เป็นของข้าครั้งที่ 3

3262 คำ
ปีศาจจิ้งจอกตนนั้น... เป็นของข้า เป็นของข้าครั้งที่ 3 หงเฟยจวินนั่งมองไป่ถิงถิงยัดไก่ย่างตัวโตเข้าปากด้วยสายตาเอ็นดู ร่างสูงพาปีศาจจิ้งจอกตัวจิ๋วเดินกลับเข้ามาในหมู่บ้านเนื่องจากไม่รู้ว่าจะพาไปส่งที่ไหนดี เพราะแดนจิ้งจอกนั้นไม่ใช่ที่ที่ผู้ใดอยากจะเข้าก็เข้าไปได้ เขาคงจะต้องรอให้บิดาของปีศาจจิ้งจอกตัวจิ๋วที่อยู่ตรงหน้านี้ ออกตามหาจนมีโอกาสได้เจอกันเท่านั้น “อิ่มหรือไม่” หงเฟยจวินถามเมื่อเห็นว่าไก่ย่างตัวโตเริ่มเหลือแค่ส่วนขา ไป่ถิงถิงพยักหน้า “อิ่มแล้วขอรับท่านเทพ” “เรียกข้าว่าเฟยจวินก็ได้” “ข้าเรียกท่านแบบสนิทสนมได้หรือ” หงเฟยจวินพยักหน้า “อย่างไรเสียเจ้าก็ดูไม่ใช่เด็กที่เลวร้าย” ร่างสูงยื่นมือไปเช็ดที่มุมปากของไป่ถิงถิงที่มีคราบเปื้อน “ว่าแต่เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว” ไป่ถิงถิงยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งก่อนจะชูนิ้วทั้งห้า “ข้าอายุห้าพันปีแล้วขอรับ” “ปีศาจจิ้งจอกจะโตตอนอายุเท่าไหร่หรือ เจ้าอายุตั้งห้าพันปีแล้ว แต่ดูเหมือนเด็กมนุษย์อายุห้าขวบเท่านั้น” ไป่ถิงถิงส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ขอรับ แล้วท่านเฟยจวินอายุเท่าไหร่หรือ” ร่างสูงยิ้มน้อยๆ “ข้าอายุหนึ่งหมื่นห้าพันปีแล้ว” “โห.. ท่านอายุมากกว่าข้าถึงหนึ่งหมื่นปีเชียวหรือ” หงเฟยจวินส่ายหน้าน้อยๆ “รีบจัดการให้อิ่มท้อง เราจะได้ออกเดินทางกันเลย” “ไปไหนหรือขอรับ” “ก็คงต้องออกเดินทางไปที่ที่จะมีปีศาจจิ้งจอกออกมาน่ะสิ เจ้าจะได้เจอท่านพ่อของเจ้าเร็วๆ” “ข้ากลัวว่าจะโดนท่านพ่อลงโทษจังเลย..” ไป่ถิงถิงก้มหน้า “อย่างไรเสียเขาก็เป็นบิดาเจ้า คงไม่ลงโทษจนเจ้าสิ้นชีพหรอก” “ท่านไม่รู้อะไรเสียแล้ว ท่านพ่อของข้าน่ะดุมาก” ไป่ถิงถิงมองหน้าหงเฟยจวินก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ “ข้าอยู่กับท่านไม่ได้หรือ ข้าสัญญาว่าข้าจะเป็นเด็กดี” หงเฟยจวินส่ายหน้าน้อยๆ “ข้าไม่อยากมีเด็กเล็กตามติดไปชั่วชีวิตหรอกนะ” “อีกไม่นานข้าก็โต” ไป่ถิงถิงเบะปาก หงเฟยจวินส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าไป่ถิงถิงน่าจะอิ่มแล้ว ทั้งคู่ตัดสินใจเดินทางกันไปที่เมืองอื่น เนื่องจากคิดว่าอาจจะมีโอกาสได้พบเจอบิดาของไป่ถิงถิงมากกว่ารออยู่ที่เดิม และก็เป็นดั่งที่หงเฟยจวินคาดเดาเอาไว้ ว่าถ้าเดินทางมาที่เมืองอื่นจะมีโอกาสได้เจอกับบิดาของไป่ถิงถิงเร็วขึ้น ร่างสูงยืนมองไป่ถิงถิงที่วิ่งเข้าไปกอดบิดาจนร่างเล็กจมเข้าไปในอ้อมกอด “ข้า.. ข้าต้องขอบคุณท่านมาก ที่คอยดูแลบุตรชายของข้า” ไป่เซียวเหอบิดาของไป่ถิงถิงกล่าวขอบคุณ หงเฟยจวินส่ายหน้าน้อยๆ “ข้าไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่พาเขาเดินทางมาเรื่อยๆ เท่านั้น” ไป่เซียวเหอประสานมือขึ้นก่อนจะคำนับให้หงเฟยจวิน “อย่างไรเสียข้าก็ต้องแสดงความขอบคุณ ที่บุตรชายของข้ากลับมาหาข้าได้อย่างปลอดภัย เพราะมีท่านคอยดูแล” หงเฟยจวินส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่ยังไม่ทันจะได้ใช้วิชาตัวเบาก็โดนไป่ถิงถิงดึงชายเสื้อเอาไว้เสียก่อน ร่างสูงหันไปมองหน้าปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังส่งยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “มีอะไรหรือ” ไป่ถิงถิงล้วงเอาลูกแก้วเคลื่อนที่ออกมายื่นให้ “ข้าขอท่านพ่อแล้ว ต่อไปนี้ท่านสามารถมาหาข้าที่แดนจิ้งจอกได้เสมอ หากท่านต้องการ” หงเฟยจวินเลิกคิ้ว “แล้วเหตุใดข้าต้องไปหาเจ้าด้วยเล่า” ไป่ถิงถิงเบะปาก “ท่านจะไม่คิดถึงข้าหรือ ข้าคิดถึงท่านนะ” หงเฟยจวินหยิบเอาลูกแก้วเคลื่อนที่นั่นมาถือเอาไว้ “เช่นนั้นข้าจะดูก่อนว่าข้ามีเวลาไปหาเจ้าหรือไม่” “ท่านต้องมาหาข้านะ ข้าจะรอ” หงเฟยจวินส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนก้อนเมฆ ไป่ถิงถิงยิ้มกว้างก่อนจะหันมามองหน้าบิดา และก็ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อเห็นว่าสีหน้าของไป่เซียวเหอตอนนี้ดูมืดครึ้มยิ่งนัก “กลับแดนจิ้งจอกไปเจ้าจะต้องถูกกักตัวไว้ในถ้ำฝึกตน จนกว่าจะอายุครบหมื่นปี” พูดจบไป่เซียวเหอก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปทันที “ท่านพ่อ!! ท่านจะขังข้าอยู่ในถ้ำนั่นตั้งห้าพันปีเลยหรือท่านพ่อ ท่านพ่อ!!!” เสียงเล็กๆ ของไป่ถิงถิงส่งไปไม่ถึงบิดาเลยแม้แต่น้อย เพราะทันทีที่เดินทางกลับมาถึงแดนจิ้งจอก ไป่ถิงถิงก็โดนบิดาจับมาโยนไว้ในถ้ำฝึกตนทันที ถึงแม้ว่าอยากจะร้องไห้งอแงมากเพียงใด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วนั้นไป่ถิงถิงก็ทำได้เพียงค่อยๆ นั่งลงบนพื้นถ้ำด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยเท่านั้น ไป่ถิงถิงที่ถูกขังเอาไว้ในถ้ำฝึกตนได้แต่คิดถึงใบหน้าของหงเฟยจวิน เพราะกลัวว่าอาจจะลืมใบหน้าของท่านเทพเซียนที่ใจดีผู้นั้นไป ไป่ถิงถิงอยู่ในถ้ำฝึกตนโดยที่เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จากวันก็ผ่านไปเป็นเดือน เป็นปี พันปี และห้าพันปีตามลำดับ ไม่นานวันครบรอบอายุครบหนึ่งหมื่นปีของไป่ถิงถิงวนมาถึงพร้อมๆ กับที่ไป่เซียวเหออนุญาติให้ร่างบางได้ออกจากถ้ำแล้ว ไป่ถิงถิงรีบวิ่งออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าม่านกั้นที่บิดาร่ายเอาไว้ได้หายไปแล้ว “ย้ากกกกกกกกกกก ข้าได้ออกมาแล้วววววว” ไป่ถิงถิงวิ่งไปด้วยตะโกนเสียงดังไปด้วย ร่างบางมีความสุขมากที่ได้ออกมาสูดอากาศที่สดชื่นข้างนอก แขนทั้งสองข้างกางขึ้นก่อนจะเงยหน้าเพื่อสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ “ในที่สุดเจ้าก็พ้นโทษเสียที” เสียงของผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังทำให้ไป่ถิงถิงหันไปมองทันที ร่างบางยิ้มกว้าง “ท่านเฟยจวิน” “ยังจำข้าได้หรือ คิดว่าห้าพันปีที่เจ้าเข้าไปอยู่ในถ้ำจะลืมข้าเสียแล้ว” ไป่ถิงถิงส่ายหน้า “ไม่เลยขอรับ ข้าคิดถึงท่านอยู่ทุกวัน” เมื่อพูดออกไปไป่ถิงถิงก็เม้มปากน้อยๆ เพราะรู้สึกว่าหัวใจเริ่มเต้นแรงเมื่อได้สบตากับหงเฟยจวิน ร่างสูงยิ้มน้อยๆ “ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครป่วนได้เท่าเจ้ามาก่อน” “ข้า... ข้าไม่ป่วนแล้ว ข้าโตขึ้น ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง” หงเฟยจวินพยักหน้า “ล้วนเป็นอย่างที่เจ้าบอก ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง” “แล้ว.. ท่านมาทำไมหรือ” “ครั้งแรกข้ามาหาเจ้าเมื่อสี่พันปีก่อน แต่บิดาเจ้าบอกว่าเจ้าอยู่ในช่วงโดนลงโทษ ข้าก็เลยต้องกลับไปก่อน” ไป่ถิงถิงเบะปาก “ท่านพ่อน่ะใจร้ายมากเลย” “แต่อย่างไรเสีย บิดาเจ้าก็ยอมให้เจ้าออกมาทันวันเกิดของเจ้าพอดี” “แล้วท่านจะอยู่ร่วมงานฉลองหรือไม่” ไป่ถิงถิงถามอย่างตื่นเต้น หงเฟยจวินส่ายหน้า “ข้าไม่มีเวลามากนัก มาเพียงเพื่อพบหน้าเจ้าเท่านั้น” “อ่า.. อย่างนั้นหรือ” “เห็นทีว่าข้าต้องขอตัวแล้ว ข้ามีหน้าที่ที่ต้องไปสะสาง” หงเฟยจวินว่าก่อนจะหันหลังให้ไป่ถิงถิง “ช้าก่อน!” ไป่ถิงถิงเม้มปาก “วันนี้.. วันเกิดข้านะ” หงเฟยจวินส่ายหน้าก่อนจะค่อยๆ หันกลับไปหาไป่ถิงถิง “ขอให้เจ้ามีความสุข เติบโตมาอย่างดี ถ้าหากเจ้าไม่เกเร ข้าจะมาหาเจ้าบ่อยๆ” ไป่ถิงถิงได้แต่ยืนเม้มปากเมื่อหงเฟยจวินเดินออกไป ร่างบางรู้สึกว่าตอนนี้ที่แก้มทั้งสองข้างนั้นกำลังรู้สึกร้อน ระหว่างที่กำลังยืนเพ้อฝันอยู่ผู้เดียว ไป่อ้ายที่เป็นเด็กรับใช้ก็วิ่งเข้ามาเรียก “ท่านประมุขเรียกพบเจ้าค่ะท่านไป่น้อย” “ข้าเพิ่งออกมา ท่านพ่อจะเรียกข้าเข้าไปดุเลยหรือ” “ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ ท่านไป่น้อยรีบเข้าไปดีกว่า หากช้า ข้าเกรงว่าท่านประมุขจะโกรธเอา” ไป่ถิงถิงเบะปาก “ข้าไปก็ได้” เมื่อไป่ถิงถิงเดินมาถึงก็พบกับบิดาที่กำลังนั่งขมวดคิ้วอยู่ ร่างบางค่อยๆ เดินเข้าไปหาช้าๆ เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้ไป่เซียวเหอโมโหจนจับไปขังไว้ในถ้ำฝึกตนอีกรอบ “ท่านพ่อ..” ไป่ถิงถิงพูดเสียงเบา ไป่เซียวเหอเงยหน้าขึ้นมามองบุตรชาย “มาแล้วหรือ” “ขอรับ ข้ามาแล้ว” “มาแล้วก็ดี” ไป่เซียวเหอพยักหน้า “เจ้าอายุหมื่นปีแล้ว พ่อหวังว่าจากนี้เจ้าจะทำตัวดีขึ้น เข้าใจหรือไม่” “เข้าใจขอรับ” “เช่นนั้นก็ไปเถิด พ่อเรียกมาพูดคุยแค่เล็กน้อยก็เท่านั้น” ไป่ถิงถิงมองบิดาที่เอาแต่ทำหน้าเครียดก็ได้แต่มองอย่างเป็นห่วง แต่ในเมื่อไป่เซียวเหอไม่ยอมปริปากบอก ร่างบางก็คงทำอะไรไม่ได้ จึงเลือกที่จะเดินกลับไปที่ตำหนักของตัวเอง เมื่อถึงเวลาที่ต้องเฉลิมฉลองให้แก่วันครบรอบอายุหนึ่งหมื่นปีของไป่ถิงถิง ร่างบางก็โดนสาวใช้หลายตนจับหมุนซ้ายหมุนขวาจนรู้สึกเวียนหัว “พวกเจ้าใจเย็นๆ ก่อนได้หรือไม่ ข้าเวียนหัวไปหมดแล้ว” ไป่ถิงถิงบ่น “ท่านไป่น้อย ยังต้องพรมน้ำดอกไม้อีกนะเจ้าคะ ตัวเปล่าเช่นนี้ไม่ได้” ไปถิงถิงยกแขนทั้งสองข้างขึ้น “ข้ามีแขนเสื้อที่ยาวลากดินถึงเพียงนี้ เจ้ายังบอกว่าข้าเดินตัวเปล่าอีกหรือ” สาวใช้ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มน้อยๆ “ท่านไป่น้อยรู้หรือไม่เจ้าคะ ในวันครบรอบอายุหนึ่งหมื่นปีของปีศาจจิ้งจอกนั้น เป็นวันที่น่าจับตามอง” “แล้วจะมาจับตามองข้าทำไมกัน” “ก็เพราะว่าถ้าหากครบหนึ่งหมื่นปี ก็จะทราบว่าปีศาจตนนั้นจะได้เป็นผู้นำหรือผู้รองอย่างไรเจ้าคะ” “แล้ว.. ผู้นำกับผู้รองมันคืออะไรหรือ” ไป่ถิงถิงหันไปถามสาวใช้ด้วยสายตาไม่เข้าใจ “ข้าก็ลืมไป ว่าท่านไป่น้อยเข้าไปอยู่ในถ้ำฝึกตนเพียงผู้เดียวถึงห้าพันปี” “ใช่ ข้าก็เพิ่งออกมานี่อย่างไรเล่า” “ผู้นำก็คือผู้ที่เป็นสามีเจ้าค่ะ ส่วนผู้รองนั้นก็คือภรรยา” ไป่ถิงถิงเอียงคอ “แล้วข้าจะเป็นผู้นำได้หรือไม่” สาวใช้ยิ้มกว้างก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “จากสายตาของข้าแล้ว ท่านไป่น้อยเป็นผู้รองเจ้าค่ะ” ไป่ถิงถิงที่เพิ่งออกมาจากถ้ำฝึกตนได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจ ราวกับว่าคำพูดที่สาวใช้ทั้งหลายนั้นพยายามยัดมาในหัวของเขานั้นเข้าหูซ้ายแล้วทะลุหูขวาออกไปอย่างไรอย่างนั้น ร่างบางที่ถูกพรมน้ำดอกไม้ไปทั่วทั้งตัวค่อยๆ เดินเข้าไปในลานพิธีอย่างรู้สึกประหม่า เนื่องจากอยู่ผู้เดียวในถ้ำฝึกตนมาหลายพันปี ทำให้ไป่ถิงถิงไม่คุ้นชินกับการที่มีปีศาจจิ้งจอกยืนรายล้อมอยู่รอบตัวเช่นนี้ “ขอให้มีความสุขมากๆ นะท่านไป่น้อย” “ท่านช่างงดงามเสียจริง เห็นทีคงเป็นผู้รองที่ใครหลายๆ คนต่างหมายปอง” “ท่านไป่น้อย จำข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” “ท่านไป่น้อย” “ท่านไป่น้อย” ไป่ถิงถิงรู้สึกเวียนหัวเป็นอย่างมาก ทั้งกลิ่นน้ำดอกไม้ที่ลอยอยู่รอบตัว และเสียงของปีศาจจิ้งจอกทั้งหลายที่พยายามชวนเขาพูดคุย ทำให้ร่างบางหยุดอยู่กับที่ พลางหันซ้ายหันขวาอย่างตื่นกลัว แต่โชคดีที่มีไป่หานเล่อผู้เป็นพี่ชายเดินเข้ามาประคองเอาไว้ “ค่อยๆ เดิน ตามพี่มาช้าๆ” ไป่หานเล่อกระซิบที่หูของไป่ถิงถิงเบาๆ “ขอรับพี่เล่อ” ไป่ถิงถิงพยักหน้าก่อนจะค่อยๆ เดินตามแรงจูงของพี่ชายไป เมื่อได้มายืนอยู่ตำแหน่งของตัวเอง ไป่ถิงถิงก็ได้แต่หันไปมองหน้าไป่หานเล่ออยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้รับสายตาที่อ่อนโยนและรอยยิ้มที่ให้กำลังใจ ทำให้ร่างบางจึงรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อไป่เซียวเหอเดินมาพร้อมกับหลี่มู่ฟางผู้เป็นมารดาของไป่ถิงถิง ปีศาจจิ้งจอกทั้งหลายที่อยู่ในพิธีก็ต่างโค้งคำนับพร้อมเอ่ยคำอวยพร ก่อนที่ทุกตนจะนั่งลงประจำที่ของตนเอง เมื่อไป่เซียวเหอและหลี่มู่ฟางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่เรียบร้อยแล้ว “ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดี ในงานวันเกิดครบรอบหนึ่งหมื่นปีของบุตรชายข้า” ไป่เซียวเหอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “เชิญทุกท่านดื่มด่ำกับบทเพลงและอาหารในวันนี้ ที่ข้าเตรียมมาให้ทุกท่านเป็นอย่างดี เชิญๆ” “ขอบคุณท่านประมุข” เมื่อการกล่าวเปิดงานจบลงเหล่านางรำทั้งหลายก็ค่อยๆ เดินออกมาก่อนจะทำการแสดงฝีมือร่ายรำให้เหล่าปีศาจจิ้งจอกได้ชม เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบของไป่ถิงถิง จึงมีปีศาจจิ้งจอกหลายตนค่อยๆ ลุกออกมาจากที่นั่งเพื่อมากล่าวคำอวยพรและมอบของขวัญให้ “ข้ามีผ้าผืนงาม ที่ทอมาจากเส้นขนของนกหงส์แดงมาให้ท่านไป่น้อย หวังว่ามันจะถูกใจท่าน” ปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่งพูด ไป่ถิงถิงยิ้ม “ขอบคุณท่านมาก” “ข้ามียาดีอายุพันปีที่ใครก็ว่าดื่มแล้วจะมีร่างกายแข็งแรง แต่ว่าข้าก็ไม่ทันคิดว่าถ้าหากท่านเป็นผู้รอง ยานี้จะเหมาะกับท่านหรือไม่ เห็นทียานี้คงต้องมอบให้ท่านประมุขแทนแล้ว” ไป่ถิงถิงยิ้มแห้ง “อ่า.. ขอบคุณท่านมาก” และเหล่าปีศาจจิ้งจอกทั้งหลายก็วนเวียนกันเอาของขวัญมาให้อย่างไม่ขาดสาย แต่ก็มีปีศาจจิ้งจอกหลายตนที่แอบทำสีหน้าผิดหวังเมื่อเห็นว่าไป่ถิงถิงนั้นเป็นผู้รอง ไม่ได้เป็นผู้นำอย่างที่คิดเอาไว้ ไป่ถิงถิงนั่งถอนหายใจเนื่องจากในที่สุดก็ไม่ต้องนั่งฉีกยิ้มอีกแล้ว เมื่อปีศาจจิ้งจอกทั้งหลายที่เคยยืนต่อแถวกันอยู่หมดลง ร่างบางหันไปหาไป่หานเล่อที่กำลังมองด้วยสายตาเป็นห่วง “อาจจะเพราะข้าอยู่ในถ้ำฝึกตนนานไปหน่อย ก็เลยไม่รู้ว่าภายนอกเป็นอย่างไร” ไป่ถิงถิงยิ้มน้อยๆ “เพราะท่านพ่อส่งเจ้าเข้าไปอยู่ในนั้น” ไป่ถิงถิงส่ายหน้า “พี่เล่ออย่าลืมว่าเป็นเพราะข้าเกเรสิ หากข้าไม่ดื้อหนีออกไปก็คงไม่ต้องโดนขังอยู่แบบนั้น” “อยากออกไปเดินเล่นกับแม่หรือไม่ ในนี้คงจะอึดอัดเกินไป” หลี่มู่ฟางเดินมาจับไหล่ไป่ถิงถิงเบาๆ “ขอรับท่านแม่” ร่างบางยิ้มกว้างก่อนจะเดินจูงมือมารดาออกมาข้างนอก เมื่อเดินพ้นสายตาของเหล่าปีศาจจิ้งจอกทั้งหลาย ไป่ถิงถิงก็ถอนหายใจออกมาน้อยๆ “เป็นอย่างไรบ้าง” หลี่มู่ฟางหันมาถาม ไป่ถิงถิงส่ายหน้าก่อนจะยิ้มน้อยๆ “รู้สึกดีขึ้นแล้วท่านแม่ ขอบคุณท่านที่พาข้าออกมา ถ้าหากต้องอยู่นานกว่านี้ข้าคงต้องป่วยแน่นอน สายตาแต่ละตนที่มองมา ทำเอาข้ารู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดเป็นร้อยเล่ม” หลี่มู่ฟางยิ้มก่อนจะเดินจูงมือไป่ถิงถิงเข้าไปที่สวนต้นท้อ “นั่งลงเถิด ตรงนี้คงไม่มีผู้ใดเดินเข้ามา แม่มีเรื่องอยากพูดกับเจ้า” ไป่ถิงถิงพยักหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนหินก้อนใหญ่ “ท่านแม่ว่ามาเลยขอรับ” “การที่เจ้าเป็นผู้รอง หาใช่เรื่องที่ผิด รู้หรือไม่” “ขอรับ ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม เห็นทีท่านแม่คงต้องสอนข้าอีกหลายเรื่องเลยขอรับ” หลี่มู่ฟางลูบศีรษะไป่ถิงถิงเบาๆ “เจ้าคิดเช่นนี้ก็ดี แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” “ข้าอายุเพียงหนึ่งหมื่นปีท่านแม่ อีกทั้งเพิ่งออกจากถ้ำฝึกตนมาได้ไม่เท่าไหร่ ข้าไม่รีบหาผู้นำตนใดเป็นบ่วงคล้องคอหรอก” “เห็นเจ้าร่าเริงเช่นนี้แม่ก็ดีใจ” “ข้าเข้าใจว่าเหล่าปีศาจหลายๆ ตน อาจจะคาดหวังให้ข้าเป็นผู้นำ เพื่อที่จะได้ช่วยสู้รบเวลาเทพเซียนทั้งหลายเข้ามาโจมตี แต่ท่านแม่” ไป่ถิงถิงหันไปหามารดา “เราไม่มีวิธีหยุดเรื่องนี้เลยหรือ ข้าคิดว่าปีศาจกับเทพเซียนอาจจะเป็นสหายกันได้นะขอรับ” “เจ้าหมายถึงแค่ระหว่างเจ้ากับเทพเซียนผู้นั้นหรือเปล่า” ไป่ถิงถิงยิ้ม “ท่านแม่เคยเจอเขาหรือ” “เมื่อสี่พันปีก่อนที่เขามาหาเจ้า แม่ก็เห็นนะ ทำไมหรือ” “เขารูปงามใช่หรือไม่” หลี่มู่ฟางบีบแก้มบุตรชายเบาๆ “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งพูดว่าอายุหมื่นปี ยังไม่อยากหาผู้นำมาเป็นบ่วงคล้องคอไม่ใช่หรือ” “แหะ..” ไป่ถิงถิงยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าน่ะ อยู่ในถ้ำฝึกตนเพียงผู้เดียว ตอนที่อยู่ในนั้นข้าก็เอาแต่คิดถึงเขา เพราะกลัวว่าจะหลงลืม ข้าอยากจดจำท่านเฟยจวินเอาไว้ เพราะเขาดีกับข้ามากๆ” “ก็เลยคิดว่าถ้าเกิดเจ้ากับเขาได้เป็นสามีภรรยากัน อาจจะหยุดการสู้รบระหว่างเทพเซียนกับปีศาจได้อย่างนั้นหรือ” ไป่ถิงถิงยิ้มก่อนจะทำหน้าเขินอาย “แหะ..” “เจ้าอย่าเพิ่งคิดเรื่องพวกนี้เลย เอาเวลาไปเล่าเรียนวิชาและสิ่งที่เจ้าควรจะเรียนรู้ดีกว่า แม่เชื่อว่าหลังจากนี้ท่านพ่อของเจ้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้อย่างแน่นอน” “ท่านแม่ช่วยข้าไม่ได้หรือขอรับ” หลี่มู่ฟางส่ายหน้า “เรื่องนี้แม่ขอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็แล้วกัน” สองแม่ลูกหัวเราะให้กันก่อนจะนั่งพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ทางด้านของไป่เซียวเหอและไป่หานเล่อที่แอบมองอยู่ได้แต่ทำหน้าเป็นกังวล “เราควรบอกน้องเลยดีหรือไม่ท่านพ่อ” “อย่างไรเสียมันก็เป็นเพียงนิมิตของท่านผู้เฒ่าเพียงเท่านั้น เราอย่าเพิ่งคิดไปไกลจะเป็นการดีกว่า” “แต่ว่า..” ไป่เซียวเหอส่ายหน้าให้บุตรชายหยุดพูด ก่อนจะยืนมองภรรยาและบุตรชายคนเล็กอีกสักพักแล้วเดินจากไป ไป่หานเล่อได้แต่ถอนหายใจออกมาน้อยๆ ก่อนจะเดินตามบิดาออกไป Talk. วันนี้มาตรงเวลาาาาาาาาาาาา นิมิตของท่านผู้เฒ่าคืออะไรกันน้าาา เอาจริงตอนนี้ในสมุดตี้เต็มไปด้วยปมมากมายหลายปม แต่จะพยายามไม่เขียนเยอะนะคะ ไม่ใช่อะไร เดี๋ยวแก้ปมได้ไม่ครบจะมีปัญหาเอา แหะๆ เจอกันพรุ่งนี้เวลาเดิมค่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม