“ขอบคุณค่ะ” “วันนี้ย่ารู้สึกมีความสุขจริงๆ เลย แกรู้สึกเหมือนแม่มั้ยกรร” คุณพร้อมพูดด้วยสีหน้าที่อิ่มสุข
“ทำไมครับ” กรรชัยถามงงๆ และหันหน้าไปหาพรรณีเพราะไม่รู้ว่าแม่หมายถึงอะไร จนภรรยาต้องค้อนกลับ
“ก็วันนี้ย่ามีทั้งหลานสาวสองคน และหลานชายสองคนมากินข้าวด้วยน่ะสิ” คุณพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงมีเลศนัยน์ แต่ดวงตาเปล่งประกายด้วยความสุขล้น
“พี่ขอบคุณแทนคุณแม่ด้วยนะครับ สำหรับกุหลาบและพวงมาลัย แล้วก็ขอบคุณสำหรับอาหารที่อร่อยๆ มื้อนี้ด้วยจ้ะ”
ปัญญาบอกเธอขณะที่ยืนอยู่ที่รถเพื่อจะกลับหลังจากที่อิ่มจากอาหารเย็น และเทียมหทัยกับคุณพร้อมนั้นร้อยพวงมาลัยถวายพระเสร็จ จนส่งคุณพร้อมเข้านอนแล้วเธอก็เดินมาส่งเขาเพราะค่อนข้างดึกพอสมควร
“ไม่เป็นไรค่ะ สำหรับพี่หมอพวกเรายินดีค่ะ”
“ขิมอย่าลืมเรื่องที่พี่บอกที่สวนดอกไม้นะครับ” เขาพูดพร้อมดึงมือเธอมากุมเอาไว้
“แต่พี่หมอก็อย่าลืมพิจารณาคนอื่นด้วยนะคะ ขิมไม่อยากให้พี่หมอปิดกั้นตัวเองเหมือนกันค่ะ” เธอตอบแบบเลี่ยงๆ
“หัวใจพี่ไม่มีที่ว่างสำหรับคนอื่นแล้วล่ะจ้ะ แต่พี่ก็จะพยายามจัดสรรที่นะ งั้นฝันดีนะจ้ะ แล้วพี่จะโทรหา”
เขาพูดด้วยความอารมณ์ดี ก่อนที่จะปล่อยมือเธอแล้วขึ้นรถขับออกไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนมองจนรถเขาลับสายตา ใบหน้าหญิงสาวเปลี่ยนจากรอยยิ้มกลับมาเป็นเศร้าสลดอีกครั้ง เมื่อในห้วงความคิดเผลอไปนึกถึงเจ้าของแหวนอีกครั้ง แล้วนี่เมื่อไหร่เธอจะลืมเขาเสียที เมื่อไหร่ความเจ็บปวดมันจะจางหายไปเสียที
เมื่อไหร่จะมีใครสักคนมาช่วยขจัดความรู้สึกนี้ออกไปจากจิตใจเธอเสียที เธอภาวนาให้คนๆ นั้นเป็นปัญญา เพราะไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ คุณสมบัติ เขาคือคนที่น่าจะเป็นคนที่เธอเลือกมาเป็นผู้นำของชีวิต แต่ติดตรงที่เมื่อไหร่ความรู้สึกแบบที่เธอมีต่อเจ้าของแหวนนั้น จะมีให้กับปัญญาเสียที
หญิงสาวหยุดความคิดที่ล่องลอยมาลงตรงที่ใบหน้าคมเข้มที่จ้องมองเธออย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากที่เขาล่ำลาวันวิสาข์ที่เพิ่งคล้อยหลังตามปัญญาออกไป เธอไม่อยากจะอยู่กับเขาตามลำพังแม้แต่วินาทีเดียว ถึงแม้จะเป็นตรงที่หน้าบ้านที่ไม่ได้ลับตาผู้คนในบ้านก็ตาม เขานั้นก็จะสรรหาคำพูดมาคอยถากถางให้เธอได้เจ็บปวดอยู่เป็นนิจ เร็วเท่าความคิดหญิงสาวรีบเดินเลี่ยงเขาเพื่อจะเข้าบ้าน
“สำส่อน”
นั่นคือคำพูดของเขาเมื่อเธอเดินมาแล้วมีเขาก้าวมาขวางหน้าเอาไว้
“ตกลงเธอจะไม่ละเว้นเพื่อนฉันเลยหรือยังไง แล้วคุณพ่อล่ะ สงสัยท่านคงหัวใจสลายไปในไม่ช้านี่ล่ะมั้งที่ได้รู้ว่าเจ้าหมอมันขอแต่งงานกับเธอ”
เขาถากถางเธอต่อ
“นี่คุณเป็นผู้ดีประสาอะไรไม่ทราบ ที่แอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน คนที่เรียกตัวเองว่าผู้ดีเขาไม่ทำกันหรอกนะ”
เธอตอบโต้เขาในที่สุด ซึ่งเธอเองก็รู้สึกโกรธตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ทุกๆ ครั้งที่คิดจะหลีกเลี่ยงไม่ต่อปากต่อคำกับเขา แต่ก็ทำไม่ได้สักครั้ง ก็เพราะคำพูดป่าเถื่อน ที่เขาสรรหามาด่าทอเธอนั้น มันทำให้เธอนั้นอดที่จะตอบโต้เขาไม่ได้
และครั้งนี้ก็เหมือนกัน เพราะเธอคิดว่าเขาคงทำอะไรเธอไม่ได้นอกจากคำด่าเจ็บๆ แค่นั้น แต่ถ้าเขาทำอย่างที่เคยทำกับเธอล่ะ คิดได้แค่นั้นหน้าหญิงสาวก็แก้มแดงเป็นลูกตำลึง และรู้สึกหวาดๆ ที่ต้องยืนอยู่ใกล้ๆ กับเขา
“ฉันจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องต่างๆ ที่เธอกำลังจะทำ เพราะนั่นคือความปลอดภัยของคนรอบข้างของฉัน ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม มันก็จะอยู่ในสายตาของฉันตลอดเวลาจำเอาไว้ เพราะฉะนั้นอย่ามาทำอะไรประเจิดประเจ้อ ในบ้านของฉัน ถ้าพ่อฉันเป็นอะไรลงไป เธอจะหาความสุขกับชีวิตที่เหลือไม่ได้ตลอดไป” เขาด่าด้วยอารมณ์โกรธ
“แล้วตกลงคุณต้องการยังไงกันแน่ คุณหาว่าฉันยุ่งกับคุณพ่อ ฉันก็กำลังจะออกห่างท่าน แล้วคุณจะเอายังไงอีกไม่ทราบ” เธอตอบโต้อีก
“ก็กับไอ้หน้าโง่ที่ไหน หรือใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนที่ฉันรู้จัก ไอ้หมอน่ะมันเป็นคนดี และขาวสะอาดเกินไป เกินกว่าที่นางบำเรอสกปรกๆ อย่างเธอจะดึงลงมาเกลือกกลั้วด้วยจำเอาไว้” เขาด่าเธออีก
“อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะคะคุณปลาย คุณก็น่าจะได้ยินสิ่งที่เขาบอกฉันนะ ว่าเขารักฉันยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ดังนั้นฉันก็คงจะไม่ทำให้เขาผิดหวังโดยการไปเปิดใจให้กับชายอื่นแน่นอน และถ้าเขาขอแต่งงานกับฉันครั้งต่อไปฉันก็จะตอบตกลงทันที ฉันจะได้ไปให้พ้นๆ จากคุณและครอบครัวที่คุณบอกว่ารักนักรักหนาไง คุณไม่ชอบหรือคะ คุณต้องเลือกเอาแล้วล่ะว่าจะยอมเสียฝ่ายไหน”
เธอโต้เขาและรีบวิ่งหนีเข้าบ้านไปก่อนที่จะอดรนทนตอบโต้เขาแรงๆ อีกไม่ได้ เขารีบเดินตามเธอเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่ทันเพราะเธอนั้นวิ่งผ่านพรรณีกับกรรชัยที่นั่งอ่านหนังสือที่ห้องนั่งเล่นไปแล้ว
“ปลาย! หนูสากลับแล้วเหรอลูก มาหาแม่หน่อยสิแม่มีเรื่องอยากจะคุยด้วย” พรรณีเรียกเขา
“คุณแม่มีอะไรครับ” เขาเดินไปหาอย่างว่าง่ายพร้อมทั้งทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แม่โดยที่กรรชัยนั้นยังคงอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“ปลายคิดยังไงกับหนูสาจ้ะ”
“ในแง่ไหนครับคุณแม่” เขาย้อนแม่แต่ก็รู้ว่าแม่นั้นหมายถึงอะไร
“ก็แบบนั้นน่ะลูก”
“ผมกับสาเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็แค่นั้นครับแม่ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น หรือถ้าจะมีก็คงอีกนานครับ ซึ่งอันนี้ผมตอบไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ ก็แล้วแต่เวลา และโอกาสหรือเหตุผลอื่นๆ ที่ผมยังตอบไม่ได้ครับแม่” เขาตอบตามจริง
“ใช่สิไม่ว่าจะกี่วันกี่ปีตั้งแต่คบกับวันวิสาข์มา ความรู้สึกเขาก็ยังมีต่อเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลย แต่กับใครบางคนที่เขาไม่อยากให้มันเกิดล่ะ ทำไมใจมันคอยจะพลั้งเผลอออกนอกลู่นอกทางกับเขาตลอดเวลา”
เขานึกโกรธตัวเองในใจ