เป็นของข้าครั้งที่ 4

3393 คำ
ปีศาจจิ้งจอกตนนั้น... เป็นของข้า เป็นของข้าครั้งที่ 4 ไป่ถิงถิงค่อยๆ เดินย่องเข้าไปในครัว ก่อนจะย่อตัวเดินเข้าไปใกล้โต๊ะตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหาร ร่างบางใช้โต๊ะตัวใหญ่บังตนเองเอาไว้ ก่อนจะยื่นมือไปหยิบเอาหมั่นโถวลูกโตออกมา “นั่นเป็นลูกที่สี่แล้วนะเจ้าคะท่านไป่น้อย” ไป่ถิงถิงสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองแม่ครัวประจำตำหนักทั้งๆ ที่ยังมีหมั่นโถวอยู่เต็มปาก “แหะๆ” “ท่านขอข้าดีๆ ก็ได้นี่เจ้าคะ เหตุใดถึงต้องมาขโมยเช่นนี้” “หากข้าขอ ท่านก็จะบ่นๆ ว่าข้ากินไปเยอะแล้วนี่นา ข้าก็เลยต้องขโมย” นางส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหยิบถ้วยใบเล็กออกมา “ท่านถือออกไปทานดีๆ เถิดเจ้าค่ะ อย่าทำตัวเป็นขโมยเช่นนี้อีก อย่างไรเสียท่านก็คือบุตรชายของท่านประมุข หากท่านอยากกิน แค่ท่านบอกข้า ข้าก็พร้อมจะทำอาหารให้ท่านแล้ว” ไป่ถิงถิงเม้มปาก ก่อนจะยื่นมือไปรับถ้วยใบเล็กมาถือเอาไว้ “ขอบคุณขอรับ” ไป่ถิงถิงวิ่งออกมาจากครัวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบเอาหมั่นโถวเข้าปากจนแก้มตุ่ย ร่างบางเลือกที่จะปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งของต้นท้อต้นใหญ่ ก่อนจะโบกหางทั้งสองไปมาอย่างอารมณ์ดี ใช่แล้ว ตอนนี้หางน้อยๆ หางที่สองของไป่ถิงถิงได้มาจุติแล้ว ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาเห็นหางทั้งสองนั้น ร่างบางยิ้มร่าด้วยความดีใจก่อนจะรีบวิ่งออกไปบอกหลี่มู่ฟางทั้งๆ ที่ยังอยู่ในชุดนอนบางๆ สุดท้ายแล้วก็โดนมารดาเอ่ยดุเนื่องจากแต่งตัวไม่เรียบร้อย “อ๊า.. มานอนอยู่บนต้นท้อเช่นนี้ข้าช่างมีความสุขยิ่งนัก” ไป่ถิงถิงเตะขากลางอากาศไปมา ก่อนจะหยิบเอาหมั่นโถวกัดเข้าปากคำแล้วคำเล่า “ข้าก็ตามหาเจ้าเสียทั่ว เหตุใดจึงมานอนตรงนี้” ไป่หานเล่อถอนหายใจ ยืนเงยหน้ามองน้องชาย ไป่ถิงถิงชะโงกหน้าลงมามองหน้าพี่ชายเล็กน้อย “ข้าขึ้นมานั่งกินหมั่นโถวน่ะ พี่เล่อขึ้นมากินกับข้าดีหรือไม่” ไป่หานเล่อส่ายหน้า “ลงมาเสีย วันนี้เจ้าต้องเข้าเรียน” “เข้าเรียนหรือ” ไป่ถิงถิงขมวดคิ้ว ไป่หานเล่อถีบตัวขึ้นไปยืนบนกิ่งต้นท้อใกล้ๆ ไป่ถิงถิง “ออกมาจากถ้ำฝึกตนแล้ว เจ้าก็ต้องมาเล่าเรียนในสิ่งที่ปีศาจตนอื่นเรียนกันด้วย” “ข้ายังต้องเรียนอีกหรือ เมื่อเช้าท่านพ่อก็บอกข้าเองว่า หางที่สองของข้านั้นจุติเร็วกว่าผู้อื่นเสียด้วยซ้ำ ไม่ได้หมายความว่าข้าแข็งแรงมากพอแล้วหรือ” “อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องเรียน” “แล้วเรียนอะไรหรือท่านพี่” ไป่ถิงถิงเอียงคอ “เรียนตำราการเป็นผู้รอง และวิชาต่างๆ อย่างไรเล่า” ไป่ถิงถิงได้แต่นั่งกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ แต่ท้ายที่สุดก็โดนไป่หานเล่อลากลงมาจากต้นท้อแล้วพาไปส่งที่หอหนังสือ เมื่อไป่ถิงถิงได้เข้ามาด้านในที่ดูโอ่อ่าแต่ว่าเต็มไปด้วยหนังสือตำรามากมายหลายเล่ม ก็ทำเอารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย “มาแล้วหรือ” ไป่ถิงถิงหันไปมองเสียงแหบทุ้มนั่น ก่อนจะเห็นว่าเป็นปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่ง “ขอรับ อย่างไรเสียข้าฝากน้องชายของข้าด้วย” พูดจบไป่หานเล่อก็ประสานมือโค้งให้น้อยๆ แล้วเดินออกไป ไป่ถิงถิงหันไปมองพี่ชาย “พี่เล่อ..” “เจ้าต้องอยู่ที่นี่กับข้า” ไป่ถิงถิงยังไม่ได้ก้าวขาด้วยซ้ำ แต่ก็โดนเสียงของเขาเรียกเอาไว้เสียก่อน “คือ.. อยู่กับท่านสองคนหรือ” “ไม่อยู่กับข้าแล้วเจ้าจะอยู่กับผู้ใด” เมื่อได้รับสายตาที่มองมาไป่ถิงถิงก็หดคอเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหาปีศาจจิ้งจอกตนนั้น ร่างบางทิ้งตัวนั่งบนเบาะไม่ใกล้ไม่ไกลก่อนจะสอดส่องสายตามองไปรอบๆ หอหนังสือ “ข้ามีนามว่าเหวินเซียว แต่เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์ก็ได้” “ราตรีที่มีเมฆอันงดงามหรือ” ไป่ถิงถิงพึมพำออกมาเบาๆ เหวินเซียวเลิกคิ้ว “เจ้ารู้ความหมายด้วยหรือ คิดว่าห้าพันปีที่เจ้าเข้าไปอยู่ในถ้ำฝึกตนนั้น จะเป็นการเสียเปล่าเสียอีก” ไป่ถิงถิงส่ายหน้าเบาๆ “ข้าอ่านตำราที่อยู่ในถ้ำฝึกตนทุกวันเลยขอรับ อ่านจบไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ” “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่เสียเวลาสอนเจ้ามาก” ไป่ถิงถิงยิ้มแห้ง “แหะ.. แต่ว่า ข้าก็มีหลายอย่างที่ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ขอรับท่านอาจารย์ อย่างเช่น.. ผู้นำและผู้รอง” “แล้วในตำราที่เจ้าอ่านมาไม่มีบอกเลยหรือ” ไป่ถิงถิงส่ายหน้า “ไม่มีขอรับ” “เช่นนั้นวันนี้ ข้าจะเริ่มสอนเจ้าที่เรื่องผู้น้ำและผู้รองเป็นอย่างแรก” “ขอรับท่านอาจารย์” ไป่ถิงถิงพยักหน้ารัว “โดยปกติการเป็นผู้นำหรือผู้รองนั้น จะเกิดในปีศาจจิ้งจอกที่เป็นบุรุษเท่านั้น ผู้นำ คือผู้ที่จะมีความสามารถและความแข็งแกร่ง เช่นบิดาและพี่ชายของเจ้า ผู้นำจะคอยช่วยปกปักดูแลเหล่าผู้รองและสตรีทั้งหลาย ส่วนผู้รองนั้น จะเป็นปีศาจจิ้งจอกที่เป็นบุรุษเช่นกัน แต่จะไม่มีความแข็งแกร่ง หากให้ข้าบอกเจ้าง่ายๆ ก็คือผู้รองนั้นไม่ต่างจากสตรี บอบบาง และสามารถตั้งครรภ์ได้” “เดี๋ยวก่อนขอรับท่านอาจารย์” ไป่ถิงถิงพูดขัด “แล้ว.. การที่ข้าเป็นผู้รองก็คือ.. ข้าต้องมีสามีหรือขอรับ” เหวินเซียวพยักหน้า “เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว” ไป่ถิงถิงอ้าปากค้าง “แล้ว.. ข้ามีภรรยาไม่ได้หรือขอรับท่านอาจารย์” “ข้าก็คงต้องบอกเจ้าเช่นกันว่า เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดรู้เช่นกัน เพราะใช่ว่าการถือกำเนิดของผู้รองนั้นจะมีให้ได้พบเจอบ่อยๆ ผู้รองที่เกิดมาก่อนเจ้านั้นก็เมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้ว” ไป่ถิงถิงยังคงอ้าปากกว้าง “แล้ว...” “ความจริงแล้วเรื่องการเป็นผู้นำหรือผู้รองนั้น ยังไม่ได้มีบันทึกให้ได้ศึกษาเท่าไหร่นัก” “เช่นนั้น.. ก็เท่ากับว่าข้านั้นแตกต่างจากปีศาจจิ้งจอกตนอื่นหรือขอรับ” ไป่ถิงถิงเอียงคอ “เป็นบุรุษก็ไม่ได้ เป็นสตรีก็ไม่ได้ ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดงานฉลองของข้าจึงได้รับสายตาที่ไม่ค่อยดีจากปีศาจจิ้งจอกบางตน ก็ข้ามันเป็นปีศาจครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้นี่เอง” “เหตุใดเจ้าต้องตัดพ้อเช่นนั้นด้วย” “ก็.. ข้าไม่รู้ท่านอาจารย์ ข้าเข้าไปอยู่ในถ้ำฝึกตนผู้เดียว ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกก็ได้รับสายตาแปลกๆ ปีศาจจิ้งจอกบางตนก็มองมาที่ข้า ก่อนจะหันไปซุบซิบหัวเราะกัน ข้ารู้สึกว่าข้านั้นประหลาด และราวกับว่าข้าเป็นตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น” เหวินเซียวส่ายหน้า “เจ้าหาได้ประหลาด เพียงแค่การกำเนิดของผู้รองนั้นไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ ก็เท่านั้น” “ก็เพราะว่าผู้รองเช่นข้าไม่ได้กำเนิดขึ้นมาบ่อยๆ ทุกตนก็เลยมองว่าข้าเป็นตัวประหลาด” ไป่ถิงถิงกัดปาก “ข้าว่าเจ้าเริ่มจะใช้อารมณ์เสียแล้ว อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกหรือไม่” ไป่ถิงถิงก้มหน้า “ขอรับ ข้าอยากออกไปสูดอากาศเสียหน่อย” “เช่นนั้นก็ไปเถิด เมื่อเจ้ารู้สึกดีแล้วค่อยกลับเข้ามา ข้าจะรออยู่ที่นี่” “ขอรับท่านอาจารย์” ไป่ถิงถิงที่ค่อยๆ เดินออกมาจากหอหนังสือ ร่างบางก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับถอนหายใจไปด้วย ในหัวเล็กๆ นั่นเต็มไปด้วยความคิดมากมาย จนไป่ถิงถิงได้แต่ทำปากยื่นก่อนจะเดินก้มหน้า ใช้เท้าเล็กๆ นั่นเตะที่พื้นระหว่างทางเดิน ปั่ก!! แต่ด้วยความที่เอาแต่ก้มหน้าเดินทำให้ไม่ได้เงยหน้ามองทาง ไป่ถิงถิงจึงชนเข้ากับกำแพงบุรุษผู้หนึ่ง ร่างบางทำหน้ายับยู่ก่อนจะเงยหน้ามองบุรุษผู้นั้น แต่เมื่อเห็นเป็นผู้ใดไป่ถิงถิงก็ยิ้มกว้าง “ท่านเฟยจวิน” “เจ้ามาเดินเตะพื้นอะไรเช่นนี้” ไป่ถิงถิงถอนหายใจ “ข้าเข้าไปเรียนกับอาจารย์ของข้ามา แต่ว่าข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด ท่านอาจารย์ก็เลยให้ข้าเดินออกมาสูดอากาศข้างนอก” “แล้วเรื่องอะไรหรือที่เจ้าไม่เข้าใจ” “ก็เรื่องผู้นำและผู้รอง ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปีศาจจิ้งจอกจะต้องแบ่งแยกอะไรเช่นนี้ด้วย” “ข้าเคยได้ยินมาว่าเป็นเรื่องปกติของชาวปีศาจ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจอะไรก็ล้วนมีผู้นำและผู้รอง” ไป่ถิงถิงหันไปมองหงเฟยจวินตาวาวด้วยความอยากรู้ “จริงหรือขอรับ” หงเฟยจงินพยักหน้า “แต่ว่าผู้รองที่เจ้าว่านั้นไม่ค่อยมีให้พบเห็นเท่าไหร่นัก” ไป่ถิงถิงถอนหายใจ “ท่านอาจารย์ก็บอกข้าเช่นนี้ แล้วข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดข้านั้นต้องเกิดมาเป็นผู้รองเช่นนี้ด้วย” “ข้าว่าเจ้าเป็นผู้รองก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร” หงเฟยจวินมองไป่ถิงถิงหัวจรดเท้า “เพราะว่าเจ้าก็ดูงดงามดี” ไป่ถิงถิงยิ้ม “ท่านคิดเช่นนั้นจริงหรือขอรับ” “แล้วข้าจะโกหกเจ้าไปเพื่อการใดกัน” “แล้ว.. ท่านมาที่นี่ทำไมหรือขอรับ” “ข้าก็เพียงแค่ผ่านไปหมู่บ้านที่เราสองเจอกันครั้งแรก คิดถึงเจ้าก็เลยหยิบลูกแก้วเคลื่อนที่มาดู แล้วบังเอิญเห็นว่าในลูกแก้วนั้นมีภาพเจ้ากำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ข้าก็เลยอยากมาดูใบหน้าที่แสนตลกของเจ้า ด้วยสายตาของข้าเอง” ไป่ถิงถิงเบะปาก “ข้าหาได้ทำหน้าตลกอย่างที่ท่านกล่าวหา” ร่างบางหันหน้าไปมองอย่างอื่น ก่อนจะหันมาหาหงเฟยจวินอีกครั้ง “เมื่อครู่ท่านบอกว่าเห็นข้าในลูกแก้วเคลื่อนที่หรือ” ไป่ถิงถิงชี้ไปที่ลูกแก้วเคลื่อนที่ ที่อยู่ในมือของหงเฟยจวิน “ใช่ ข้าเห็นเจ้าในนี้” ไป่ถิงถิงเอียงคอ “ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดท่านถึงเห็นข้าในลูกแก้วเคลื่อนที่” หงเฟยจวินส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของไป่ถิงถิง “หัวของเจ้าเล็กเพียงเท่านี้ ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องเอาเรื่องมากมายใส่เข้าไป เมื่อถึงคราวที่เจ้าควรรู้ เจ้าก็จะรู้เอง” “ท่านทำข้าเจ็บนะ!” ไป่ถิงถิงยกมือขึ้นกุมที่หน้าผาก ก่อนจะหันมาตะโกนใส่หงเฟยจวิน “ข้าได้พบหน้าเจ้าแล้ว เห็นทีว่าคงต้องขอตัว” “เดี๋ยวสิ!” ไป่ถิงถิงคว้าแขนของหงเฟยจวินเอาไว้ “ท่านเพิ่งมาเมื่อครู่เอง ไม่อยู่พูดคุยกับข้าอีกนิดหรือ” หงเฟยจวินยิ้มก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “แม้ว่าข้าจะอยากอยู่กับเจ้านานกว่านี้ข้าก็คงทำไม่ได้ คงต้องขอตัวแล้ว” พูดจบหงเฟยจวินก็ค่อยๆ จับมือของไป่ถิงถิงออก ร่างสูงหยิบลูกแก้วเคลื่อนที่ออกมาก่อนจะหายวับไปตรงหน้าไป่ถิงถิง ร่างบางได้แต่ยืนทำปากอุบอิบอย่างไม่เข้าใจ “ข้ากลับไปหาท่านอาจารย์ของข้าก็ได้” ไป่ถิงถิงกระทืบเท้าอย่างรู้สึกขัดใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่หอหนังสือ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงเหวินเซียวพูดคุยอยู่กับปีศาจจิ้งจอกอีกตน ไป่ถิงถิงจึงคิดว่าจะหันหลังเดินออกไปรอด้านนอกเสียก่อน “ท่านก็รู้ว่าเรายังไม่มีบันทึกเรื่องผู้รองเท่าไหร่นัก” เสียงของเหวินเซียวทำให้ไป่ถิงถิงหยุดก้าวเดิน ก่อนที่ร่างบางจะค่อยๆ ย่องเข้าไปแอบฟัง “แล้วนิมิตของท่านผู้เฒ่าเล่า มันจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่” เมื่อได้มานั่งฟังแล้วไป่ถิงถิงก็รู้ได้ทันทีว่า เสียงอีกเสียงนั่นคือไป่เซียวเหอ “ท่านประมุขโปรดวางใจ อย่างไรเสียนิมิตของท่านผู้เฒ่าก็มีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ” ไป่เซียวเหอถอนหายใจ “ข้ากลัวท่านเหวินเซียว ข้ากลัวเหลือเกิน ถิงถิงเพิ่งกลับมาอยู่ในอ้อมอกข้าอีกครั้ง ข้าไม่อยากเสียลูกไป” “แต่ท่านผู้เฒ่าก็บอกว่ามีทางแก้ เพียงแค่ยังมองไม่เห็นเท่านั้น ท่านรอหน่อยไม่ได้หรือ” “ข้าช่างใจร้อน อยากได้วิธีแก้ไขแล้วมาช่วยบุตรชายของข้าเร็วๆ” “ข้าว่าเรื่องนี้เราค่อยพูดคุยกันอีกครั้งก็ยังไม่สาย” เหวินเซียวโบกมือน้อยๆ ประตูที่ไป่ถิงถิงกำลังยืนพิงอยู่ก็เปิดออก ร่างบางล้มนอนเป็นก้อนอยู่ที่พื้น ก่อนจะร้องโอดโอย “โอ๊ย... เจ็บๆๆๆๆ” ไป่ถิงถิงลุกขึ้นยืนก่อนจะลูบหัวเข่า “มานานแล้วหรือ” เหวินเซียวถาม ไป่ถิงถิงยืนหลังตรง “แหะ.. ข้าเพิ่งเข้ามาไม่นานขอรับ” “เช่นนั้นท่านอาจารย์สอนถิงถิงต่อเถิด ข้าไม่รบกวนเวลาแล้ว” ไป่เซียวเหอเดินหันหลังออกไปทันที ไป่ถิงถิงอ้าปากจะเรียกบิดา แต่ก็โดนเหวินเซียวเรียกเอาไว้ก่อน “มาเถิดไป่ถิงถิง วันนี้ข้ายังต้องสอนเจ้าอีกมาก” “แต่ว่า..” เหวินเซียวส่ายหน้า “เมื่อถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เอง” ร่างบางได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ท่านเฟยจวินก็บอกว่าเมื่อถึงเวลาข้าก็จะรู้เอง ท่านอาจารย์เองก็พูดไม่ต่างกัน ข้าอยากรู้ เหตุใดถึงไม่มีผู้ใดบอกข้าเลย” ไป่ถิงถิงทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะ “เจ้าเจอเขามาหรือ” เหวินเซียวเลิกคิ้ว “ขอรับ ข้าออกไปสูดอากาศข้างนอก เจอกับท่านเฟยจวินที่มาหาข้าพอดี” “แล้วเขาว่าอย่างไรบ้าง” “เขาก็บอกว่าเห็นข้าทำหน้าบูดบึ้งในลูกแก้วเคลื่อนที่ ก็เลยอยากมาเห็นด้วยตาตนเองขอรับ” เหวินเซียวฟังพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ “อืม.. หรือ.. เช่นนั้นก็ดี” “แล้วข้าต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มหรือท่านอาจารย์” “ข้าจะสอนเจ้าเสกมนต์อย่างง่ายก็แล้วกัน” “ขอรับ” แม้ว่าไป่ถิงถิงจะหน้าบึ้ง แต่เมื่อได้เรียนวิชาร่ายมนต์อย่างง่ายแล้วนั้น ร่างบางก็ยิ้มกว้างอย่างชอบใจทันที เมื่อวันแรกของการเรียนจบลงไป่ถิงถิงก็วิ่งออกมาจากหอหนังสือ พร้อมทั้งใช้วิชาที่ได้เรียนมาทำให้ตำราเล่มใหญ่ลอยมาตามลม เมื่อได้วิชาแล้วร่างบางก็ไม่ลืมที่จะใช้มันตามใจทันที มือบางโบกไปมาในอากาศให้หมั่นโถวที่ลอยอยู่นั้นเข้ามาในปาก ก่อนจะใช้อีกมือโบกตำราฝึกวิชาเปิดไปหน้าถัดไป “เจ้าดูมีความสุขเหลือเกินนะถิงถิง” หลี่มู่ฟางเดินเข้ามาหาไป่ถิงถิงที่กำลังนอนกระดิกขาอยู่บนต้นท้อ “ท่านแม่” ไป่ถิงถิงโบกมืออีกครั้งให้หมั่นโถวและตำราวางบนพื้น ก่อนจะกระโดดลงไปหามารดา “ข้าชอบมากเลยท่านแม่ ท่านดูสิ” ไป่ถิงถิงอวดวิชาที่ได้เรียนมาให้หลี่มู่ฟางดู หลี่มู่ฟางส่ายหน้าน้อยๆ “ฝึกให้ชำนาญ แล้วใช้ให้เป็น ไม่ว่าวิชาที่เจ้าได้มานั้นจะเป็นอะไร ล้วนมีทั้งคุณและโทษ” “ลูกจะจำไว้ขอรับท่านแม่” ไป่ถิงถิงหันมารับคำด้วยรอยยิ้ม “แม่อยากจะเข้าครัวทำขนมเสียหน่อย เจ้าอยากเข้าไปช่วยแม่หรือไม่” ไป่ถิงถิงพยักหน้า “ลูกไปด้วยขอรับ” ไป่ถิงถิงเดินเข้าไปกอดแขนมารดาอย่างออดอ้อน ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าไปในครัว ร่างบางพยายามช่วยหลี่มู่ฟางหยิบจับช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายแล้วก็อยู่ในสภาพที่แป้งเลอะทั่วทั้งตัว เนื่องจากไป่ถิงถิงอาสาใช้วิชาที่ได้เรียนมานั้นยกถังแป้งลงมาให้มารดา แต่ด้วยความที่ถังแป้งนั้นมีน้ำหนักมากเกินไป ไป่ถิงถิงที่เพิ่งเรียนรู้วิชานี้มาอย่างสดๆ ร้อนๆ จึงไม่สามารถควบคุมการบังคับถังแป้งได้ สุดท้ายแล้วถังแป้งก็มาคว่ำลงที่ศีรษะของไป่ถิงถิงเต็มๆ “แม่บอกแล้วว่าให้แม่ทำเอง” หลี่มู่ฟางยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้บุตรชาย “ข้าขอโทษขอรับท่านแม่ ข้าไม่ระวัง” หลี่มู่ฟางส่ายหน้า “เจ้าเพิ่งเรียนรู้วิชานี้มาครั้งแรก มันก็มีโอกาสเกิดความผิดพลาดอยู่แล้ว แม่ไม่ว่าอะไร” “ข้าจะฝึกให้เก่งกว่านี้ จะเก่งจนสามารถยกภูเขาให้ได้เลยขอรับ” “ขอรับๆ แม่ทราบแล้ว” หลี่มู่ฟางเช็ดหน้าให้บุตรชายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันมาช่วยกันลงมือทำขนมต่อ “ฮ่าๆๆ เจ้าทำถังแป้งคว่ำใส่ตัวเองจริงหรือ” ไป่หานเล่อหัวเราะก่อนจะเอาขนมกุ้ยฮวาเข้าปาก “พี่เล่อ ท่านหยุดหัวเราะข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ” ไป่ถิงถิงชี้หน้าพี่ชาย “ก็ข้าตลก ดูเจ้าทำตัวสิ เสียดายที่ข้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ไม่เช่นนั้นคงจะสนุกกว่านี้” “พี่เล่อ!!!” “เอาล่ะๆ” หลี่มู่ฟางยกมือขึ้นห้ามบุตรชายทั้งสอง “เจ้าก็อย่าหัวเราะน้อง ครั้งแรกของการฝึกวิชาก็เป็นเช่นนี้ อีกไม่นานน้องของเจ้าก็จะเก่ง หากเจ้าเอาแต่สนุกกับความผิดพลาดของน้องเช่นนี้ น้องจะกล้าฝึกวิชาอีกหรือ” ไป่หานเล่อประสานมือทั้งสองข้างก่อนจะหันไปหาไป่ถิงถิง “พี่ขออภัยเจ้าด้วยที่หัวเราะเจ้าไปเมื่อครู่” “ข้าให้อภัยท่านก็ได้” ไป่ถิงถิงเบะปากก่อนจะสะบัดหน้าให้พี่ชาย ไป่หานเล่อส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะพุ่งเข้ามากอดฟัดน้องชายของตนเอง ด้วยความรู้สึกเอ็นดูกับการแสดงท่าทีแบบนั้น ไป่ถิงถิงได้แต่ร้องโวยวายให้หลี่มู่ฟางช่วย นางได้แต่นั่งส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมาน้อยๆ ก่อนจะหยิบขนมกุ้ยฮวาป้อนให้ไป่เซียวเหอ “อย่าให้ข้าเก่งกว่าท่านก็แล้วกันพี่เล่อ ข้าจะล้มท่านแน่ ย๊าก!!!!!” ไป่ถิงถิงที่นั่งอยู่ในถังน้ำใช้มือทั้งสองข้างตีผิวน้ำรัวๆ “ท่านไป่น้อยเจ้าคะ ท่านแช่น้ำนานเกินไปแล้ว” สาวใช้ผู้ดูแลไป่ถิงถิงพูดขึ้น “ข้ายังอยากแช่อีกหน่อย” “ไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ พวกข้าจะเข้าไปแล้วนะเจ้าคะ” ไป่ถิงถิงแบะปากด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่สาวใช้ไม่เชื่อฟัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากถังน้ำไปใส่เสื้อคลุมที่สาวใช้เตรียมเอาไว้ให้ และก็เป็นดั่งเช่นทุกคืนก่อนนอน ที่ไป่ถิงถิงจะโดนสาวใช้ทั้งหลายช่วยกันประโคมกลิ่นหอมทั้งหลายเข้ามาบนตัว ทั้งๆ ที่เขาจะเข้านอนอยู่แล้วก็ตาม เมื่อถามสาวใช้ก็ได้คำตอบดั่งเช่นทุกคืนที่ว่า เป็นผู้รอง เนื้อตัวต้องหอมอยู่เสมอเจ้าค่ะ ท่านผู้นำจะได้รัก “ข้าไม่มีใครนอนด้วยเสียหน่อย หอมไปก็เท่านั้น” ร่างบางบ่นกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มตัวใหญ่ เข้าสู่นิทราไปด้วยรอยยิ้มอย่างเช่นทุกคืน talk. มาแน้วต่ะ มะคืนขออภัยที่เกเร แบบ ก่อนหน้านี้ตี้พยายามเปลี่ยนเวลาเขียนงาน ตอนแรกตี้จะเขียนช่วงกลางวัน สี่ห้าทุ่มปิดคอมนอน ทีนี้เปลี่ยนเวลาเป็นเริ่มเขียนงานหกโมงเย็น แต่ความเป็นจริงแล้วกว่าจะได้เขียนงานก็นู่น สี่ห้าทุ่มไปเลย รู้สึกว่ากลายเป็นคนขี้เกียจก็เลยพยายามเซ็ตให้ตัวเองกลับมาทำงานเวลาเดิม หวังว่าหลังจากนี้จะกลับมาอัพแบบปกติแล้วครัช เป็นไงบ้างคะกับความซนของน้องถิง ตี้แบบ เขียนไปยิ้มไป เอ็นดูกับความดื้อความซนของน้อง ส่วนปมเรื่องนี้ไม่มีไรมากค่ะ จะพยายามเขียนออกมาไม่ให้ทุกคนเครียดแน่นอน ตี้สัญญา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม