เธอตอบพร้อมกับเดินตัดกุหลาบแล้วยื่นให้เขาใส่ตะกร้า
“แล้วขิมล่ะจ้ะ จะทำอะไรต่อ ถ้าไม่ได้ช่วยงานคุณลุงแล้ว”
เขาถามเพื่อหยั่งเชิงดูท่าทีของเธอ ซึ่งเทียมหทัยเองก็พอรู้อยู่บ้างว่าเขารู้สึกยังไงกับเธอ แต่มันก็ช่างยากเสียเหลือเกินสำหรับเธอ ที่จะรับเขาเข้ามาในหัวใจ เพราะเธอนั้นรู้สึกขยาดกับความเจ็บปวดที่เคยได้รับมา
และอีกอย่างหนึ่งเธอเองก็ พอจะสังเกตเห็นว่าคุณวิมลแม่ของปัญญานั้น ดูจะไม่ค่อยสนับสนุนให้ปัญญามาเกี่ยวพันกับเธอสักเท่าไหร่ เพียงแต่ขัดปัญญาไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะด้วยทั้งพรรณีและกรรชัยนั้นก็เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกระมัง จึงไม่กล้าแสดงออกมาให้เห็นต่อหน้าคนทั้งสองเท่าไหร่
“ไม่ใช่! .ไม่ได้ช่วยค่ะ เพียงแต่ความรับผิดชอบของงานขิมน้อยลงค่ะ แต่ก็ยังมีงานโน่นนี่ให้ทำตลอด พี่หมอถามทำไมคะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“เปล่าหรอกจ้ะ เพียงแต่พี่เห็นขิมทำงานมาตั้งหลายปีแล้ว ตั้งแต่เรียนจบ พี่อยากให้ขิมพักบ้างจ้ะ”
เขาตอบไปตามความรู้สึกที่แท้จริง เพราะตั้งแต่เขากลับจากเมืองนอกและได้มาเยี่ยมคุณพร้อมที่บ้าน ก็ได้มีโอกาสเจอกับเทียมหทัยอีกครั้ง หลังจากเคยพบเธอตอนเด็กๆ ก่อนที่เขาจะไปเรียนเมืองนอก เขาก็ได้รับรู้เรื่องราวของเธอจากปากของคุณพร้อมและพ่อของเขาในเรื่องต่างๆ นานาซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ดีๆ ทั้งนั้น
เขาเองก็ได้ประจักษ์แก่สายตาตัวเองในเวลาต่อมา! ..ว่าที่คุณพร้อมและพ่อของเขาบอกเล่ามานั้นเป็นจริงทั้งสิ้น แล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกเล่าที่เขาจะไม่รักเธอ แต่มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกเสียดาย! .นั่นก็คือ! .การที่เขาได้เจอเธอช้ากว่าเจ้าของแหวนที่เธอนั้นสวมไว้ที่นิ้ว และไม่ยอมถอดออกเสียทีเท่านั้นเอง
“แต่ขิมก็ไม่ได้ทำงานตลอดเวลานี่คะ อยู่ที่นี่ขิมก็สบายดีค่ะ”
“พี่ไม่ได้หมายความถึงอย่างนั้น พี่หมายความว่า พี่อยากจะให้ขิมพักและก็เตรียมตัวที่จะเป็นเอ่อ! ” เขาอ้ำอึ้ง
“ขิมว่าเราได้ดอกกุหลาบกับดอกมะลิเยอะแล้ว เรากลับไปหาคุณย่ากันเถอะค่ะ”
เธอรู้ดีว่าปัญญานั้นกำลังจะพูดอะไร จึงรีบตัดบท และก็กำลังจะเดินนำเขาไป แต่มือหนานุ่มของปัญญาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้
“ขิมๆ รู้ใช่มั้ยว่าพี่หมายความว่ายังไง พี่อยากให้ขิมลองมองสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตดูบ้าง พี่เห็นขิมเป็นแบบนี้แล้ว พี่ก็ไม่สบายใจ” เขาพูดพร้อมทั้งกุมมือเธอเอาไว้
“พี่หมอคะ ขิมขอบคุณพี่หมอค่ะ ที่เป็นห่วงขิม แต่ เอ่อ!..”
เธอพูดไม่ออกเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ อีก และทุกๆ ครั้งที่นึกถึงเรื่องราวพวกนี้มันก็จะเจ็บแป๊บเข้าไปในอกอยู่เป็นนิจ
“ขิม! พี่เข้าใจความรู้สึกของขิมนะ ว่ารู้สึกยังไงกับเรื่องที่ผ่านมา แต่ถ้าขิมไม่พยายามที่จะลืมมัน และเริ่มต้นที่จะรักใครสักคน ขิมก็จะจมอยู่กับความเจ็บปวดตลอดไป ซึ่งพี่ไม่อยากเห็นขิมเป็นแบบนั้นเลย เพราะพี่รักขิม…ขอโอกาสให้พี่ได้มีส่วนร่วมในการลบล้างความเจ็บปวดของขิมบ้าง! แต่งงานกับพี่เถอะนะ”
เขาสารภาพความในใจกับเธอในที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจว่าคำตอบที่จะได้รับนั้นจะออกมาเป็นเช่นไร แต่เขาก็ยินดีที่จะรับกับมัน
“พี่หมอ….”
เธอเรียกเขาเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นออกมาจากใจของเขา หรือเพียงเพื่อที่จะต้องการทำให้เธอนั้นลืมใครบางคนไปจากใจเท่านั้นเอง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เธอก็มิอาจที่จะลืมได้
แล้วผู้ชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนี้ล่ะ เธอจะทำยังไงกับเขา เขาเป็นคนดีเหลือเกิน แล้วเธอจะทำร้ายจิตใจเขาได้ยังไงกัน
“ขิมไม่จำเป็นจะต้องตอบว่ารักพี่ หรือว่าตอบตกลงจะแต่งงานกับพี่วันนี้ก็ได้ แต่พี่อยากจะให้ขิมรู้ว่า พี่รู้สึกยังไงกับขิม”
เขาพูดพร้อมทั้งกุมมือเธอไว้แน่นกว่าเดิมเพื่อเป็นการให้คำมั่นสัญญา ทำให้หญิงสาวนั้นพูดไม่ออก ได้แต่ยอมให้เขายึดครองมือน้อยๆ ของเธอเอาไว้ ท่ามกลางหมู่มวลพฤกษาที่ออกดอกชูช่อสลอน และกำลังโอนเอนลำต้นไปตามแรงลมที่พัดผ่านเข้ามาในสวน ประหนึ่งว่าพฤกษาเหล่านี้กำลังช่วยเขาอ้อนวอนให้เธอตอบตกลงรับรักเขาก็ไม่ปาน
“ขิมขอบคุณพี่หมอค่ะ ที่พี่หมอรักและเอ็นดูขิมมาโดยตลอด ขิมขอเวลาสักระยะหนึ่งจะได้มั้ยคะ” เธอพยายามหาคำพูดที่จะรักษาน้ำใจเขาให้มากที่สุด
“ไม่ว่าจะนานแค่ไหนพี่ก็จะรอจ้ะ แต่สิ่งหนึ่งที่พี่อยากให้ขิมรับรู้ก็คือ พี่ไม่สนใจว่าอดีตที่ผ่านมานั้นจะเป็นยังไง แต่ ณ ปัจจุบัน ขิมคือคนที่พี่รัก และจะแต่งงานด้วยคนเดียวเท่านั้น”
เขาบอกเธอออกไปเพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ และเขาก็รู้สึกโล่งใจเหลือเกินที่วันนี้ได้บอกในสิ่งที่เขาอยากจะบอกเธอมานานนับปีแล้ว
“ค่ะ และขิมก็อยากจะให้พี่หมอรับรู้ว่า หากวันหนึ่งข้างหน้าที่ขิมลืมเขาได้ ผู้ชายคนแรกที่ขิมจะรับไว้พิจารณาก็คือพี่หมอค่ะ แต่ขิมก็อยากให้พี่หมอเปิดโอกาสให้กับคนอื่นๆ ที่ผ่านมาในชีวิตพี่หมอด้วยค่ะ บางทีเธอคนนั้นอาจจะพร้อมทั้งรูปสมบัติ ฐานะ และทรัพย์สมบัติ ที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของพี่หมอมากกว่าขิมก็ได้นะคะ”
เธอไม่วายที่จะต้องมานึกพะวงในเรื่องที่ทำให้เธอนั้นต้องเจ็บปวดอีกจนได้
“ขิมจ๊ะ”
เขาวางตะกร้ากุหลาบลง แล้วสองมือก็เอื้อมไปจับหัวไหล่ของเธอ เพื่อที่จะมองหน้าเธอให้ชัดๆ ก่อนที่เขาจะบอกเธอ
“พี่ไม่เคยคำนึงถึงเรื่อง ฐานะ ชาติตระกูล ของขิมเลย และคุณพ่อคุณแม่พี่ก็เหมือนกัน ทุกคนรักและอยากจะได้ขิมมาเป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา และที่สำคัญ ไม่ว่าขิมจะเป็นใคร มากจากไหน ชาติกำเนิดเป็นยังไงพี่ไม่เคยยึดถือเอามาเป็นสิ่งสำคัญเลยแม้แต่น้อย แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ขิมเป็นคนดี เป็นคนมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ขิมมีคุณสมบัติผู้ดีครบถ้วน