ปีศาจจิ้งจอกตนนั้น... เป็นของข้า
เป็นของข้าครั้งที่ 2
ไป่ถิงถิงนั่งสัปหงกโดยที่เหวินเซียวได้แต่มองด้วยสายตาท้อแท้ ชายชราค่อยๆ ยื่นมือไปหยิบดอกหญ้าที่อยู่ใกล้มือมาแหย่ที่จมูกของไป่ถิงถิง ร่างบางทำจมูกขยุกขยิกก่อนจะจามออกมาเสียงดัง
“ฮาชิ้วววววววว” ไป่ถิงถิงลืมตาขึ้นมาทันที ก่อนจะส่งยิ้มให้เหวินเซียวอย่างเอาอกเอาใจ “แหะ ท่านอาจารย์”
เหวินเซียวส่ายหน้า “เพิ่งมานั่งฝึกวิชาได้สองชั่วยาม เจ้าก็จะหลับแล้วหรือ”
“ก็ข้าง่วงนี่นาท่านอาจารย์ ปกติยามห้าย (21.00-22.59) ข้าก็เข้านอนแล้ว”
“เจ้าอย่ามาโป้ปดข้า ทุกคืนเจ้าจะออกไปเล่นซนกลับมาเกือบฟ้าสว่าง ข้าแค่ให้มานั่งทำสมาธิก่อนจะเริ่มสอนวิชาเจ้ายังทำไม่ได้เลย แล้วแบบนี้จะเป็นพระชายาได้อย่างไรกัน”
ไป่ถิงถิงเบะปาก “ข้าว่าหน้าที่ของพระชายาคงไม่ใช่การท่องตำราหรือฝึกวิชานี่นาท่านอาจารย์ เป็นภรรยาก็ต้องอยู่ที่เรือนคอยดูแลสามี อีกทั้งท่านมหาเทพยังมีคนรับใช้อยู่มากมาย ข้าเองคงไม่ต้องทำอะไรเสียด้วยซ้ำ สบายจะตาย”
เหวินเซียวส่ายหน้า “ความคิดเจ้ามันช่างเด็กน้อยยิ่งนัก เจ้าคิดหรือว่าการได้เป็นพระชายาของท่านมหาเทพจะสบายถึงเพียงนั้น”
ไป่ถิงถิงพยักหน้า “ก็ขนาดข้าอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ข้ายังสบายเลย ได้ขึ้นสวรรค์ไปเป็นพระชายา ข้าจะลำบากได้อย่างไร”
“ถ้าหากหางที่สี่ของเจ้ายังไม่จุติ เจ้าก็เลิกหวังถึงการเป็นพระชายาเสีย”
“ไม่ได้นะขอรับท่านอาจารย์ ก็ท่านมหาเทพรับปากข้าแล้วว่าเขาจะให้ข้าเป็นพระชายา”
“เจ้าก็ย้อนไปดูตัวเจ้าก่อนสิ วันๆ ข้าไม่เห็นเจ้าจะทำอะไร นอกจากกินแล้วก็นอน ท่านมหาเทพอุตส่าห์ให้เจ้ามาอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อสั่งสมบารมีจากแรงศรัทธาของชาวบ้าน จะได้มีหางมาจุติครบทั้งเก้าหางเร็วๆ แต่เจ้ามาอยู่ที่นี่สามหมื่นปีแล้ว ข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะมีหางเพิ่มเลย”
ไป่ถิงถิงก้มหน้าก่อนจะพูดเสียงอุบอิบ “ก็มีหางที่สามมาจุติแล้วนี่ท่านอาจารย์”
“หางที่สามของเจ้ามันมาจุติเมื่อไหร่กัน ไม่ใช่เกือบสี่หมื่นปีที่แล้ว ก่อนเจ้าลงมาที่นี่หรอกหรือ!” เหวินเซียวเริ่มเสียงดัง
“ก็.. ข้าไม่ชอบการฝึกวิชานี่นา มันน่าเบื่อ”
เหวินเซียวถอนหายใจออกมาเสียงดัง “เช่นนั้นเจ้าก็เลือกเอาว่าจะฝึกวิชากับข้า หรือว่าเดินออกไปจากถ้ำแห่งนี้เสีย ข้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจกับเจ้าอีก” พูดเอาไว้แค่นั้นก่อนที่เหวินเซียวจะนั่งหันหลังให้ไป่ถิงถิง
ร่างบางเม้มปากน้อยๆ พลางหันไปมองหน้าประตูถ้ำและแผ่นหลังของเหวินเซียวอยู่หลายครั้ง ร่างบางถอนหายใจออกมาน้อยๆ ก่อนจะตัดสินใจเริ่มเข้าสมาธิตามที่เหวินเซียวสอน
ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ในถ้ำหลังศาลเจ้าทั้งคืน ก่อนที่ไป่ถิงถิงจะเดินออกมาจากถ้ำในยามอิ๋น (03.00-04.59) ด้วยสภาพโซซัดโซเซ ป๋อเฉิงที่เพิ่งตื่นเห็นร่างบางเดินหน้ามุ่ยออกมา ก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วงทันที
“เป็นอย่างไรบ้างท่านถิงถิง”
ไป่ถิงถิงหันไปมองป๋อเฉิงตาเขียวปั๊ด “ยังจะมาถาม เจ้าเอาเรื่องของข้าไปเล่าให้ท่านอาจารย์ฟังหมดเลยหรือ”
“ข้าก็แค่รายงานตามหน้าที่ของข้าขอรับ”
“เจ้าน่ะ น่ารำคาญมากกว่าบรรพบุรุษคนก่อนๆ ของเจ้าอีก รู้ตัวหรือไม่!”
ป๋อเฉิงยิ้มน้อยๆ “เช่นนั้นข้าก็คิดว่าข้านี่แหละ จะเป็นคนส่งให้ท่านไปสู่เป้าหมายได้”
ไป่ถิงถิงแยกเขี้ยว “เจ้าตัววุ่นวาย” เมื่อไม่รู้ว่าจะระบายอารมณ์ออกไปอย่างไรดี ร่างบางจึงเดินชนไหล่ป๋อเฉิงอย่างแรง ก่อนจะตรงเข้าไปในศาลเจ้า
“ท่านถิงถิง อย่าเพิ่งไปขอรับ” ป๋อเฉิงวิ่งตาม “ข้าเห็นว่าท่านเข้าไปฝึกวิชาตั้งแต่ยามโหย่ว (17.00-18.59) ข้าไปเอาถังหูลู่มาให้ท่านหน่อยดีหรือไม่ขอรับ”
“ข้าไม่ใช่เด็กนะที่พอไม่ดื้อก็จะได้รางวัล!!” ไป่ถิงถิงหันไปตะโกนใส่หน้าป๋อเฉิง “เอามาให้ข้าห้าไม้ แล้ววันนี้บอกชาวบ้านด้วยว่าข้าไม่มีเวลามาทำตามคำขอของใคร ข้าจะนอน”
ป๋อเฉิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ขอรับท่านถิงถิง”
ร่างบางเดินสะบัดแขนเสื้อไปที่เบาะขนสัตว์ที่แสนนุ่มของตัวเอง ก่อนจะเอาเท้าเหยียบย่ำเดินวนอยู่บนเบาะไปมาตามนิสัยของจิ้งจอก แล้วค่อยๆ ทิ้งตัวนอนขดลงก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
การฝึกวิชาของปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยผ่านไปด้วยความทรมานในความรู้สึกของไป่ถิงถิง เนื่องจากร่างบางไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่หมู่บ้านในเวลากลางคืนอีกเลย เหวินเซียวเองก็เข้มงวดกับไป่ถิงถิงอย่างเต็มที่ เนื่องจากหางที่สี่นั้นมีความสำคัญกับไป่ถิงถิงเป็นอย่างมาก
ร่างบางที่ฝึกวิชาจนเริ่มชำนาญบ้างแล้ว วันนี้เหวินเซียวจึงให้ไป่ถิงถิงได้หยุดพักบ้าง ร่างบางตื่นขึ้นมาในยามเฉิน (07.00-08.59) ก่อนจะเดินเข้าไปก่อกวนป๋อเฉิงที่กำลังกวาดพื้นอยู่
“วันนี้ท่านไม่ฝึกวิชาหรือขอรับ เหตุใดถึงตื่นเช้า ทั้งๆ ที่ท่านเพิ่งนอนไปในยามอิ๋น (03.00-04.59) นี่เอง” ป๋อเฉิงถาม
“วันนี้ท่านอาจารย์ให้ข้าหยุดพักน่ะ อีกทั้งอาจจะเพราะว่าข้าฝึกวิชาจนชินแล้ว ก็เลยไม่ต้องนอนเยอะๆ แบบที่เคยทำ”
ป๋อเฉิงยิ้มน้อยๆ “ข้าเคยได้ยินมาว่าถ้าหากฝึกวิชาจนบรรลุ การหลับนอนก็ไม่จำเป็นแล้วขอรับ”
ไป่ถิงถิงเบะปาก “ข้าว่าน่าจะอีกนาน กว่าที่ข้าจะไปถึงขั้นนั้น” ร่างบางถอนหายใจ ก่อนจะเอนหลังลงบนพื้นที่ป๋อเฉิงกวาดแล้ว “ข้าจะได้หางที่สี่มาจุติหรือไม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร”
ป๋อเฉิงส่ายหน้า “ท่านลุกไปนอนที่อื่นไม่ดีกว่าหรือขอรับ เหตุใดต้องมานอนที่พื้นอย่างนี้”
“ข้าไม่สน ข้าอยากนอนตรงไหนข้าก็จะนอน วันนี้ข้าเป็นอิสระ”
ป๋อเฉิงถอนหายใจน้อยๆ “จริงๆ แล้วเรื่องหางที่สี่ของท่านนั้น ข้าคิดว่าอีกไม่นานมันก็คงจะมาจุติ ถ้าหากท่านยังตั้งใจฝึกอยู่เช่นนี้ไม่คิดเกเร”
ไป่ถิงถิงเบะปากก่อนจะลุกขึ้นยืน “ข้าว่าข้าไปลองวิชาก่อนดีกว่า” ว่าแล้วร่างบางก็เดินกลับเข้าไปในศาลเจ้า เพื่อดูว่าวันนี้ชาวบ้านขอพรอย่างไรบ้าง
“ท่านถิงถิง” ป๋อเฉิงเรียกเอาไว้เนื่องจากกลัวว่าร่างบางจะเล่นซน เนื่องจากวันนี้เหวินเซียวไม่อยู่ แต่ก็ได้รับการชูมือขึ้นมาโบกไปมาเท่านั้น เพราะตอนนี้ไป่ถิงถิงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
ร่างบางเดินกลับเข้ามาในศาลเจ้าก่อนจะเดินตรงดิ่งไปที่บรรดาถังหูลู่ที่วางเรียงรายกันอยู่ ยืนพิจารณาเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจหยิบขึ้นมาไม้หนึ่ง
“พวกเจ้าไม่คิดว่าข้าอยากจะกินอย่างอื่นบ้างหรือไง” แม้ว่าจะบ่นแต่ไป่ถิงถิงก็ยกเอาถังหูลู่เข้าปาก ก่อนจะเคี้ยวเสียงดังอย่างเอร็ดอร่อย “อืม.. ขอให้ค้าขายดีขึ้นอย่างนั้นหรือ” ไป่ถิงถิงพยักหน้าเมื่อได้ยินเสียงของเจ้าของถังหูลู่ “แต่ว่าเจ้าไม่บอกว่าค้าขายอะไร ข้าจะให้พรเจ้าถูกหรือ”
ร่างบางยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะกัดเอาถังหูลู่ชิ้นสุดท้ายเข้าปาก “งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าเจ้าค้าขายอะไร”
ไป่ถิงถิงยิ้มกว้างก่อนจะตัดสินใจเดินทางไปที่หมู่บ้าน แต่ครั้งนี้โชคดีที่ว่าร่างบางไม่ต้องเดินทางด้วยเท้าอีกต่อไปแล้ว เท้าเล็กถีบลงที่พื้นอย่างแรงก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนอากาศทันที
“ฮ่าๆๆๆ ข้ามีวิชาตัวเบาแล้ว”
โชคดีที่การฝึกวิชาอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาทำให้ไป่ถิงถิงนั้นสามารถใช้วิชาตัวเบาได้แล้ว ร่างบางยิ้มร่าให้กับอากาศเย็นๆ ที่ตีมาบนใบหน้า ก่อนจะพุ่งเข้าไปใกล้ๆ เจ้าของถังหูลู่ที่เพิ่งกินหมดไปเมื่อครู่
ไป่ถิงถิงขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของคำอธิษฐานนั้นนั่งขมวดคิ้วอยู่ในร้าน ร่างบางค่อยๆ เดินเข้าไปก่อนจะสอดส่องดูว่าเขาขายอะไร ทำไมถึงทำหน้าอมทุกข์อยู่เช่นนี้
“เห้อ.. วันนี้ก็เหลืออีกแล้วหรือ” ชายคนนั้นมองเตานึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง
ไป่ถิงถิงเม้มปากก่อนจะแอบเดินไปเปิดเตานึ่งขึ้น ก็พบว่าเป็นหมั่นโถว ร่างบางก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ก็หมั่นโถวนี่นา เหตุใดจึงขายไม่ดีจนต้องไปขอพรเล่า” ร่างบางหยิบหมั่นโถวร้อนๆ ชิ้นนั้นขึ้นมากัดชิม ไม่นานก็เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไร ที่ทำให้ชายคนนี้ขายไม่ได้เลย “แข็งแบบนี้เจ้าจะให้ลูกค้าเอาไว้โยนไล่นกหรืออย่างไร”
ไป่ถิงถิงคายหมั่นโถวนั่นลงพื้นก่อนจะเท้าเอวใส่ชายคนนั้น เมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่มองไปที่หน้าร้านที่มีคนเดินไปมาอยู่พลุกพล่าน แต่ว่าไม่มีใครเดินเข้ามาในร้านเลยเขาก็ทำหน้าราวกับว่าจะร้องไห้
“สูตรของแม่ข้าไม่ดีหรืออย่างไร” เขาหยิบหมั่นโถวขึ้นมากัดคำหนึ่ง “ข้าว่ามันอร่อยเสียด้วยซ้ำ”
ไป่ถิงถิงได้แต่ยืนดูชายคนนั้นเก็บข้าวของให้เข้าที่พร้อมกับเดินกลับบ้านไปด้วยอาการคอตก ร่างบางถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะคิดว่าจะบอกชายคนนั้นอย่างไรดีว่าหมั่นโถวที่เขาทำนั้นมันแข็งจนกินแทบไม่ได้
“ข้าเข้าฝันมนุษย์ได้หรือยังนะ” ไป่ถิงถิงกัดปากอย่างรู้สึกลังเล “เอาเป็นว่า ยังไงคืนนี้ก็ค่อยลองดูก็แล้วกัน”
ร่างบางวางแผนกับตนเองก่อนจะเดินตามชายคนนั้นไปเพื่อดูว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน เมื่อรู้แล้วว่าคืนนี้ต้องมาปีนหลังคาบ้านใคร ไป่ถิงถิงก็เดินหันหลังออกไปหาอย่างอื่นทำทันที
“วันนี้จะมีอะไรให้ข้าเล่นหรือเปล่านะ”
ไป่ถิงถิงพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินเข้าไปที่โรงน้ำชาประจำหมู่บ้าน เนื่องจากว่ามีชายชรานักเล่าเรื่องประจำหมู่บ้านที่เล่าเรื่องราวได้สนุกมาก ไป่ถิงถิงชอบมานั่งฟังเนื่องจากตนเองยังไม่เคยออกไปท่องยุทธภพ เพราะยังไม่มีวิชาแกร่งกล้าขนาดนั้น ร่างบางกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ต้นใหญ่ตรงข้ามโรงน้ำชาก่อนจะยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ
“ปกติข้าปีนเองตั้งนานกว่าจะได้ รู้อย่างนี้ข้าตั้งใจฝึกวิชาก็น่าจะดี”
ร่างบางยิ้มน้อยๆ ก่อนจะนั่งลงบนกิ่งไม้ลำใหญ่ หยิบเอาหมั่นโถวของชายคนนั้นที่ติดมือมาปัดฝุ่นเล็กน้อยก่อนจะเอาเข้าปาก
“แม้ว่าจะแข็ง แต่กินไปนานๆ ก็อร่อยดี ถ้าเจ้าทำให้มันนุ่มกว่านี้ข้าว่าเจ้าต้องขายดีเทน้ำเทท่าแน่นอน” ไป่ถิงถิงพยักหน้ากับตัวเองก่อนจะหันไปมองชายชราคนนั้น
“พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพกับปีศาจหรือไม่” ชายชราถาม
“ท่านปีศาจจิ้งจอกน่ะหรือ”
ชายชราพยักหน้า “ใช่ ทั้งท่านปีศาจจิ้งจอกที่คอยปกปักหมู่บ้านของเรา และท่านมหาเทพผู้เป็นใหญ่กว่าผู้ใดในใต้หล้านี้” เสียงของชายชราที่ฟังแล้วน่าสนใจทำให้ทั้งชาวบ้านและไป่ถิงถิงนั่งฟังด้วยสายตาอยากรู้ “ว่ากันว่าท่านปีศาจจิ้งจอกของพวกเราถูกส่งมาเพื่อบำเพ็ญเพียร เตรียมตัวที่จะเป็นพระชายาของท่านมหาเทพ”
ไป่ถิงถิงคิ้วกระตุกทันที “ชายแก่คนนี้รู้ได้ยังไง”
“แล้วเทพกับปีศาจจะอยู่ด้วยกันได้หรือ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ถูกกันหรืออย่างไร” ลูกค้าคนหนึ่งถามขึ้น
“ความรักมันเลือกได้ที่ไหนว่าจะเกิดขึ้นกับใคร” ชายชรายิ้มน้อยๆ “ท่านมหาเทพบังเอิญเจอกับปีศาจจิ้งจอกของพวกเราในตอนเยาว์วัย เพราะลงมาตรวจตราโลกมนุษย์ เหมือนๆ กับที่ปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยแอบหนีบิดาออกมาเล่นที่โลกมนุษย์เช่นกัน” เสียงเล่าของชายชราดังขึ้น จนไป่ถิงถิงนึกย้อนไปเห็นภาพในอดีต ที่เหมือนว่าจะหลงลืมไปเสียแล้ว
สี่หมื่นห้าพันปีก่อน
ไป่ถิงถิงในวัยห้าหมื่นปี แอบบิดาออกมาจากแดนจิ้งจอกเพื่อมาเล่นซนที่โลกมนุษย์ แม้ว่าครั้งนี้ถ้าหากบิดาจับได้ไป่ถิงถิงอาจจะโดนลงโทษกักบริเวณอีกกี่หมื่นปีก็ตาม ไป่ถิงถิงก็ยินดี เนื่องจากได้ยินปีศาจจิ้งจอกหลายตนเล่าให้ฟังว่าโลกมนุษย์นั้นดีอย่างไร เขาจึงอยากมาเห็นด้วยสายตาของตนเอง ร่างบางในวัยห้าพันปีวิ่งซุกซนเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปในที่ที่มีคนเดินพลุกพล่านกันอยู่มากมายนั่นก็คือตลาด
ไป่ถิงถิงที่ยังไม่มีวิชาที่แกร่งกล้าจึงไม่สามารถพรางตัวจากสายตาของมนุษย์ได้ เขาจึงโดนเจ้าของร้านอาหารวิ่งไล่ออกมาจากร้าน เนื่องจากร่างบางไปขโมยของกินของลูกค้าเข้า ไป่ถิงถิงที่ภายนอกดูเหมือนเด็กอายุเพียงห้าขวบและไม่มีบิดามารดาอยู่ใกล้ๆ จึงถูกมองว่าเป็นหัวขโมย
“ไป!! ไปเลยนะเจ้าหัวขโมย อย่าให้ข้าจับเจ้าได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดมือเจ้าให้ขาด”
ไป่ถิงถิงและขาสั้นๆ พยายามวิ่งไปด้านหน้าโดยหันมามองชายเจ้าของร้านคนนั้นอยู่เรื่อยๆ “อึก... ข้าไม่ใช่ขโมยนะ!!”
“หน็อย อย่ามาทำพูดดี อย่าให้ข้าจับเจ้าได้เชียว ไม่อย่างนั้นเจ้าโดนแน่!!!”
ปั่ก!!
ไปถิงถิงที่วิ่งไม่ดูทางชนเข้ากับชายผู้หนึ่งอย่างจัง ก่อนจะล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น ไม่มีเวลาให้ได้รู้สึกเจ็บตัวเพราะว่าเสียงของชายเจ้าของร้านใกล้มาถึงแล้ว ไป่ถิงถิงจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะวิ่งเข้าไปซุกที่ด้านหลังของชายผู้นั้น
“ขอบใจคุณชายมากที่ช่วยข้าจับมัน” ชายเจ้าของร้านยิ้มกว้างก่อนจะยื่นมือมาหาไป่ถิงถิง
“ช้าก่อน เขาทำอะไรผิดหรือ”
“เจ้าเด็กคนนี้เป็นหัวขโมย เขาเข้ามาแอบกินหมั่นโถวของข้าไปเสียหลายลูก ถามถึงเงินก็ได้แต่ส่ายหัว ข้าจึงต้องไล่เข้าออกมาแบบนี้ ได้ท่านเข้ามาช่วยก็ดี ต่อไปนี้ข้าจะจัดการต่อเอง”
ชายหนุ่มปัดมือของชายเจ้าขอร้านออก ก่อนจะหยิบถุงเงินโยนไปให้ “ถือเสียว่าข้าจ่ายแทนเขาก็แล้วกัน เงินในถุงนั่นน่าจะมากกว่าราคาของหมั่นโถวเจ้าอยู่มาก”
ชายเจ้าของร้านก้มลงมองจำนวนเงินที่อยู่ในถุงผ้าก่อนจะยิ้มกว้าง “ขอบคุณขอรับคุณชาย”
ไป่ถิงถิงที่ยืนแอบอยู่ค่อยๆ เอียงตัวออกมาดูว่าชายเจ้าของร้านเดินออกไปไกลหรือยัง เมื่อเห็นว่าเขาเดินออกไปไกลแล้วร่างบางก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“พ่อแม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน” เสียงนุ่มทุ่มที่ถามออกมาทำเอาไป่ถิงถิงสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะเงยหน้ามองชายคนนั้น
“ข้า... ข้า...”
“เป็นปีศาจจิ้งจอกใช่หรือไม่”
ไป่ถิงถิงรู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีเนื่องจากบิดาเคยบอกเอาไว้ว่า ผู้ที่รู้ว่าเขาเป็นใครจะมีเพียงปีศาจด้วยกันและพวกเทพเซียนเท่านั้น ร่างบางลุกลนก่อนจะหันหลังวิ่งหนี แต่ก็ไม่ทันเพราะโดนชายคนนั้นดึงเอาไว้เสียก่อน
“ผู้ใหญ่ถาม เหตุใดเจ้าไม่ตอบ” เขายกไป่ถิงถิงขึ้นมาอยู่ระดับสายตาก่อนจะถามเสียงนิ่ม
“ไม่!! ท่านพ่อบอกข้าว่าไม่ให้พูดคุยกับเทพใจร้ายอย่างท่าน!”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าใจร้าย ไม่เห็นหรือว่าเมื่อครู่ข้าเพิ่งช่วยเจ้าที่กำลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน”
ไป่ถิงถิงกัดปากก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง “ช่วยด้วย!! เขาจะทำร้ายข้า!!”
เสียงของไป่ถิงถิงทำเอาเหล่าชาวบ้านหยุดมอง ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้า “พวกท่านไม่ต้องกังวล บุตรชายของข้าแค่เกเรเท่านั้น” ร่างสูงโบกมือน้อยๆ ปากของไป่ถิงถิงก็ไม่สามารถอ้าออกได้อีกแล้ว
“อื้อๆๆๆๆๆ”
ร่างสูงยิ้มให้เหล่าชาวบ้านก่อนจะหนีบไป่ถิงถิงเข้าที่แขน แล้วพาร่างบางเดินออกมาจากหมู่บ้าน ทันทีที่ห่างไกลผู้คนก็วางไป่ถิงถิงลงบนพื้น ก่อนจะโบกมืออีกครั้งเพื่อคลายมนต์ปิดวาจา
“จะไปไหน” ร่างสูงดึงไป่ถิงถิงเอาไว้อีกครั้งเมื่อร่างบางจะวิ่งหนี
“ปล่อยข้า! ข้าไม่เคยสร้างความวุ่นวายให้ใคร ท่านจะฆ่าข้าไม่ได้นะ!!”
“แล้วข้าพูดหรือว่าข้าจะฆ่าเจ้า”
“ท่านพ่อบอกว่าเทพเซียนทุกองค์ไม่ว่าจะหน้าไหนล้วนไว้ใจไม่ได้!! พวกท่านตามล่าปีศาจอย่างพวกข้า ก็เพียงแค่อยากสังเวยชีวิตเพื่อความจรรโลงใจ ทั้งๆ ที่พวกข้าก็อยู่ของพวกข้าดีๆ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์หรือสร้างความวุ่นวายให้ผู้ใดสักนิด!!”
“แต่ว่าเมื่อครู่เจ้าเพิ่งไปขโมยหมั่นโถวมา”
“....” ไป่ถิงถิงหุบปากฉับ
“ข้าไม่ได้จะฆ่าเจ้า ถ้าข้าจะฆ่าเจ้า ไม่สู้ปล่อยให้เจ้าโดนเจ้าของร้านคนนั้นเอาไม้ทุบจนตายไม่ดีกว่าหรือ ไม่เปลืองแรงข้าด้วย”
“....” ไป่ถิงถิงหยุดดิ้นก่อนจะใช้ความคิด
“ข้าก็เพียงแค่ลงมาตรวจตราที่โลกมนุษย์แล้วบังเอิญเจอเจ้าเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อฆ่าใครเสียหน่อย”
“จริงหรือ” ไป่ถิงถิงหันไปมองชายคนนั้น
“จริงสิ ข้าจะโกหกเจ้าทำไม”
“เช่นนั้นท่านก็ปล่อยข้าได้แล้ว”
“ถ้าหากเจ้าไม่วิ่งหนีข้าก็จะปล่อย” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
ไป่ถิงถิงพยักหน้า “อือ ข้าจะไม่หนี”
เมื่อร่างสูงปล่อยมือแล้วไป่ถิงถิงก็ดึงเสื้อที่ดูยับย่นให้เข้าที่ ก่อนจะหันมาทำหน้าไม่พอใจใส่ชายผู้นั้น
“ท่านจับข้าแรงมาก ข้าเจ็บไปหมดแล้ว”
ร่างสูงส่ายหน้า “ทีนี้ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องถามเจ้าแล้วว่า เจ้าอาศัยอยู่ที่ใด ข้าจะได้ไปส่งถูก”
ไป่ถิงถิงเม้มปาก “ข้าอยู่ที่แดนจิ้งจอก”
“แล้วแดนจิ้งจอกของเจ้าอยู่ที่ใดกัน”
ไป่ถิงถิงส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ ข้าหนีท่านพ่อมาด้วยลูกแก้วเคลื่อนที่” ไป่ถิงถิงหยิบลูกแก้วที่ว่านั้นออกมาให้ร่างสูงได้ดู
“เห้อ.. เห็นทีว่าข้าคงมาเจอเข้ากับเรื่องที่น่าปวดหัวเข้าแล้ว”
Talk ฮันแน่ รู้ว่าคิดะไรอยู่นะ เรื่องนี้ไม่มีปัญหาเรื่องเรือให้ต้องปวดหัวค่ะ เพราะเรือเรามีลำเดียว
วันนี้มาช้าเพราะเกเรค่ะ แต่เดี๋ยวหลังจาดวันนี้ไปจะเป็นเด็กดีแร้ว