“พี่ธรรรู้มั้ยคะ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น ไม่มีสักวันไหนเลยที่ขิมจะลบเจ้าของแหวนวงนี้ออกไปจากใจขิมได้” เธอพูดพร้อมทั้งยกมือที่มีแหวนของเขาจองจำที่นิ้วเอาไว้
“และทุกๆ ครั้งที่ขิมจะถอดมันออกมา ขิมก็ไม่สามารถเอามันออกได้ เพราะว่าเจ้าของแหวนวงนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำขิมตลอดเวลา แต่ขิมก็ยินดีที่จะใส่มันเอาไว้ เพราะมันจะได้คอยเตือนใจขิมได้ว่าขิมเป็นใคร อยู่ในฐานันดรไหน เผื่อถ้าเกิดจะรักใครสักคนจะได้เลือกคนที่เขามีฐานันดรเดียวกับเราไงคะ
แต่ขิมก็ไม่รู้ว่ากว่าที่ขิมจะรักใครสักคนได้นั้นอีกนานแค่ไหน กี่วัน กี่เดือน กี่ปี หรืออาจจะเป็นกี่ชาติขิมก็ตอบไม่ได้ แต่พี่ธรรไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะคะ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ขิมไม่เคยโกรธพี่ธรรเลย เพราะขิมรู้ดีว่า เราทั้งสองต่างก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน พี่ธรรกลับไปเถอะค่ะ กลับไปสู่โลกของพี่ ขิมก็จะอยู่กับโลกของขิม แค่ขิมรู้ว่าพี่ยังคงระลึกถึงขิมและเรื่องของเราแค่นี้ขิมก็พอใจแล้วค่ะ”
สิ้นคำร่างบอบบางก็วิ่งขึ้นรถแท็กซี่ไป ทิ้งให้ธรรทรนั้น ยืนมองรถที่เธอนั่งแล่นไปจนลับตา
“น่าเห็นใจในความรักของคุณสองคนจริงๆ เลยนะครับ แหม! ผมชักอยากจะรู้ซะแล้วสิว่า ถ้าเกิดมีผู้ชายหน้าไหนมาทำให้น้องนอกไส้ของคุณธรรทรเจ็บปวดนี่ สภาพจะเป็นยังไงก็ไม่รู้นะ”
ปลายเดินเข้ามาพูดเยาะเย้ยธรรทรด้วยอาการที่สะใจที่เขาได้เห็นเทียมหทัยและธรรทรนั้นเจ็บปวด
“ผมยังบอกคุณตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ แต่ผมมั่นใจว่าคุณคงไม่อยากจะลองแน่นอน อ้อ! ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลให้กับผู้ยากไร้จากการประมูล พรุ่งนี้ผมจะให้คนเอาเช็คไปให้ที่สมาคมนะครับ คุณปลายรู้อะไรมั้ยครับ สำหรับขิมแล้ว อย่าว่าแต่ไอ้แค่เงินล้านเลยครับ แม้แต่ชีวิตผมถ้าทำให้เธอมีความสุขได้ผมยินดีจะแลกกับมัน”
แล้วธรรทรก็เดินเข้าผับไปทิ้งให้เขายืนขบกรามด้วยความโกรธที่ถูกธรรทรดักทางถูก แต่เขาก็โกรธได้ไม่นาน เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งได้มอบให้คนทั้งสอง มันช่างเป็นภาพที่สะใจของเขาเหลือเกิน
“ไม่น่าเชื่อว่าเทียมหทัยกับธรรทรจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันถึงขนาดนี้ ได้ยินแต่อาๆ บอกว่าสองคนนี้รักกันมากเพียงใด”
เพิ่งจะประจักษ์แก่สายตาก็วันนี้เอง เขายิ้มให้กับผลงานตัวเองด้วยความปีติยินดีก่อนจะเดินกลับเข้าไปในผับอีก โดยไม่ได้สนใจว่าเทียมหทัยนั้นจะนั่งรถไปลงที่ไหน สำหรับเขาที่ไหนก็ได้ ถ้าเป็นไปได้เขาไม่ปรารถนาให้เธอกลับไปเหยียบบ้านเขาอีกจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เขาได้รับตั้งแต่กลับมาเมืองไทยได้จะครึ่งปีแล้ว
“ยัยขิมว่าไงเรา”
พรรณีทักเทียมหทัย เมื่อเห็นเธอเดินลงมาจากชั้นบนและตรงมาหาพรรณีที่นั่งอยู่ห้องเล่นพร้อมกับสมาคมคนเกลียดขี้หน้าเธอนั่งอยู่ด้วย เธอยิ้มให้แม่เป็นการตอบรับ และก็ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
“ทำไมลงมาช้าล่ะลูก กลับจากงานเลี้ยงดึกเหรอลูก เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง เห็นพี่เขาบอกเราสนุกน่าดู แม่ดีใจจริงๆ เลย!ที่นานๆ จะได้ยินว่าขิมสนุก คราวหน้าไปกับพี่เขาอีกนะลูก ขิมจะได้ลืมเรื่องเก่าๆ นะลูกนะ”
“ค่ะคุณแม่” เธอรับคำอย่างเสียไม่ได้
“นี่เขาคงสนุกกับการที่ได้เห็นเราเจ็บปวดมากสินะ ถึงได้เอาเรื่องไปเล่าให้ใครๆ ฟัง ให้เป็นเรื่องสนุกได้ คนโรคจิต” เธอนึกตำหนิเขาในใจ
“ว่าไงจ้ะแม่ขิม สนุกมากมั้ยจ้ะ” ภาวินีทักบ้าง แต่สีหน้าคนทักนั้นช่างแตกต่างจากสีหน้าพรรณีเสียนี่กระไร
“สวัสดีค่ะอาภา อาภัค”
เธอไหว้คนทั้งสอง แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งสองจะปฏิบัติกับเธอเหมือนทุกๆ ครั้งที่อยู่ต่อหน้าพรรณีคือไม่รับไหว้พร้อมทั้งเบือนหน้าหนีเธอประหนึ่งเธอเป็นขยะที่เน่าเหม็นไม่น่ามองก็ไม่ปาน ซึ่งเธอเองก็พอจะเดาได้
“วันนี้ขิมมีธุระที่ไหนหรือเปล่าจ้ะ”
“ไม่มีค่ะคุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่มีความอ่อนโยนและเจียมตัวอยู่ในที ซึ่งอากัปกิริยาแบบนี้มันได้เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับวันที่เธอได้ตระหนักดีว่าเธอมันก็แค่ลูกเลี้ยง อย่าได้คิดแม้แต่จะไปเผลอคิดว่าเธอนั้นเป็นลูกสุดที่รักของทั้งกรรชัย และพรรณีแม้แต่น้อย
“แม่อยากจะให้ขิมไปเอาผ้ามั้ยที่ร้านคุณไก่มาให้หน่อยจ้ะ พอดีเจ้าพุดพาพ่อเราไปออกรอบ ก็เลยไม่มีใครไปเอาให้ แล้วคุณไก่ก็ไม่มีเด็กที่ร้านสักคนเลยจ้ะ”
“ได้ค่ะ กี่โมงคะคุณแม่”
“ไปเดี๋ยวนี้ก็ได้ครับคุณแม่ ผมเสร็จแล้ว”
เขารีบชิงตอบและเดินมาสมทบพร้อมดวงตาฉายแววแปลกๆ ส่งให้ทั้งภัคคินีและภาวินีราวกับว่าทั้งสองคนนี้ได้รับรู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขื้นกับเธอเมื่อคืนนี้ก็ไม่ปาน
“มาแล้วหรือจ้ะตาปลาย ขิมไปกับพี่เค้าหน่อยนะลูก พอดีพี่เค้าจำทางไปไม่ได้ พาพี่เขาไปหน่อยคราวหลังจะได้ไปถูก” พรรณีบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เอ่อ! . แล้วเตยไปไหนคะ เตยก็เคยไปแล้วนะคะ”
เธอพยายามเลี่ยง เพราะไม่อยากที่จะต้องอยู่กับเขาตามลำพัง เพราะทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาเมื่อเธอได้อยู่กับเขาตามลำพังเมื่อไหร่ เธอก็จะต้องได้ความเจ็บปวดกลับมาทุกครั้ง ไม่ทางร่างกายก็ทางจิตใจ แต่เธอเองก็ไม่อยากจะแสดงอาการที่ไม่เต็มใจออกมาให้พรรณีเห็น เพราะกลัวเธอจะไม่สบายใจ ซึ่งมันไม่ดีต่อสุขภาพของเธอเลย
“เตยเขาไปซื้อของให้ฉันอยู่จ้ะ ทำไมหรือจ้ะ เธอไปกับตาปลายไม่ได้หรือจ้ะ หรือว่ากลัวตาปลายจะพาไปปล่อยทิ้งที่ไหนหรือจ้ะ” ภัคคินีตั้งใจเหน็บเธอ