“คุณขิมผมว่าเราเดินไปทางโน้นดีกว่านะ ให้เจ้านายผมได้จู่จี๋กับคุณแก้วบ้าง ไม่อยากจะอยู่เป็น กอขอคองอ” เขาพูดพลางจูงแขนเทียมหทัยออกไปจากกลุ่ม
“ดูเจ้านายของกรณ์สิคะ” ดวงแก้วพูดเมื่อสองคนคล้อยหลังไปแล้ว
“เฮ้อ! ปล่อยๆ คุณธรรบ้างเถอะแก้ว ไม่รู้ว่าความสุขแบบนี้คุณหญิงจะเรียกคืนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“นั่นสิคะ เห็นคุณแม่กรณ์บอกว่าถึงกับเคยจ้างนักสืบตามคุณธรรเลยไม่ใช่หรือคะ”
“แต่ก็โชคดีที่คุณธรรรู้ตัวก่อน ไม่งั้นเราก็คงต้องไปงานแต่งหรือไม่ก็งานศพคุณธรรแทนที่จะได้มาที่นี่แน่ๆ เลย”
“แล้วคุณขิมล่ะคะแก้วนี่สงสารเธอมากๆ เลย ถ้ารู้ความจริงเข้า ไหนจะเรื่องตัวจริงคุณธรร ไหนจะเรื่องคุณชุติมาอีก แล้วสองคนนี้จะลงเอยยังไงนี่”
“ก็ปล่อยตามบุญตามกรรมก็แล้วกันนะ ถ้าเขาสองคนเกิดมาเป็นคู่กันก็คงจะได้อยู่ครองรักกัน แต่ถ้าไม่ใช่เราก็ฝืนชะตาไม่ได้นะจ้ะ” อลงกรณ์บอกดวงแก้ว
“แต่กรณ์ว่าอย่างคุณธรร ถ้าลองได้รักคุณขิมขนาดนี้คงไม่ปล่อยให้หลุดไปไหนหรอก ก็คงต้องหาทางเอาชนะใจคุณหญิงท่านจนได้นั่นล่ะ ไหนสุกหรือยังกรณ์หิวแล้ว” อลงกรณ์พูดพลางสายตาควานหาของกิน
“ผมมีความสุขจังเลย คุณรู้สึกเหมือนผมมั้ย”
ธรรทรเอ่ยขณะยืนกอดเทียมหทัยไว้แนบอกบนสะพานไม้ที่สร้างยื่นเข้าไปในทะเล และเป็นท่าเรือส่วนตัวไปด้วย ซึ่งบรรยากาศทะเลยามค่ำคืนที่อบอุ่น บ้านพักของกรรชัยเป็นบ้านพักขนาดใหญ่เก็บเอาไว้สำหรับพักผ่อนเมื่อยามอยากชื่นชมธรรมชาติ
“ขิมก็เหมือนกันค่ะ”
“นี่ก็ร่วมปีหนึ่งแล้วนะที่เรารู้จักกันมา และก็นับจากวันที่ผมบอกรักคุณก็หลายเดือนแล้วด้วยคุณรู้มั้ยผมมีความสุขที่สุดเลย นี่ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่ารัก” เขาพูดเพราะรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ เพราะเขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครเลย
“ไม่รู้สิคะ ขิมไม่เคยรักใครมาก่อนนี่คะ”
“จริงสิผมก็ลืมไปว่าผมเป็นคนรักคนแรกของคุณ และก็เป็นคนที่ เอ่อ! จูบคุณเป็นคนแรกด้วย คุณจำได้มั้ยว่าวันแรกที่ผมจูบคุณแล้วคุณเป็น! เอ่อ!” เขาต้องหยุดพูดเพราะมีมือน้อยๆ มาปิดปากเขาไว้ด้วยความเขินอาย
“พอแล้วค่ะ ไม่ต้องย้ำมาก ขิมไม่ได้ความจำเสื่อมนะคะ ไม่เอาแล้วไปดีกว่า อยู่ไปก็เปลืองตัวเปล่าๆ” เธอพยายามจะแกะมือที่เขาโอบกอดอยู่ แต่ไม่สำเร็จเลย
“ไม่ยอม อยู่ๆ จะมาเดินหนีผมได้ไง ยังงี้ต้องทำโทษนะรู้มั้ย”
สิ้นเสียงของเขา เรียวปากรูปกระจับก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากอันอบอุ่นของเขา โดยที่หญิงสาวไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นสุขยิ่งนักเมื่อยามได้อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา และถูกเขาประทับรอยจูบอันแสนหวานปานน้ำผึ้ง มือน้อยๆ สองข้างโอบกอดเขาตอบด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แต่ทั้งสองก็ยุติแรงปรารถนานั้นไว้ เพราะรู้ตัวดีว่าขอบเขตนั้นจะอยู่ที่ตรงไหน โดยเฉพาะธรรทรเอง เขาจะไม่มีวันทำอะไรให้เธอต้องด่างพร้อยแน่นอน ตราบใดที่เขายังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะใจแม่ได้
“ผมรักคุณ” เขาบอกเมื่อปล่อยให้เรียวปากสวยเป็นอิสระ
“ขิมก็รักคุณค่ะ คุณรู้มั้ยคะ ว่าคุณเป็นผู้ชายคนแรกที่ขิมรัก และก็จะเป็นคนสุดท้ายที่ขิมจะรักค่ะ”
“ผมก็เหมือนกันครับ คุณคือผู้หญิงที่ผมรักและก็จะเป็นคนสุดท้ายเหมือนกัน”
“จริงสิคะ อาทิตย์หน้าคุณแม่จะจัดงานวันเกิดให้ขิมที่บ้านค่ะ คุณกรณ์กับคุณธรรจะไปหรือเปล่าคะ”
“ผมต้องรอดูเจ้านายก่อนนะ แล้วคุณจะให้ผมไปในฐานะอะไรครับ”
“ก็ในฐานะคนทำธุรกิจด้วยกันสิคะ แล้วคุณจะไปในฐานะไหนคะ” เธอแกล้งแหย่เขา
“เฮ้อ! จริงสินะ ไอ้เราก็แค่...” เธอยกมือมาปิดปากไม่ให้เขาพูดต่อ
“พอแล้วค่ะ! ห้ามพูดอีกนะคะว่าคุณไม่คู่ควรกับขิม คุณพ่อขิมไม่คิดอย่างนั้นหรอกค่ะ ท่านให้โอกาส และดูคนที่ความเป็นคน ไม่ใช่ที่ฐานะหรือชาติตระกูลเหมือนคนอื่นๆ”
“แต่ผมก็รู้สึกไม่สบายใจนักครับที่บังอาจมารักลูกสาวคนเดียวของท่าน”
“แต่ขิมก็แค่เด็กที่ท่านเก็บมาเลี้ยงนะคะ ไม่เอาแล้วค่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ เรากลับไปหาคุณธรรดีกว่านะคะ”
เธอตัดบทและรีบจูงมือเขาเดินกลับตามสะพานที่ทอดยาวไปในทะเล
“ยัยขิม! มาพอดีลูก นี่มาเลือกแบบชุดงานวันเกิดเราเลย แม่ให้คุณไก่ เอามาให้เลือกถึงที่เลย เดี๋ยวขิมก็จะบอกว่าไม่มีเวลาไปอีก” พรรณีร้องเรียกเทียมหทัย ขณะที่เดินเข้าบ้านหลังจากกลับจากทำงานพอดี
“โอ้โห! ต้องตัดชุดใหม่เลยหรือคะคุณแม่ ชุดขิมมีตั้งเยอะแยะแล้ว บางชุดที่คุณไก่ตัดไว้ให้ยังไม่ได้ใส่เลยค่ะ” ร่างบอบบางเดินมาห้องรับแขก
“ไม่ได้หรอกลูก ขิมน่ะโตเป็นสาวแล้วนะ แล้วชุดที่มีก็เป็นแบบเด็กๆ วันรุ่นๆ ทั้งนั้น ขิมเป็นสาวออฟฟิศแล้วนะต้องเอาแบบใหม่ มาเลยเดี๋ยวคุณไก่ตัดไม่ทันงานแม่ไม่รู้ด้วยนะจะบอกให้”
“ไหนคะมีแบบไหนบ้างเอ่ย”
“เอ่อ! นี่พี่ปัญญา ลูกลุงภุชงค์กับป้าวิมลก็จะกลับมาจากนอกด้วย เดี๋ยวเขาจะมางานด้วยนะ แม่ไม่อยากให้ลูกสาวแม่ไม่สวย”
พรรณีพูดด้วยความชื่นชมปัญญาเป็นนัยๆ แต่เทียมหทัยก็ไม่ทันได้คิดอะไร มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเลือกชุดกับคุณไก่ช่างตัดผ้าประจำบ้านอยู่
“ยัยขิมจำพี่เขาได้มั้ยลูก” พรรณีไม่ละความพยายาม
“ใครคะ พี่ปัญญาเหรอคะคุณแม่”
เธอย้ำอีกทีเพราะจริงๆ แล้วเธอจำเขาแทบไม่ได้ เพราะว่าตอนที่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ก็พบกับปัญญาบ้าง และหลังจากที่ปลายไปเรียนที่เมืองนอกก่อนปัญญาไป ก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกันบ้าง แต่มันก็เลือนรางเต็มที เพราะตอนนั้นเธอยังเด็กมาก