“คุณไทเลอร์ครับ คุณแม็คคอยอยู่ในสายแล้วครับ” อัลเฟรดหันมาบอก พร้อมกับถือโทรศัพท์เอาไว้ ไทเลอร์จึงเดินไปหาแล้วคว้าโทรศัพท์ไปไว้ในมือก่อนจะพยักหน้าให้อัลเฟรดออกไป จากนั้นจึงได้นั่งและคุยอย่างเป็นทางการ
“ไงเพื่อน ปกติต่อสายยาก” ไทเลอร์อดแซวไม่ได้เพราะปกติแล้วจะใช้โทรศัพท์มือถือโทรหากันเสียมากกว่า น้อยนักจะใช้เบอร์ออฟฟิศโทรไป
“ก็หน้าห้องบอกว่าคุณอดัมเรียนสาย ฉันเลยรีบรับ มีอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงปลายสายบอกอย่างอารมณ์ดี
“ฉันยังจำคำที่นายบอกได้ เรื่อง... เรื่องวางมือ” คำพูดนี้ทำให้เพื่อนรักที่ฟังอยู่ถึงกับแปลกใจ
“เอ่อ แล้วได้เริ่มต้นหรือยังเพื่อน เอาจริงหรือเปล่าเนี่ย” แบรดลี่ย์ถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น
“ก็... ไม่รู้สิ ลูกชายนายน่ารักดี ก็เลยอยากได้บ้าง” ไทเลอร์หาเรื่องเฉไฉไม่ตอบอีกตามเคย
“ฮ่าๆ ไม่ใช่แค่อยากได้ลูกด้วยหรอกมั้ง อยากได้เมียด้วยมากกว่า” รู้ใจกันดีเหลือเกิน ไทเลอร์คิด
“แบรด ง่ายๆ เลยนะ มาดูแลโรงแรมกับคาสิโนให้หน่อยสิ” ไทเลอร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ทำเอาแบรดลี่ย์ถึงกับอึ้งไปเลย
“ว่าไงนะ พูดเล่นหรือเปล่า” แบรดลี่ย์ถามกลับเพราะไม่เชื่อหูตัวเอง
“นายอยากให้ฉันวางมือ ฉันก็จะวางแล้วไงเพื่อน”
“ฉันหมายถึงงานอื่น งานที่มันไม่ค่อยดีของนาย ไม่ได้หมายถึงโรงแรม”
“แต่ฉันหมายถึงทุกอย่าง”
“ให้ไปดูแลหมายความว่ายังไงไทเลอร์”
“มาเป็นเจ้าของ เป็นผู้บริหารในเครือ เอาไปเลยแบรด เอาไปให้หมด” ไทเลอร์บอกด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่นเสียจนเพื่อนรักนิ่งไป
“ฉันอึ้งมาก เกิดอะไรขึ้นกับนายเพื่อน” อึ้งจนเครียดเลยทีเดียว
“ฉันอยากไปให้พ้นจากที่นี่ อยากมีชีวิตที่หลุดพ้น มันเริ่มหาความสุขไม่ได้ ฉันเบื่อหน่ายและเมื่อเห็นนายมีความสุข พอหันกลับมามองตัวเอง ถามตัวเองว่าอยู่เพื่ออะไรและสิ่งใด ความสุขมันเริ่มหายไป”
“ให้ตายสิไทเลอร์ ที่นี่มันเป็นชีวิตของนาย ไม่ทำพวกนี้แล้วจะทำอะไร”
“นายอยากให้ฉันวางมือ ฉันก็กำลังจะวางอยู่นี่ไง เดี๋ยวให้อัลเฟรดจัดเอกสารไปให้”
“เอ่อ ถามฉันหรือยังวะว่าจะซื้อโรงแรมกับคาสิโนแกหรือเปล่า แพงโคตรจะเอาเงินที่ไหน”
“หึ แพงแค่ไหนแกก็ซื้อได้ แกมันไม่รู้จักพอแบรด หวังอยากจะสอยที่นี่อยู่แล้วนี่ โอกาสมาถึงแล้วรีบซื้อซะ”
“บังคับกันนี่หว่า เอาจริงใช่ไหม จะวางมือจากทุกอย่างจริงๆ ใช่ไหม”
“บางทีการหลุดพ้นจากที่นี่ อาจจะทำให้ฉันได้รับโอกาสดีๆ ในชีวิตก็เป็นได้”
“นี่เพื่อนฉันโตเป็นหนุ่มแล้วเหรอเนี่ย” แบรดลี่ย์อดแซวไม่ได้ซึ่งความจริงแล้วไทเลอร์ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแบรดลี่ย์เสียด้วยซ้ำ เพียงแต่เป็นโสดเท่านั้นเอง
“ฉันเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแกนะแบรด ตกลงว่าจะเอาหรือไม่เอา” ไทเลอร์เริ่มใช้น้ำเสียงบังคับเล็กๆ
“เอา! ให้เวลาสองวัน เตรียมเอกสารไว้ เดี๋ยวฉันจะไปหา นายไม่ต้องมามันอันตราย” แบรดลี่ย์บอกด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวให้คนเปิดทางให้ อย่าลืมหอบเงินสดมาด้วย ฉันไม่รับเช็ค” ไทเลอร์บอกยิ้มๆ พลางพูดติดตลก
“ฮ่าๆ เงินสดเหรอ ระวังเงินจะทับตาย หรือไม่ฉันก็ถูกปล้นระหว่างทางเสียก่อน เลิกกันเพื่อนเดี๋ยวเจอกัน”
“เลิกกันแบรด” จากนั้นทั้งสองจึงได้วางสายจากกันเรียบร้อย ไทเลอร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พร้อมกับความรู้สึกที่กำลังจะสูญเสียสิ่งที่ครอบครองอยู่ ให้กับเพื่อนรักอย่างเต็มใจ แม้จะมองว่าการสนทนากันนั้นมันดูง่ายไปเสียทุกอย่าง ก็เพราะว่าแบรดลี่ย์ แม็คคอย เป็นเจ้าพ่อคาสิโนเช่นกัน ฝ่ายนั้นก็อยากจะกว้านซื้อให้หมดแม้กระทั่งที่นี่ เมื่อโอกาสมาถึงฝ่ายนั้นก็ไม่ลำบากที่จะตอบรับ อีกทั้งถือว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับไทเลอร์ เพื่อจะได้หลีกหนีจากที่นี่เสียที เหมือนอย่างที่ใจต้องการ
ต่อมาหลังจากที่คุยกับแบรดลี่ย์ผ่านทางโทรศัพท์แล้ว ไทเลอร์ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของทางโรงแรมทั้งหมด เพื่อประกาศให้รู้โดยทั่วกันว่า โรงแรมและคาสิโนแห่งนี้จะให้แบรดลี่ย์ แม็คคอย มาเป็นผู้บริหารแทน แต่การตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้ ทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรทุกคนในโรงแรมก็ไม่ได้เสียหาย เพราะยังคงทำงานต่อไปได้ โรงแรมและคาสิโนอยู่ตัวและขายตัวมันเองได้อย่างสบายหายห่วง เพียงแต่เปลี่ยนประธานโรงแรมคนใหม่เท่านั้นเอง แต่ไทเลอร์ไม่ได้ทิ้งทุกคนไปเสียทีเดียวเพราะเขายังคงอยู่ในฐานะหุ้นส่วนของที่นี่อยู่
จากนั้นจึงได้ให้เลขานุการซึ่งก็คือเจมส์และอัลเฟรด จัดการเรื่องเอกสารการเปลี่ยนเจ้าของเอาไว้ให้เรียบร้อย เพื่อรอวันที่โรงแรมจะถูกเปลี่ยนมืออย่างเป็นทางการ แต่นั่นล่ะทุกคนยังทำใจไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ไทเลอร์ทำ แต่เหตุผลที่เขาสามารถทิ้งอาณาจักรหมื่นล้านนี้ไปได้ก็เพราะ เขาอยากจับเพียงธุรกิจเดียว คือการนำเข้ารถหรูเท่านั้น และอยากทำมันให้เต็ม และที่สำคัญไปกว่านั้นคือการได้ท่องเที่ยวไปในประเทศต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวหลีกหนีความจำเจของทุกๆ วัน