คงคุยเรื่องนี้กันมาสักพักแล้ว
พอเพียงทั้งดีใจและตกใจ บทจะแต่งก็แต่งง่ายๆ อย่างนี้เลย เจ้าสาวของเฮียแม้แต่ชื่อเธอยังไม่รู้จัก ครั้งก่อนเธอคิดว่าป๊าพูดแซวเล่น แต่ความจริงไม่ใช่
"ทำไมเร็วจังละป๊า เจ้าสาวของเฮียเป็นใคร เพียงยังไม่รู้เลย" วันนี้เฮียดูซึมทั้งวันจนเธอแปลกใจ หรือว่าเฮียจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่เห็นเฮียปฏิเสธเอาแต่ยิ้มแห้งๆ แล้วนิ่งเงียบ
"อาหลิน ลูกสาวคนโตของอาสุพัฒน์" เจ้าสัวเลือกคนที่เหมาะสมและคู่ควรที่สุดให้กับลูกชายคนโต..ถึงเวลาสักทีสินะ หลังจากที่รอให้ทุกอย่างลงตัวมานาน
"ป๊ามัดมือชกเฮียหรือเปล่าดูจากสีหน้าเฮียแล้ว เฮียไม่เต็มใจนะ ใช่ไหมเฮีย ถ้าเฮียไม่อยากแต่งเดี๋ยวเพียงช่วยเอง" ชอบช่วยคนนั้นคนนี้ตัวเองยังเอาไม่รอดนะอาเพียง
" ไม่เต็มใจอะไรล่ะพูดไปเรื่อยนะอาเพียง" เจ้าสัวปรามลูกสาวหลังๆ มา กลับมานิสัยเดิมอีกแล้ว "ป๊ากับอาหยางคุยเรื่องนี้กันมาสักพักแล้ว" ความจริงเจ้าสัวตั้งใจจะจัดงานแต่งงานต้นปีหน้า แต่ทางนั้นเร่งรัดให้จัดเร็วขึ้น คงร้อนเงินอยากได้ค่าสินสอดหรืออย่างไร ทั้งที่ก่อนนั้นเลื่อนมาเกือบจะสองปี แต่เจ้าสัวไม่ได้ขัดอะไรเห็นว่ายิ่งเร็วยิ่งดี เรื่องทั้งหมดมันก็เลยกระทันหันไปหน่อย
เรื่องงานแต่งงานของเฮียหยางทำให้อีกคนที่เป็นเพียงลูกเขยนั่งหน้านิ่งไม่แสดงอาการ แต่ความจริงแล้วเป็นเขานี่แหละที่ตกใจที่สุด เขาเฝ้านับวันที่จะได้เป็นอิสระในอีกไม่กี่เดือน แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าอยู่ๆ เวลาของเขามันก็ขยับเข้ามาเร็วขึ้น ต้นเดือนหน้าแล้วเหรอวะ ตอนนี้ใจเขาเต้นเร็วจนไม่สามารถควบคุมได้ ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงดี ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่อีกใจก็รู้สึกว่ามันเร็วไป เดือนหน้ามันก็อีกไม่กี่วัน ลองนับดูก็อาทิตย์กว่าๆ ตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว...
"เอาเป็นว่า ก็เข้าใจกันดีแล้วเนอะ มาๆ ดื่มฉลองๆ" เจ้าสัวเหว่ยรอชนแก้วกับทุกคน แต่ละคนก็ดูกระอักกระอ่วนกันไป
เย้.. ดีใจๆ
"พี่ตุลย์เป็นอะไร" เมื่อเห็นว่าสามีเอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรกับใคร เธอก็เลยต้องถาม ก่อนนั้นคุยกับม๊าเธอไม่หยุด บทจะเงียบก็ไม่พูดไม่จา
"ปะ เปล่า" พอเงยหน้ามองเธอแล้วรู้สึกแปลกๆ หรือว่าจะเป็นเพราะเขาดื่มไปหลายแก้ว สมองก็เลยไม่สั่งการว่าดีใจมันแสดงออกยังไง ยิ้มให้กับความสุขของตัวเองสิวะ ยิ้มๆ มีความสุขโคตรๆ อิสระมาถึงแล้วโว้ยย
ยิ้มแห้งไปนะ...
"วันนี้ดึกแล้วแม่ว่าเราสองคนนอนค้างที่นี่ดีกว่าไหม พรุ่งนี้เช้าก็ค่อยกลับ" แม่ทิพย์เป็นห่วง พอเพียงหันมองสามมีเขาก็พยักหน้าให้คำตอบ เธอจึงตอบตกลงม๊าไป
ตุลย์ภพยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเจ้าสัวคิดว่าคงคุยกันนานอาจจะดึกดื่น เมื่อก่อนเขาก็มานอนค้างที่นี่กับภรรยาบ่อยๆ ถือโอกาสนอนที่นี่เป็นคืนสุดท้ายก็แล้วกัน...
ทุกคนนั่งดื่มกันอยู่สักพักแม่ทิพย์ก็ขอตัวขึ้นไปนอนเพราะปกตินอนไว ส่วนพอเพียงก็อยากขึ้นไปอาบน้ำเพราะดึกแล้ว เฮียหยางเองก็ขอตัวไปอาบน้ำเช่นกัน ข้างล่างริมสระก็เลยเหลือเพียงเจ้าสัวเหว่ยกับตุลย์ภพ เมื่อไม่มีใครอยู่ด้วย บทพ่อตากับลูกเขยก็เลยจบลงเหลือไว้เพียงบทบาทคนสนิทคุ้นเคยกันในรูปแบบธรรมดา
"เริ่มทนไม่ไหวแล้วละสิ" เจ้าสัวยิ้มหัวเราะให้กับชายหนุ่มรุ่นลูก รู้จักกันมาตั้งกี่ปีทำไมเจ้าสัวจะดูไม่ออก คนอย่างเจ้าสัวเหว่ยทำตามคำพูดเสมอ อาหยางแต่งงานเมื่อไหร่วันนั้นจะเป็นวันที่ลื้อได้รับอิสระ เจ้าสัวพลาดเองที่ลั่นวาจานั้นออกไป..
"ก็พอทนได้ครับ ผมนับวันรออีกหลายเดือนไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ก็ถือว่าโชคดีมากครับ" ยิ้มอ่อนให้พ่อตา
"ทำไมวะ ลูกสาวอั๊วไม่สวยไม่ถูกใจลื้อบ้างเลยหรือไง ถ้าไม่ใช่ลื้อ อั๊วไม่ยกลูกสาวให้หรอกนะ แต่ลื้อก็เก่งที่อยู่กับลูกสาวอั๊วมาได้นานขนาดนี้" คนเป็นพ่อเห็นลูกมีความสุขก็มีความสุขไปด้วยแต่พอเห็นลูกทุกข์มันก็ทุกไปด้วยร้อยเท่าพันเท่า ใครไม่รักก็ช่างหัวมัน ความจริงในใจลึกๆ เจ้าสัวก็หวังให้เขาไปต่อ.. ไม่ได้อยากให้มันจบแบบนี้หรอก แต่เมื่อรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ปล่อยมันไป
"สวยอย่างเดียวกินไม่ได้หรอกครับ มันต้องมีอย่างอื่นที่เข้ากันได้ด้วย ถ้าผมเป็นฝ่ายขอหย่าแล้วถ้าเพียงไม่ยอมละครับ ผมต้องทำยังไง" อีกเพียงอาทิตย์กว่าๆ เขาจะไปทำยังไงให้เธอยอม ถ้าหากเปิดประเด็นว่ามีคนใหม่นอกจากจะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เขาก็อาจจะตายด้วย แค่เรื่องเข้าใจผิดวันนั้นยังเล่นบิดหูเขาเกือบขาด
" เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง อั๊วจะหาผู้ชายหล่อๆ รวยๆ มาให้ยัยหนูสักคน เอาให้ลืมผัวเก่าไปเลย จะสรรหามาจัดเรียงเป็นแคตตาล็อก อยากได้คนไหนก็เลือกเอา" ให้มันรู้ไปเลยสิวะว่าผู้ชายมันไม่ได้มีคนเดียวในโลก แต่งงานอยู่กินกันมาขนาดนี้ หวังว่าลูกสาวจะตาสว่างสักที..ว่าชีวิตคู่มันไม่ได้สวยหรูกลับมาอยู่กับครอบครัวยังมีป๊ากับม๊าที่ยังรัก
คำพูดของเจ้าสัวเหมือนเอาไม้มาฟาดหน้าเขายังๆ ไงๆ ก็ไม่รู้
"นั่นลูกสาวคุณลุงนะครับ ไม่คิดจะหวงลูกสาวบ้างเลยหรือไงครับ" เอะอะก็จะยกให้คนนั้นคนนี้ งงตั้งแต่ที่อยู่ๆ ก็มายกให้เขาแล้ว ปฏิเสธแทบตายสุดท้ายก็หนีไม่รอด เหตุผลที่ขอให้ช่วยก็ฟังไม่ขึ้น เห็นว่าเป็นเจ้าสัวเหว่ยหรอกนะเขาก็เลยยอมไม่ได้คิดอยากจะได้ลูกสาวเจ้าสัวมาเป็นเมียจริงๆ เลยสักนิด แต่คนเราย่อมมีเหตุผลในแบบของตัวเอง เขาก็มีเหตุผลของเขา
"หวงสิวะ ลูกสาวกู กูเลี้ยงมากับมือ ใครมันจะไม่หวงวะ" เอาแล้วเจ้าสัวโกธรขึ้นกูมึงแล้ว ตายแน่ ใครมันจะไม่หวงลูกสาวคนเดียวเลี้ยงมาอย่างดี แต่ดันไปรักไปชอบคนที่มันไม่รัก ความจริงเจ้าสัวเองก็เอ็นดูตุลย์ภพมากแหละไม่งั้นไม่ขึ้นกูมึงหรอก ปกติไม่เคยพูดเลยนะ นี่แหละคือคนพิเศษ
"ใจเย็นๆ สิครับคุณลุง ผมก็แค่พูดแซวเล่น มาพูดเรื่องข้อตกลงของเราดีกว่า" ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะโดนพ่อตาฆ่าตาย
ข้อตกลงที่เขาพูดถึงก็คือ เรื่องยอมให้เขาซื้อหุ้นโรงแรมมุกทราแกรนด์เป็นโรงแรมที่เขาทำงานอยู่ ทำงานเหมือนเป็นเจ้าของแต่ได้รับเงินเดือนแค่แสนนิดๆ ถามว่าคุ้มไหมสำหรับเขาคือไม่เขาเอาเวลาไปลงทุนกับอย่างอื่นมันได้ค่าตอบแทนมากกว่านี้แน่นอน แต่ที่เขาต้องทำหน้าที่นี้มาตลอดหลายปีก็เพราะอยากได้ทุกอย่างคืน มุกทราแกรนด์เป็นโรงแรมของพ่อเขาเมื่อพ่อเสียแม่ก็เลยต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างที่มี เพื่อใช้หนี้ธนาคารและคนที่ซื้อโรงแรมของพ่อเขาไปก็คือเจ้าสัวเหว่ยเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อย่างพีทีอาร์, โอเวอร์ราจ, และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อีกมากมายใหญ่ๆ ทั้งนั้น โรงแรมเขาเทียบไม่ติดเลยสักนิดแต่เจ้าสัวเหว่ยกลับให้ความสำคัญและรักโรงแรมนี้มากเหตุผลมันก็มาจากภรรยา แม่ทิพย์รักมุกทราแกรนด์มาก ที่นี่เป็นที่ที่ทั้งคู่ได้พบรักกันและเจ้าสัวก็ซื้อโรงแรมแห่งนี้ให้เป็นของขวัญภรรยา เป็นไงโรแมนติกไหม เหมือนจะง่ายแต่ยากสุด
คุยกันไปกันมาก็ยังหาข้อตกลงไม่ได้เจ้าสัวให้ซื้อหุ้นได้แค่สี่สิบเปอร์เซ็น หากอยากซื้อเพิ่มหรือเป็นเจ้าของก็ตัองยอมรับข้อเสนอใหม่ให้ได้ ตุลย์ภพแทบกุมขมับกับความเคี่ยวของเจ้าสัว ไอ้ตอนตกลงก็ลืมถามถามว่าให้ซื้อได้เท่าไหร่ รู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบ..นี่ขนาดยังไม่ได้ถามถึงราคายังขนาดนี้ เห็นทีคงคุยกันไม่รู้เรื่องแต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาจับทางได้นั่นก็คือเขาต้องเข้าทางแม่ทิพย์รับรองว่าได้ชัวร์ โอเคเขาจะเนียนๆ คุยไปก่อน แง้มๆ ขอแม่ทิพย์ได้เมื่อไหร่แล้วค่อยมาคุยใหม่.. ยอมใจเจ้าสัวที่เป็นคนรักเมียจริงๆ ของรักของเมียให้ตายก็ไม่ยอม สุดยอดคู่รักแห่งปี
"งั้นเอาไว้ผมจะมาคุยใหม่ วันนี้จะถือว่ายังไม่ได้ตกลงก็แล้วกันนะครับ" เสียเปรียบจริงๆ
"ลื้อจะไม่ลองคิดทบทวนดูใหม่หรืออาตุลย์ หากลื้อเป็นลูกเขยอั๊วต่อไป ไม่แน่ลื้อก็อาจจะได้ทุกอย่างคืนไปโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท" รู้ว่าต้องทำตามคำพูดที่ได้ลั่นไว้ แต่แหย่ดูหน่อยจะเป็นไร อยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อมันก็ไม่ต่างกันกันเพราะต่อจากนี้เจ้าสัวจะให้ลูกสาวเข้ามาอยู่ในบ้าน หากใครอยากจะเป็นลูกเขยต้องแต่งเข้าเท่านั้น
"ผมคงไม่ไหวครับ ทุกวันนี้หายใจรดต้นคอ เจ้าสัวก็อย่าเคี่ยวหน่อยเลย ผมช่วยมาเยอะแล้วจะไม่ช่วยผมบ้างเลยหรือไง "สมกับเป็นนักธุรกิจจริงๆ ต่อรองมาจะครึ่งชั่วโมงก็ยังวนไปวนมา รู้จักกันมาตั้งหลายปีจะไม่เอ็นดูเป็นลูกเป็นหลานบ้างเลยหรือไงวะ เอะอะจะให้เป็นลูกเขยอย่างเดียวเลย...
เครียดเลยกู..