ลาสเวกัส ทุกวันนี้ยังคงเป็นดินแดนคาวโลกีย์ที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเสี่ยงโชคกันแทบไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่สถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดีคือคาสิโนและโรงแรม ซึ่งทั้งสองมักจะถูกสร้างเอาไว้ด้วยกันเสมอ หากใครที่ได้เดินทางมายังที่นี่แล้ว ก็จะได้เห็นแต่เพียงคาสิโนและคาสิโนเท่านั้น มีแหล่งช้อปปิ้งบ้างสำหรับผู้หญิง พร้อมทั้งรวมสถาปัตยกรรมจำลองระดับโลกเอาไว้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
ทว่าคาสิโนแต่ละแห่งแน่นอนมีคนคอยดูแลให้ความสะดวกสบายและความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งโรงแรม Rock star hotel and casino เป็นคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในย่านคลาร์ก เคาน์ตี อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ชายที่ทุกคนเรียกติดปากว่ามาเฟีย จากการทำงานที่เด็ดขาดน่ากลัวในบางสายอาชีพที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ หาใช่ว่ามาเฟียจะทำธุรกิจคาสิโนเพียงอย่างเดียว
แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่ไทเลอร์ อดัม เจ้าของคาสิโนแห่งนี้อยากจะวางมือแล้วไปเสียให้พ้นๆ หลังจากที่ได้พบสัจธรรมที่แท้จริงว่ามันไม่ใช่ความสุขที่ต้องการ เพราะความโดดเดี่ยวมันช่างทรมาน หลังจากมีชีวิตอยู่เพียงคนเดียวมาหลายสิบปี บิดามารดาเสียชีวิตเพราะป่วยตรอมใจจากความเลวร้ายในอดีต ไร้ญาติพี่น้อง เห็นเพื่อนฝูงที่รักต่างมีครอบครัวอบอุ่น เขาก็หวังอยากจะมีแบบนั้นเช่นกัน แต่จะทำอย่างไรเมื่อยังไม่หลุดพ้นจากวงการนี้
“คุณไทเลอร์ แอบไปเยี่ยมเพื่อนรักเป็นยังไงบ้างครับ” อัลเฟรด บอดี้การ์ดคนสนิทเอ่ยถาม ขณะที่เจ้านายหนุ่มกำลังยืนเหม่ออยู่ริมผนังกระจกซึ่งมองออกไป เห็นแต่วิวโรงแรมหรูระดับห้าดาวทั้งสิ้น
“เขาก็สบายดี” เจ้านายหนุ่มตอบแต่เพียงสั้นๆ น้ำเสียงทุ้มนุ่ม
แต่ใบหน้าเรียบตึงโดยไม่หันมามองคนถามเลยสักนิด
“ก็คงจะลงตัวแล้วมั้งครับ ได้ยินมาว่าไปตามลูกชายกลับบ้าน และน่ารักมาก” อัลเฟรดตอบพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ
“น่ารักมาก หน้าเหมือนพ่อ เลือดพ่อมันแรง หึ” เสียงหัวเราะของเจ้านายหนุ่มดังเล็ดลอดออกมาให้อัลเฟรดได้ยินเล็กน้อย
“นี่เสียงหัวเราะแบบอิจฉาหรือเอ็นดูครับเนี่ย” อัลเฟรดอดแซวไม่ได้แต่ปกติเจ้านายก็หัวเราะบ่อยอยู่แล้ว
“เอ็นดูสิวะ แต่จะว่าอิจฉาก็ใช่ เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเมื่อมีลูก ดูเปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ” ไทเลอร์เอ่ยถึงเพื่อนรักด้วยความภาคภูมิใจหลังจากที่แวะไปเยี่ยม เมื่อได้รับข่าวดีว่าเพื่อนรักกลับมาจากเมืองไทย พร้อมกับลูกน้อยแสนน่ารักและครอบครัวที่อบอุ่น ทำให้เขาอดหันกลับมามองตัวเองไม่ได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ใช้ชีวิตเลื่อนลอยไร้แก่นสารหาเงินไปวันๆ หรืออยากจะมีความสุขแบบนั้น
“อยากมีบ้างไหมล่ะครับ” อัลเฟรดหยั่งเชิงเจ้านายหนุ่มเผื่ออยากจะมีครอบครัวบ้าง
“หึ หาเมียให้ได้ก่อนเถอะ ยังไม่เจอคนที่ใช่ ยังไม่เจอคนถูกใจ แล้วอีกอย่างใครจะมาจริงใจกับคนอย่างฉัน”
“ก็ไม่แน่ คนที่จริงใจอาจจะเป็นที่ชอบความตื่นเต้นเร้าใจก็เป็นได้ และถ้าอยากจะหาคนแบบนั้น คนที่จริงใจกับคุณก็ต้องไม่ใช่ที่นี่” เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เจ้านายหนุ่มเอี้ยวตัวหันกลับมามองอัลเฟรดทันที พลางขมวดคิ้วเข้มก่อนจะตั้งคำถาม พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“ที่นี่มันทำไมเหรออัลเฟรด มันหาคนจริงใจยากขนาดนั้นเชียว”
“ที่นี่เป็นเมืองบาปครับ มีคนไม่กี่ประเภทที่ชอบมาที่นี่ แต่คุณแม็คคอย เพื่อนคุณโชคดีเท่านั้นเอง เพราะดันได้เมียเป็นนักศึกษาจบใหม่”
“ฮ่าๆๆ ช่างพูด จะให้ฉันหนีไปจากที่นี่เหรอ หืม” ไทเลอร์หัวเราะเสียงดังชอบใจ
“ก็อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ครับ บางครั้งสิ่งที่เราเป็นมันทำลายภาพลักษณ์ ทำลายชีวิต แทนที่เราจะได้พบกับสิ่งดีๆ กลับพบแต่ความต่ำทรามของผู้คน”
“นายพูดอย่างนี้ทำให้ฉันสะอึก รู้สึกเหมือนกำลังถูกด่า และ...” เขาหยุดเอาไว้แต่เพียงเท่านั้น เพราะอยู่ๆ คำพูดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวให้เขาฉุกคิด ฉันอยากให้นายวางมือ ประโยคนี้ดังอยู่ในโสทประสาทครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่ไทเลอร์ได้เข้าไปช่วยเหลือเพื่อนรัก เกี่ยวกับความขัดแย้งของครอบครัวคราวก่อน เมื่อเพื่อนรักเป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวที่อบอุ่น เขาก็ต้องหันกลับมามองตัวเองว่าใช้ชีวิตอยู่เช่นนี้เพื่อใคร และอยู่ท่ามกลางคนต่ำทรามเหมือนอย่างที่อัลเฟรดบอก แล้วเขาจะพบความสุขที่ต้องการหรือไม่
“มีอะไรหรือเปล่าครับเจ้านาย” อัลเฟรดถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นไทเลอร์นิ่งไป
“ฉัน... ไม่รู้สิ งานใหม่ของเราเป็นยังไงบ้าง ไปได้สวยไหม” ไทเลอร์เฉไฉหาเรื่องถามถึงงานอื่นแทน เพราะเขาอยากเก็บเรื่องนี้เอาไว้คิดเพียงลำพัง
“ยอดเยี่ยมมากครับ กลุ่มนักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีตอบรับออร์เดอร์และให้ความสนใจมาก”
“ก็แหงล่ะพวกคลั่งวัตถุนิยม” ไทเลอร์บอกยิ้มๆ และมีความสุขเมื่อได้ยินว่าธุรกิจที่กำลังทำอยู่นอกเหนือจากคาสิโนและโรงแรมนั้นไปได้สวย
“คุณก็คลั่ง ไม่อย่างนั้นคุณจะหันมาจับธุรกิจนำเข้ารถราคาแพงทำไม”
“มันเกิดจากความชอบมาก่อน ฉันอยากไปเปิดตลาดใหม่ๆ ไปประเทศที่เริ่มมีศักยภาพ เปิดตัวภาพลักษณ์ของตัวเองใหม่เหมือนอย่างที่นายว่า เพราะไม่อย่างนั้นฉันก็ต้องจมอยู่ที่คาสิโนนี่ ต่ำทราม” คำสุดท้ายว่าให้ตัวเองชัดๆ
“พูดเหมือนจะวางมือจากคาสิโนอย่างนั้นแหละครับ” อัลเฟรดถามด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ก็อาจจะเป็นได้” ไทเลอร์ตอบกลับน้ำเสียงเรียบ
“พูดเล่นหรือเปล่าครับ งานช้างเลยนะครับเนี่ย”
“ไม่เคยพูดเล่น ทำธุรกิจแต่ละอย่างก็งานช้างด้วยกันทั้งนั้นแหละ บางทีนึกอิจฉาแบรด อยากมีครอบครัว อยากไปจากที่นี่ ไปอยู่ที่เงียบๆ” แบรดลี่ย์ แม็คคอย เพื่อนรักที่เพิ่งจะมีครอบครัวอบอุ่น มีลูกที่น่ารัก และนั่นทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป ไทเลอร์ก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ คนอย่างคุณต้องอยู่กับแสงสี” อัลเฟรดพูดด้วยความที่ไม่เชื่อ เพราะเจ้านายหนุ่มชอบความสุขแบบนี้ ท่ามกลางผู้หญิง และอบายมุขทั้งหลาย
“อย่าดูถูกกัน เพราะถ้าฉันเอาจริงขึ้นมาจะหนาว และฉันพูดจริงทุกครั้งไม่ได้พูดเล่นเลย”
“แปลว่าพูดจริงเหรอครับเนี่ย” อัลเฟรดไม่เชื่อคำพูดของเจ้านายเลยหรือยังไง
“ต่อสายถึงแบรดให้หน่อยไป” ไทเลอร์สั่งน้ำเสียงเรียบ อัลเฟรดจึงรีบจัดการให้โดยการใช้โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ต่อสายถึงเจ้าพ่อคาสิโนแห่งแม็คคิงส์ พาเลซ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของไทเลอร์เอง อัลเฟรดต่อสายให้เพียงไม่นานเท่านั้น เพราะบอกว่าไทเลอร์จะขอสาย พนักงานก็รีบโอนเข้าห้องทำงานของเพื่อนรักทันที