พวกหมาป่าตาขาว

2068 คำ
ตอนที่ 5 หลี่จือหลินต้องการที่จะออกไปเปิดหูเปิดตา พี่ชายและน้องชายของเธอได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกแต่หญิงสาวนั้นกลับต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย เธอไม่ต้องการเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งจึงได้พยายามที่จะตามทั้งสองออกไป แต่กลับถูกขัดขวางโดยหญิงวัยกลางคนและหญิงวัยชรา “จะไปไหนกัน!” ป้าสะใภ้ตวาดถาม เนื่องจากเธอนั้นเป็นคนมีฐานะก่อนที่จะมาแต่งงานกับลูกชายบ้านนี้ ทำให้ผู้เป็นย่าค่อนข้างเกรงใจและเห็นดีเห็นงามกับทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำ “ฉันจะพาอาหลินออกไปตลาดด้วย” หลี่จินเอ่ย เนื่องจากเขานั้นเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างสุขุมและมีความดุดันในบางครั้ง ทำให้ป้าสะใภ้ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเขาเท่าไหร่นัก แต่มุ่งเป้าไปยังหลี่ฉวนและหลี่จือหลินมากกว่า ทั้งสองกลายเป็นสนามอารมณ์ทุกครั้งที่คล้อยหลังหลี่จิน แม้จะโกรธที่น้องสาวและน้องชายถูกกลั่นแกล้งรังแกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ชายหนุ่มได้แต่เก็บความคับแค้นใจเอาไว้ และหวังว่าสักวันเขานั้นจะได้แก้แค้นป้าสะใภ้ผู้นี้อย่างสาสม “ฉันอนุญาตพวกแกแล้วเหรอ!” บ้านหลังนี้ทุกคนจะต้องฟังคำสั่งของเธอ และหากใครคิดที่จะขัดขวางความต้องการก็ต้องถูกขับไล่ออกไปอยู่ที่อื่น แต่ทั้งสามพี่น้องนั้นไม่มีทางไป พวกเขาเป็นเด็กกำพร้าสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก ในยามนั้นหลี่จินพึ่งอายุเพียง 10 ปี แต่กลับกลายว่าเขาจะต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องดูแลน้องทั้งสอง “พวกเรากำลังขออยู่” ชายหนุ่มตอบกลับก่อนที่สายตาจะมองเลยไปยังผู้เป็นย่าที่นั่งอยู่ด้านหลังไม่สนใจอะไร ไม่แม้แต่จะออกหน้าปกป้องพวกเขาเลยสักครั้ง “อาหลินห้ามไป ส่วนแกสองคนจะไปไหนก็ไป” ครั้งนี้หลี่จินรู้สึกหมดความอดทน เขาทำงานมาได้ก็ถูกยึดเงินไปจนหมด ชายหนุ่มจึงเริ่มตระหนักคิดว่าเขานั้นไม่ควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ต่อไป ในฐานะพี่ใหญ่เขาควรที่จะปกป้องน้อง ๆ ให้ดีกว่านี้ “ป้าสะใภ้ พวกเราโตแล้ว จะไปไหนมาไหนบ้างไม่ได้เลยหรือไง” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขานั้นกล้าต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย หญิงวัยกลางคนโกรธจัดจนใบหน้าแดง รูปร่างท้วมนั้นสั่นเทิ้ม ที่ผ่านมา 3 พี่น้องเชื่อฟังคำสั่งของเธอเสมอ แต่เมื่อโตขึ้นก็เริ่มดื้อรั้น ทำให้เธอนั้นต้องตัดสินใจตั้งเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาเพื่อรั้งทั้ง 3 ให้ยังอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ไม่ใช่เพราะความรักและความเป็นห่วง เพียงแต่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างแม่บ้านก็เท่านั้น การที่มีจือหลินอยู่ที่นี่ทำให้เธอไม่ต้องทำความสะอาด มีคนคอยดูแลรับใช้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องไปเปลืองเงินจ้างใคร ฉะนั้นแล้วเธอจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อยื้อสามพี่น้องเอาไว้ แต่พอเห็นว่าหลี่ฉวนและหลี่จินนั้นเริ่มมีรายได้จากการรับจ้าง ถึงได้สร้างข้อตกลงใหม่ขึ้นมาโดยให้สามพี่น้องจ่ายค่าเช่าทุกเดือน “แกกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ ถือดีว่ามีเงินมีงานแล้วจะดื้อรั้นกับฉันได้ใช่ไหม!” หญิงวัยกลางคนตวาดขึ้น เธอไม่พอใจและรู้สึกกลัวว่าทั้งสามนั้นจะไม่เชื่อฟังอีกต่อไป หากเป็นเช่นนั้นเธอจะไม่สามารถกอบโกยผลประโยชน์จากสามพี่น้องได้อีก หลี่จินรู้ทันผู้เป็นป้าเขาจึงได้ก้าวเข้าไปเผชิญหน้าและเอ่ยกับอีกฝ่าย “พวกเราจะไปข้างนอก” "กบฏ พวกหมาป่าตาขาว พวกเนรคุณ!" ผั๊วะ ผู้เป็นย่าที่นั่งฟังอยู่นานก็ไม่พอใจเมื่อเห็นว่าหลานนั้นไม่เชื่อฟังคำพูดผู้ใหญ่ จึงได้คว้าไม้ก่อนจะตีเข้าที่แขนของหลานชายคนโต จือหลินที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปห้ามก่อนที่เธอจะโดนตีเข้าที่หัว หลี่ฉวนโมโห เขาแย่งไม้ออกจากมือย่าก่อนโยนทิ้งไปและเอาตัวเข้ามาขวางพี่สาวและพี่ชายเอาไว้ “อย่าทำอะไรพี่รอง” สายตาแข็งกร้าวทำให้หญิงชราชะงักก่อนก้าวถอยหลังเล็กน้อย ที่ผ่านมาทั้งสามไม่เคยตอบโต้ เมื่อเห็นว่าครั้งนี้แตกต่างไปจึงเริ่มหวั่นใจและไม่กล้าที่จะตีทั้งสามต่อ “แม่ ไม่ตีพวกมันต่อล่ะคะ” สะใภ้ใหญ่รู้สึกขัดใจที่จู่ ๆ แม่สามีก็ใจอ่อนขึ้นมา เธอจะเดินไปหยิบไม้ที่หล่นอยู่บนพื้นแต่กลับถูกหลี่ฉวนขวางเอาไว้ ในขณะที่หลี่จินหยิบไม้ขึ้นมาก่อนหักทิ้งต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ทั้งสอง “พวกเราจะไม่ยอมถูกทุบตีอีกแล้ว” หลี่จินกล่าวก่อนที่เขาจะโยนเศษไม้ทิ้งไป ผู้เป็นย่าเห็นเช่นนั้นก็โกรธจัด เข้าไปในห้องก่อนจะโกยเสื้อผ้าของทั้งสามไปโยนทิ้งหน้าบ้าน ทั้งยังเอ่ยขับไล่สามพี่น้องให้ออกไปจากที่นี่โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของสะใภ้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย "ออกไป! ถ้าพวกแกเก่งมาก็ออกไป พวกอกตัญญู พวกเนรคุณ พวกแกไม่มีทางได้ดีหรอก!" หญิงชราตวาดลั่นจนผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงรีบเดินออกมาดู ในยุคสมัยนั้นค่อนข้างให้ความสำคัญกับความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ แต่ก็มีผู้คนไม่น้อยที่หยิบฉวยคำนี้มาหาผลประโยชน์จากคนที่เกิดในรุ่นหลัง หญิงวัยกลางคนไม่ได้สนใจชีวิตของทั้งสาม เพียงแต่ต้องการเก็บพวกเขาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ต่างหาก สะใภ้ของบ้านรีบเอ่ยปรามแม่สามีอย่างไม่เก็บอาการ “แม่คะ อย่าทำแบบนี้ หากไม่มีพวกมัน เราก็ต้องเสียเงินจ้างคนทำความสะอาดนะคะ” แม้จะมีเงินมากมายแต่ก็ร่อยหรอลงทุกวันเพราะเธอนั้นไม่ได้ทำงาน ขณะที่สามีก็เข้าบ่อนไม่เว้นวันแอบขโมยเงินไปละลายเล่น จับได้ไล่ทันก็ยังทำอีกจนเธอรู้สึกเครียด โชคดีที่ไม่มีลูกไม่เช่นนั้นค่าใช้จ่ายคงมากกว่านี้เป็นเท่าตัว “แล้วจากนี้เราจะไปที่ไหนกันต่อดีพี่ใหญ่” หลี่ฉวนเอ่ยถาม ตัวเขาพร้อมที่จะร่วมเดินทางไปกับพี่ชายและพี่สาว ของเพียงมีทั้งสองอยู่ด้วยเขาก็ไม่หวาดหวั่น หลี่จินถอนหายใจยาว เขาอาจต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้นเพื่อเก็บข้าวของแต่ทว่าจะทำเช่นไรในเมื่อถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปอีก “เราต้องเข้าไปเก็บของกันก่อน เสื้อผ้าและของใช้บางอย่างจำเป็นมาก” หลี่จินว่าอย่างนั้นก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นถุงใบใหญ่ปลิวมาติดอยู่ที่เสาข้างทาง ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเดินไปเก็บมาทันทีก่อนที่เขานั้นจะพาน้องสาวและน้องชายกลับไปที่บ้านเพื่อเก็บของ “เข้ามาทำไม!” หญิงชราลุกพรวดขึ้นก่อนชี้หน้าด่าทอหลานทั้งสามหยาบคาย หลี่จินพยายามอดทนในขณะที่น้องชายเขานั้นเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “ย่า พอเถอะ!” หลี่ฉวนตวาดขึ้น สิ่งที่อีกฝ่ายตะโกนด่านั้นล้วนไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่นิดเดียว ทั้งเขาและพี่ชายต่างก็ขยับทำมาหากิน ไม่เคยไปเสเพลอย่างที่อีกฝ่ายกำลังกล่าวอ้าง ทั้งจือหลินก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยออกไปพบใคร ฉะนั้นเขาจึงรู้สึกโมโหที่ผู้เป็นย่าใส่ร้ายป้ายสี “พวกเนรคุณ พวกแกจะไปไหนก็ไปเลย ต่อไปนี้พวกแกไม่ใช่คนของบ้านนี้อีกต่อไป” หญิงชราว่าอย่างนั้นก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องและปิดประตูเสียงดังสนั่น หญิงวัยกลางคนเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงได้ตัดสินใจให้น้ำเย็นเช้าลูบ เจรจากับทั้งสามโดยหวังว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจและอยู่ที่นี่ต่อ “อย่าถือสาย่าเลย” แต่เพราะทั้งสามไม่สนใจฟัง ทำให้หญิงวัยกลางคนรู้สึกโมโหขึ้นมา เธอพยายามเข้าไปกระชากกระเป๋าจือหลินก่อนที่จะถูกหญิงสาวผลักเต็มแรง เนื่องจากถูกคุกคามกะทันหันทำให้ตกใจกลัว "กะ..แกกล้าผลักฉันเหรอนังจือหลิน!" "อาฉวน รีบพาน้องรองออกไปรอพี่อยู่ถนนด้านนอก พี่เข้าไปเอาเอกสารไม่นาน" หลี่จินเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงรีบเอ่ยขัด เมื่อเห็นว่าน้อง ๆ ทั้งสองคนเดินออกไปจากตัวบ้านแล้วชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปเอาเอกสารสำคัญพร้อมกับของใช้ที่จำเป็น แล้วเดินออกจากบ้านหลังนั้นมาทันที ทิ้งไว้เพียงป้าสะใภ้ที่กำลังโกรธจนหน้าดำหน้าแดงที่ทำอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้ทั้งสามคนไม่ยอมให้เธอข่มเหงได้อีกต่อไปแล้ว . . “พวกเราไปกันเถอะ” หลี่จินเก็บเสื้อผ้าและเอกสารสำคัญทุกอย่างใส่กระเป๋าผ้าใบเก่าแล้วจะพาน้อง ๆ เดินออกไปจากบ้านหลังนี้ “ดะ เดี๋ยวก่อน” หญิงวัยกกลางคนพยายามยื้อทั้งสามเอาไว้ แต่หลี่ฉวนรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นต้องการผลประโยชน์จากพวกเขาจึงได้ตัดสินใจเอ่ยขึ้น “ป้าสะใภ้เลิกทำเหมือนพวกเราเป็นคนโง่เสียที ฉันรู้มาตลอดว่าป้าคิดอะไร แต่ที่พวกเรายังอยู่ที่นี่ก็เพราะยังมีความหวังว่าสักวันป้าจะเมตตาขึ้นมาบ้าง” แม้ได้ยินเช่นนั้นแต่หญิงวัยกลางคนก็ไม่ได้สำนึกต่อสิ่งที่ทำลงไป ยังคงครุ่นคิดหาแผนเธอกระตุกแขนเสื้อเขาก่อนจะกระซิบกระซาบ จือหลินขยับไปยืนด้านหลังพี่ชายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นมองจ้องมา เธอกระตุกแขนเสื้อเขาก่อนจะกระซิบกระซาบ “เราไปกันเถอะพี่ใหญ่” เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน ๆ เพราะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้น ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามกับหญิงทั้งสองจะไม่สู้ดีนัก "อืม ไปกัน อาหลิน อาฉวน ไปตายเอาดาบหน้า พี่จะดูแลทั้งสองคนให้ดีที่สุด" "ครับพี่ใหญ่/ค่ะพี่ใหญ่" . . “เกิดอะไรขึ้น ทำไมย่ากับป้าถึงได้เกลียดเรา” เมื่อเดินออกมาได้ไกลแล้วหญิงสาวจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เห็นสีหน้าพี่ชายแล้วก็ยิ่งงุนงง ทั้งที่เป็นญาติร่วมสายเลือดแต่กลับปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับเป็นคนใช้ในบ้าน ที่ต้องคอยฟังคำสั่งตลอดเวลา “ย่ากับป้าสะใภ้น่ะ” หลี่จินเล่าเรื่องราวให้น้องสาวฟังพอสังเขปเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความจำของเธอจะหายไปอีก ป้าสะใภ้ไม่ต้องการแบกรับภาระจึงพยายามหาเรื่องขับไล่พวกเขาออกจากบ้านเป็นประจำ แต่เมื่อเติบโตขึ้นเธอก็เห็นว่าทั้งสามนั้นเริ่มทำประโยชน์ได้จึงล้มเลิกความคิด แต่ผู้เป็นย่าเดิมทีไม่ได้เลวร้ายแม้ไม่ได้สนใจใยดีแต่ไม่เคยทำร้ายทุบตี เพิ่งมาถูกป้าสะใภ้ยุยงจึงมักสั่งสอนด้วยการทุบตีอยู่เสมอ “พวกเขาใจร้ายกับพวกเรามาก” หญิงสาวเอ่ยก่อนที่น้องชายและพี่ชายจะพยักหน้า เธอไม่เข้าเลยว่าทำไมคนสายเลือดเดียวกันถึงไม่รักใคร่กลมเกลียว มีเมตตาต่อกันและกันเข้าไว้ กลับทำร้ายทุบตีด่าทอสร้างความเกลียดชังให้แก่กันและกัน “แล้วจากนี้เราจะไปที่ไหนกันต่อดีพี่ใหญ่” หลี่ฉวนเอ่ยถาม ตัวเขาพร้อมที่จะร่วมเดินทางไปกับพี่ชายและพี่สาว ของเพียงมีทั้งสองอยู่ด้วยเขาก็ไม่หวาดหวั่น "เฮ้อออ~ พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม