“มิสเตอร์แฟร็งให้มาแล้ว หนึ่งแสนห้าหมื่นครับ มีใครให้มากกว่านี้มั้ยครับ ถ้าไม่มีผมจะนับสามนะครับ นักร้องของเราจะยังไม่ร้องเพลงนะครับจนกว่าจะได้ราคาประมูลที่แพงที่สุดครับ อย่างที่บอกครับรายได้ทั้งหมดเราจะมอบเป็นการกุศลครับ เชิญแขกผู้มีเกียรติโต๊ะอื่นๆ ร่วมสนุกด้วยนะครับ” ลีลาพิธีกรที่เรียกแขก
“โต๊ะแปดให้มาแล้ว สองแสนบาทครับ มีใครมากกว่านั้นมั้ยครับ ผมจะนับแล้วนะครับ สองแสนหนึ่ง สองแสนสอง โอ้โห! .มีมาแล้วสามแสนจากคุณปลายครับ” พิธีกรประกาศหลังจากที่บริกรยื่นข้อมูลให้
“สามแสนหนึ่ง สามแสนสอง อีกแล้วครับท่าน โต๊ะสิบสอง คุณธรรทรให้มาหนึ่งล้านบาทครับ มีใครจะสู้มั้ยครับ”
เสียงพิธีกรเรียกชื่อพร้อมทั้งไฟส่องไปที่โต๊ะของเจ้าของตัวเลขสูงลิ่ว ทำให้เทียมหทัยนั้นรู้สึกเจ็บแป๊บในใจอย่างบอกไม่ถูก
“ทำไมนะเธอถึงหนีเขาไม่พ้นเสียที นี่มันกี่ปีแล้วกันนี่แล้วทำไมทุกๆ ครั้งที่เธอต้องบังเอิญพบเขา มันยิ่งทำให้เธอนั้นรู้สึกเจ็บปวดเข้าไปในขั้วหัวใจทุกครั้ง”
“หนึ่งล้านหนึ่งครับ หนึ่งล้านสองครับ มีมั้ยครับ หนึ่งล้านสาม ขอเสียงปรบมือให้คุณธรรทรด้วยครับ ไม่อยากจะเชื่อครับว่า! .วันนี้ผับของเราได้มีส่วนร่วมในการกุศลในครั้งนี้ ขอขอบคุณผู้ประมูลทุกๆ ท่านครับ งั้นขอเชิญรับฟังเพลงเพราะๆ จากคุณเทียมหทัยได้เลยครับ” พิธีกรมอบเวทีให้เธอ
“ขอบคุณค่ะสำหรับเสียงปรบมือ และก็ขอบคุณมากๆ ค่ะ ท่านที่ให้ความกรุณาประมูลเพลงของดิฉัน แต่ต้องขอออกตัวนะคะว่าเพลงที่จะร้อง อาจจะไม่ทันสมัยเท่าไหร่ และน้ำเสียงดิฉันก็อาจจะไม่ไพเราะสักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ร้องเพลงมานานมากๆ แล้ว เพลงนี้เป็นเพลงที่ดิฉันชอบมากค่ะ และขอมอบให้ผู้ชนะการประมูลค่ะ เชิญรับฟังค่ะ เพลงเดียวดาย”
เธอบอกพร้อมกับสีหน้าที่สับสนกับความรู้สึก
“เดียวดายอาดูรสิ้นสูญแล้วทุกๆ สิ่ง เธอมาทอดทิ้งจากไปจนไกลสุดไกล
จำใจจำทนหม่นหมองเพ้อร้องร่ำไห้ โอ้ยอดดวงใจ แสนเศร้าโศกตรม
จำใจจำฝืน กล้ำกลืนชอกช้ำเหลือเอ่ย เธอทำเมินเฉย ห่างเหินทำเมินไม่มอง
ยามใดใจเหงา เฝ้าดูนวลแสงจันทร์ส่อง ใจ คอยร่ำร้อง เรียกหา แต่เธอ
ทอดทิ้ง ทอดทิ้ง ฉันไปแสนไกล สุดอาลัยในรัก หักหาย
ปวดร้าว ปวดร้าว เหลือใจหมองไหม้ หมดเยื่อใย มิหวน คืนมา
คอย คอยหา ตั้งตาคอยเธอคืนกลับ เธอไปลาลับ จากฉันคืนวันผ่านไป
คอยเธอหวน กลับมาเคียงชิดใกล้ ใยเป็นไฉน คอยเก้อเดียวดาย”
ขอบคุณศิลปินพัณนิดา เศวตาสัย
สิ้นเสียงเพลง ที่ผู้ร้องได้ถ่ายทอดอารมณ์ของคนที่รู้สึก สูญเสีย ชอกช้ำ ปวดร้าว อาลัยรัก ร้องเรียกหาคนรักที่จากไป จนทำให้คนฟังทั้งผับรู้สึก เดียวดาย ไปพร้อมๆ กับคนที่ถ่ายทอดออกมา
พร้อมกับน้ำตาของคนร้องที่ไม่อาจจะอดกลั้นเอาไว้ข้างในได้อีกแล้ว จากเนื้อร้องที่กินใจ เนื้อหาที่ตรงกับความรู้สึกผู้ร้อง ทำให้บทเพลงที่เธอถ่ายทอดออกไปในแต่ละวรรค แต่ละตอนนั้นกลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกของเธอ ทุกๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและธรรทรนั้น
ได้ถ่ายทอดให้ผู้ฟังร่วมรับรู้ว่าผู้ที่เธอร่ำร้อง เรียกหานั้นได้มีตัวตนจริง และอยู่ร่วมรับรู้ความรู้สึกที่เจ็บปวดของเธอ ณ ที่นี้ด้วย น้ำตาที่ไหลอาบแก้มจนบางครั้งเสียงร้องขาดหายไปนั้นบอกถึงความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวของคนร้อง ผ่านไปยังผู้ฟัง จนสะกดความรู้สึกของผู้คนให้รู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมๆ กับเธอ
หรือบางคนนั้นก็มีหยดน้ำตาไหลออกมาร่วมสดุดีให้แก่ความเจ็บปวด ความสูญเสียของเธอ ประหนึ่งได้ร่วมรับรู้เรื่องราวของเธอไปด้วยก็ไม่ปาน ความรู้สึกที่เจ็บปวดที่เธอมีในขณะนี้ ก็ไม่ต่างอะไรไปกับคนที่เป็นต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมของการสูญเสียของเธอไปแม้แต่น้อย
ทุกห้วงของเนื้อเพลงนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมาก มากกว่าเธอเป็นร้อยเป็นพันเท่า จนทำให้น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างธรรทรนั้นไหลออกมาแสดงให้เห็นความพ่ายแพ้กับมรสุมความรักที่เขาพยายามที่จะเอาชนะมันมานานนับปีจนต้องรีบหักห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาแสดงให้เห็นความอ่อนแอของลูกผู้ชายอกสามศอกให้ลูกค้าที่มาด้วยเห็น
เขารีบล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาซับน้ำตาที่คลอเบ้าออกทันที แต่เมื่อหันไปดูแขกที่มาด้วยก็พบว่าพวกเขานั้นก็รู้สึกรันทดไปตามเสียงเพลงที่เทียมหทัยถ่ายทอดความในใจให้เขารู้ไปพร้อมๆ กับเขา จะผิดอยู่ตรงที่ว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเรื่องราวความเป็นมานั้นเป็นเช่นไร
“ขอบคุณค่ะสำหรับเสียงปรบมือ ต้องขอโทษนะคะ ที่บทเพลงของดิฉันนั้นอาจจะไปทำลายบรรยากาศที่รื่นเริงของแขกบางท่าน แต่ดิฉันอยากจะบอกว่าบางครั้ง การที่คนเราได้ระบายความในใจที่เจ็บปวดผ่านบทเพลง มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีเหมือนกันค่ะ ต้องขอขอบคุณคนที่เชิญดิฉันขึ้นมาร้องวันนี้ ดิฉันอยากจะบอกว่าคุณได้สร้างความเจ็บปวดให้ดิฉันได้สำเร็จแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เทียมหทัยกล่าวพร้อมทั้งหันไปหาปลาย ก่อนจะเดินลงเวที และวิ่งออกมาจากผับ โดยมีธรรทรนั้นวิ่งตามออกมา และปลายก็รีบลุกออกมาดูโดยไม่รอช้า
“ขิมๆ จะไปไหน” ธรรทรรีบวิ่งมาคว้าข้อมือเทียมหทัยเอาไว้
“ขิมจะกลับบ้านค่ะ” เธอหันหน้ามาหาธรรทรด้วยน้ำตาที่อาบแก้ม
“ให้พี่ไปส่งนะ ดึกมากแล้วจะไปยังไง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขิมนั่งแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ พี่ธรรปล่อยขิมเถอะค่ะ เราอย่าพบกันอีกเลยนะคะ ขิมขอร้อง” เทียมหทัยร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
“พี่ธรรรู้มั้ยคะ ว่าทุกๆ ครั้งที่เราต้องพบกัน มันทำให้ขิมเจ็บปวดมากแค่ไหน”
“แล้วพี่ล่ะ ขิมคิดว่าพี่มีความสุขที่ได้เห็นขิมเป็นแบบนี้เหรอ พี่ก็มีความรู้สึกเหมือนกัน ทุกๆ ครั้งที่พี่รู้ว่าขิมเจ็บปวด พี่ยิ่งเจ็บไปมากกว่าขิมหลายร้อยเท่านัก พี่ขอโทษ ถ้าพี่ย้อนเวลากลับได้ พี่จะไม่มีวันทำให้ขิมต้องเจ็บปวดอย่างนี้เด็ดขาด” ธรรทรบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกมาให้เธอฟัง