“ขิมรักคุณค่ะ คุณได้ยินมั้ยขิมรักคุณ รักจนไม่เหลือหัวใจให้ใครอีกแล้ว” เธอเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่กลัวใครจะได้ยินเลยแม้แต่น้อย
“ผมก็รักคุณ! คุณขิม!”
เสียงเขาดังขึ้น พร้อมๆ กับร่างของเขาที่โผล่ออกมาจากระเบียงในชุดเจ้าบ่าวที่ไร้ซึ่งเงาเจ้าสาวตัวจริง เธอไม่อาจจะรู้ได้ว่าเขามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจที่จะไตร่ถามอีกต่อไปแล้ว พอรู้ว่าเป็นเขาเท่านั้น ต่างฝ่ายก็โผเข้ากอดซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของทั้งคู่ที่ไหลรินออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เขาได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า เธอนั้นรักเขามากเพียงใด แล้วทำไมเขาจะต้องเป็นคนทำร้ายคนที่เขารักและเธอรักเขาได้ถึงขนาดนี้ ไม่มีคำพูดใดสำหรับทั้งคู่นอกจากร่างสองร่างโอบกอดกันอย่างแนบชิดประหนึ่งกลัวว่าอีกฝ่ายนั้นจะหลุดหายไปไหน
“ขิมว่าพระจันทร์วันนี้สวยมั้ย”
เขาถามเธอขณะที่ทั้งคู่นั้นนั่งมองพระจันทร์ที่ระเบียง ทั้งๆ ที่นาฬิกาที่ข้อมือของเขาบอกเวลาตีสองแล้ว แต่สำหรับคนทั้งคู่นั้นมันช่างเป็นเวลาที่แสนสั้นเสียเหลือเกินที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกันและกัน เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างอบอุ่นไม่ผิดกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“สวยค่ะ”
คำตอบพร้อมกับเสียงเครือๆ เมื่อนึกถึงการที่จะต้องเสียเขาไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้
“เรามาสัญญากันต่อหน้าพระจันทร์นะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่สมหวังในความรัก แต่ผมก็ยังจะมีสิทธิ์ที่จะดูแลขิมในฐานะพี่ชายที่แสนดีได้ ขิมเป็นน้องผมนะ! ไม่ใช่สิ! ต้อง ขิมเป็นน้องพี่นะ”
น้ำเสียงเสียงเขาแหบพร่าด้วยความเจ็บปวดลึกๆ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ไปมากกว่านี้แล้ว แค่เขาหนีการส่งตัวมาที่นี่เพราะทนคิดถึงเธอไม่ได้ ป่านนี้เจ้าสาว และแม่ก็คงจะหาตัวกันให้วุ่น เพราะไม่สามารถติดต่อเขาได้
ทั้งคู่นั้นปิดมือถือเอาไว้ และทิ้งโลกภายนอกเอาไว้ภายหลัง เพราะนี่ก็คือคืนสุดท้ายที่ทั้งเขาและเธอจะได้อยู่แนบชิดกับแบบนี้ และเขาก็ไม่คิดจะทำอะไรที่จะเกินเลยไปมากกว่าการที่ได้มีเธอนั่งข้างๆ อยู่ในอ้อมกอดของเขาเพียงแค่ข้ามราตรีกาลนี้เท่านั้นเอง เขารู้ดีว่าไม่ควรที่จะทำให้เธอนั้นต้องมัวหมองไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ได้ค่ะ ขิมยินดีที่จะได้มีพี่ชายอีกคน ต่อไปนี้ขิมจะเรียกคุณว่าพี่ธรรนะคะ” คำพูดของเธอและน้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็ไหลรินออกมา และมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากเขาเลย
“ขิมจำเอาไว้นะ ไม่ว่ามีอะไรที่เกิดขึ้นกับขิม ทั้งดี และร้าย ขอให้ขิมนึกถึงพี่ ให้พี่ได้ทำหน้าที่พี่ชายที่ดีบ้าง ได้คอยช่วยเหลือขิมบ้าง จำไว้นะคนดีของพี่” เขาพูดขณะน้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาด
“ค่ะขิมจะจำเอาไว้ และขิมอยากจะบอกพี่ธรรนะคะ ว่าตราบใดที่แหวนวงนี้ยังคงอยู่ที่นิ้วข้างนี้ ขิมอยากให้พี่ธรรรู้ว่า ไม่มีใครที่จะเข้ามาแทนที่คนชื่อธรรทรได้เลย เพราะความรักของขิมนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ใครได้ง่ายๆ และเมื่อให้แล้วมันก็ยากที่จะเอาคืนง่ายๆ เหมือนกัน”
เธอพูดทั้งๆ ที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเขาและน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด
“พี่เองก็คงจะไม่ต่างอะไรไปจากขิมหรอกนะ ชั่วชีวิตของพี่ พบผู้หญิงมาก็มากมาย แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยที่ทำให้พี่ต้องเสียน้ำตา นอกจากขิมคนเดียว ความรักของพี่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับใครง่ายๆ และมันก็ไม่สามารถตัดใจได้ง่ายๆ เหมือนกัน แต่ชีวิตเราก็ต้องเผชิญกับความเป็นจริง เราไม่อาจจะโกหกตัวเอง ต่อหน้าที่ๆ เราพึงกระทำนะ จำคำพี่เอาไว้”
เขาบอกเธอด้วยความเข้มแข็ง และก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของเธอ พร้อมทั้งกระชับแขนเข้าหากัน กอดร่างของเธอแนบแน่น และเนิ่นนานเหมือนจะเป็นการให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะยังคงรักเธอคนเดียวและตลอดไป
“สว่างแล้วล่ะ เราจะต้องกลับไปพบกับโลกแห่งความเป็นจริงแล้วนะจ้ะคนดีของพี่” เขาคลายเธอออกจากอ้อมกอด และเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่แก้มขาวเนียนของเธอ
“เวลามันช่างสั้นเหลือเกินนะคะ ขิมไม่อยากให้มีเช้านี้เลยค่ะ ขิมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แค่นี้ และได้อยู่ใกล้ๆ พี่ธรรตลอดไป” เธอบอกและน้ำตาก็ไหลรินออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ขิมของพี่จะต้องเข้มแข็งนะรู้มั้ย ชีวิตของเรานั้นมีอีกยาวไกล เราจะต้องได้พบกับอะไรที่ใหม่ๆ อีกมากมาย เราจะต้องเข้มแข็งนะจ้ะรู้มั้ย” เขาโอบกอดเธออีกครั้งอย่างอาทร
“ค่ะขิมจะเข้มแข็ง”
เธอตอบแล้วทั้งคู่ก็สวมกอดกันเอาไว้และปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดนั้นไหลรินออกมาอีก จะว่าไปแล้วน้ำตาแห่งความเสียใจ และความเจ็บปวดของคนทั้งคู่นั้น มันแทบจะไม่ได้เหือดแห้งไปเลยนับตั้งแต่ที่เธอได้พบร่างของเขาในห้องนี้
ธรรทรพาเทียมหทัยมาส่งที่บ้านในตอนเช้า และก็พบว่าคุณพร้อม กรรชัย พรรณี ภัคคินี ภาวิณี และชุติมาเจ้าสาวที่เขาหนีการส่งตัวเข้าห้องหอไปเมื่อคืนนี้ ก็รอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว เขาพาเธอเข้าไปกราบขอโทษคุณพร้อม กรรชัย และพรรณีต่อการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควร และมันก็ทำให้กรรชัยนั้นโกรธจัดเหลือเกินกับการกระทำของเขา หากแต่คำพูดของลูกผู้ชายที่เขารับรองว่าไม่ได้เกินเลยเทียมหทัยนั้น
มันพอทำให้กรรชัยและทุกคนคลายความโกรธลงมาได้บ้าง คงจะมีก็แต่เพียงอานอกไส้ของเธอเท่านั้นที่แสดงแววตาที่รังเกียจเดียดฉันท์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด และทั้งเธอและเขาก็ต้องเผชิญกับแววตาที่เฉื่อยชาของชุติมาที่นั่งรอเขาตั้งแต่เช้าตรู่