“ก็ดีนะยัยขิมจะได้ไม่ต้องขับรถให้เมื่อย ไปกับพี่เขาแล่ะดีแล้ว”
กรรชัยรีบพูดเสริมทันที เพราะนานๆ ทีเขาจะเห็นปลายอาสาให้ความช่วยเหลือเทียมหทัยสักครั้ง อาจจะทำให้ทั้งสองคนมีความสนิทสนมกันขึ้นบ้างก็ได้
“งั้นผมไปนะครับคุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ ไปหรือยังสายแล้ว”
เขาหันมาบอกเธอ ซึ่งเทียมหทัยนั้นจำใจจะต้องเดินตามเขาไปในที่สุด เพราะไม่อยากให้ทุกคนไม่สบายใจ
“รถเป็นอะไรคะ” เพราะเห็นเขาหยุดรถตรงปากซอยหลังจากที่ขับออกมาจากบ้านได้ไม่เท่าไหร่
“เธอคงคิดว่าฉันจะอยากให้เธอนั่งไปกับฉันมากสินะ! แต่ไม่หรอกเพราะรถของฉันน่ะมันแพงมาก และเพิ่งถอยมาใหม่ๆ ฉันไม่อยากให้อะไรๆ ที่มันสกปรกๆ ในตัวเธอมันมาแปะเปื้อนรถชั้น ! อ้อ..แล้วอย่าลืมตอนเย็นมารอฉันตรงนี้ด้วยนะ เพราะฉันไม่อยากถูกคุณย่าตำหนิว่าไม่ดูแลเธอ! ! เชิญ”
พูดจบเขาก็แสดงท่าทางไล่เธอลงจากรถด้วยความชิงชัง แล้วก็ขับหนีไป ทิ้งให้เทียมหทัยนั้นยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ริมถนน เพราะไม่เคยขึ้นรถประจำทางไปทำงานเลย แต่ในที่สุดเธอก็เรียกแท็กซี่จนได้
ปลายก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานที่เทียมหทัยทำมาไว้ให้ใหม่เสร็จตามที่เขากำหนด พร้อมทั้งยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจในผลงาน อย่างนี้นี่เองพ่อเขาถึงได้ชมว่าเธอเก่ง แต่ในใจก็ยังไม่วายครุ่นคิดว่าจะหาวิธีอะไรอีกเพื่อมาแกล้งเธอ
ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเพราะได้ความคิดอะไรบางอย่างพร้อมทั้งโทรสั่งให้เลขาฯ โทรตามเทียมหทัยทันที แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีที่เลขาฯ โทรมารายงานว่าเทียมหทัยไปพบลูกค้าข้างนอก แล้วจะเลยกลับบ้านเองเลย เล่นเอาคนฟังนั้นแสดงอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“นี่ใครๆ ไปไหนกันหมดครับป้าอร” เขาถามขณะที่เดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าบึ้งตึงหลังจากเลิกงานและกลับเข้าบ้านมา
“อ๋อ! คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายไปงานเลี้ยงค่ะ ส่วนคุณท่านก็อยู่ที่เรือนหลังเล็กค่ะ” บังอรตอบขณะที่เดินมารับเสื้อนอกและกระเป๋าจากมือเขาส่งให้เด็กเอาไปเก็บ
“แล้วเทียมหทัยไปไหนครับ ! แล้วเขากลับมาเมื่อไหร่ครับป้าอร ทำไมไม่รอกลับพร้อมผม เดี๋ยวคุณย่าก็จะมาว่าผมไม่ดูแลอีก ยิ่งเป็นหลานคนโปรดอยู่” เขาถามเป็นชุด
“คุณขิมอยู่บนห้องค่ะ เพิ่งกลับมาถึงเมื่อสักครู่เห็นบอกว่าพบลูกค้าแล้วก็เลยกลับมาเลย คุณปลายมีอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวป้าจะให้เด็กไปตามให้ คุณปลายเอาอะไรเย็นๆ มั้ยคะป้าจะไปเอามาให้” เพราะเห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ก็ดีครับ ให้ใครไปตามเทียมหทัยมาพบผมด้วยครับ” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเครียด ไม่นานเทียมหทัยก็เดินลงมาจากบันไดก็เห็นเขายืนรอตรงที่พำนักบันไดแล้ว และก็รู้ทันทีว่าเขาคงจะต้องมีเรื่องเล่นงานเธออีกแล้ว แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเดินมาหยุดที่เขายืน
“คุณมีอะไรคะให้เด็กไปตาม”
“ทำไมเธอจะไปไหนมาไหนไม่บอกฉัน” เขาเริ่มเสียงดังใส่เธอ
“ก็แล้วทำไมดิฉันจะต้องบอกคุณด้วยคะ ดิฉันก็ทำงานตามปกติเหมือนทุกๆ วัน คุณจะให้ดิฉันคอยรายงานคุณตลอดเวลาเลยหรือยังไงคะ” เธอเถียงเขา ยิ่งเป็นการยั่วโมโหเขาเพิ่มขึ้นอีก
“แล้วเธอทำงานที่ฉันสั่งให้ทำเสร็จแล้วเหรอ ฉันต้องการที่จะพัฒนางานในส่วนของเธอให้มันดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่เธอกลับออกไปไหนไม่รู้ แล้วเวลาที่ฉันต้องการข้อมูลสำคัญๆ เธอกลับไม่อยู่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แล้วทำไมคุณไม่ถามเลขาฯ ฉันล่ะคะเขามีข้อมูลทุกอย่าง” เธอแย้งเขา
“นี่เธออย่ามาอวดดีกับฉันในบ้านของฉันนะ และเธออย่าคิดว่าจะมีใครคอยช่วยเธอได้เหมือนทุกครั้งนะเทียมหทัย”
เขาพูดเสียงดังพร้อมทั้งมือสองข้างบีบที่หัวไหล่ของเธอ ถ้าหากอุ้งมือสองข้างของเขาเป็นเครื่องบดป่านนี้ร่างของเธอคงจะแหลกสลายไปแล้ว
“ปล่อยนะฉันเจ็บ ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครมาคอยปกป้องฉัน เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คุณต่างหากที่คอยเอาแต่หาเรื่องกับฉัน ทำไมเหรอ ฉันไปทำอะไรให้คุณนักหนาคุณถึงได้มาจงเกลียดจงชังฉันนัก”
เธอต่อปากต่อคำกับเขา ยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาโกรธรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
“เธออยากรู้เหรอ ได้ ฉันเกลียดเธอ เพราะเธอมันเป็นตัวซวย สำหรับฉัน ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาในบ้านของฉันทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ทุกคนก็เปลี่ยนไป มาสนใจเธออยู่คนเดียว และที่สำคัญเธอทำให้ฉันต้องระเห็จไปอยู่ที่เมืองนอกนานนับสิบปี เหตุผลแค่นี้เพียงพอหรือยังที่ฉันกับอาๆ ของฉันจะเกลียดกาฝากอย่างเธอ ฉันเกลียดไอ้พวกเรือดไรที่จะมาคอยสูบเงินพ่อแม่ของฉัน เธอได้พอหรือยัง ถ้ายังไม่พอเธอต้องการเท่าไหร่ฉันจะฟาดหัวให้ แล้วก็ไสหัวเธอไปจากชีวิตพวกฉันสักที ” เขาบอกเหตุผลในที่สุด พร้อมทั้งสะบัดร่างบางๆ จนปลิวไปอีกทาง
“โอ๊ย!!!”
“ว้าย! คุณขิมๆ คุณปลาย! ทำไมทำยังงี้คะ” บังอรออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงเขาเอะอะเข้าไปถึงในครัว และก็มาทันได้เห็นร่างบางๆ ปลิวตามแรงเหวี่ยงของเขาตกจากบันไดโดยที่ศรีษะไปฟาดกับขอบบันไดเข้า
“คุณขิมคะๆ เป็นอะไรมากมั้ยคะ ตายแล้วหัวแตกด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยไปเอาที่ทำแผลมาหน่อยเร็ว เลือดออกใหญ่แล้ว ใครอยู่แถวนี้บ้าง”
บังอรร้องเพราะอาการตกใจ ซึ่งก็ไม่แพ้อะไรกับคนที่เป็นต้นเหตุเพราะก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่เขาก็ยังอุ่นใจที่เห็นเทียมหทัยนั้นลุกขึ้นมานั่งที่พื้นได้
“ขิมไม่เป็นอะไรมากค่ะป้าอร” เธอบอกด้วยอาการมึนงงและปวดแป๊บๆ ที่แผล
“ขิม! นี่เกิดอะไรกันครับป้าอร” ปัญญาเข้าบ้านมาทันเวลาพอดี เพราะมีนัดกินข้าวเย็นกับเธอ