แต่เท่าที่เขารู้จักเธอมา และพฤติกรรมที่เขาเห็นมา มันทำให้เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่าอาๆ นั้นเข้าใจไม่ผิดเลย และอีกประการหนึ่งก็คือ ไม่ใช่เพราะแม่คนนี้หรอกหรือที่ทำให้เขาไม่อยากจะกลับมาบ้านหลังจากเรียนจบนานแล้ว
“ก็พี่ปลายลองคิดดูสิคะ แม่นั่นทำงานอยู่ใกล้คุณลุงทุกวัน บางวันก็กลับกันดึกๆ ดื่นๆ ด้วยกัน” สาวิตรีเสริมแทนแม่
“จริงค่ะพี่ปลาย แล้วสุรู้มาว่า ที่ห้องทำงานคุณลุงนะคะ มีห้องนอนด้วยค่ะ” สุชาดาเสริมบ้าง
“แล้วปลายลองคิดดูสิว่าโอกาสที่แม่นั่นมันจะหว่านเสน่ห์ให้พ่อเราติดกับมันน่ะง่ายแค่ไหน ลำพังแม่เรากับคุณย่าน่ะเหรอ มันบอกอะไรก็เชื่อมันไปหมดแล่ะ แล้วหลงคิดว่ามันดีแสนดี ช่วยงานหัวไม่วางหางไม่เว้น นี่ถ้าสิ่งที่เราคิดมันเป็นความจริงขึ้นมานะ ไม่รู้แม่เราจะโรคหัวใจกำเริบช๊อกไปเหมือนเมื่อคุณหญิงรสรินทร์คราวก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้” ภัคคินีพูดอีกแรง
“จริงหรือครับอาภัค” เขาถามพร้อมทั้งคิดไตร่ตรองดูเหตุการณ์
“ปลายจำที่อาเคยเล่าให้ฟังได้มั้ย เรื่องที่มันน่ะ ลากคุณธรรทรไปนอนกกไว้ทั้งคืน ในคืนวันส่งตัวของเขาน่ะ แค่คืนนั้นทั้งคืน มันก็ถูกคุณธรรทรปู้ยี่ปู้ยำไปถึงไหนแล้ว พอเช้าเขาเอามาส่งงี้โทรมมาเชียว พ่อแกงี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย เรียกได้ว่าแทบจะตัดเป็นตัดตายกับคุณธรรทรเลยล่ะ เกือบจะยกเลิกสัญญาทำสนามกอล์ฟด้วยนะรู้มั้ย ดีที่คุณย่าห้ามเอาไว้ก่อน” ภาวิณีวิจารณ์อย่างออกรส
“แล้วที่สำคัญนะ มันยังมีหน้ามาบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างมันกับคุณธรรทร อมพระทั้งโบสถ์มาพูดอาก็ไม่เชื่อ ผู้หญิงเอาตัวไปประเคนให้ถึงห้องแล้วใครมันไม่ทำอะไร ผู้ชายอกสามศอกอย่างคุณธรรทรน่ะเหรอมีรึจะปล่อยให้มันหลุดมือ” ภัคคินีเสริม
“แต่คุณลุงคุณป้า และคุณย่าก็เชื่อมันนี่คะคุณแม่” สุชาดาบอกสมทบด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเอามากๆ
“นี่แค่ที่เรารู้นะ แล้วไอ้ที่ไม่รู้อีกล่ะ ไปตรวจงานที่สนามกอล์ฟอีกล่ะ ไม่รู้จะกกกันถึงไหนๆ ก็ไม่มีใครรู้หรอกนะหลาน”
ภาวิณีบอก ซึ่งทุกคำพูดที่เขาได้ยินนั้นล้วนแล้วแต่ก็มีมูลที่สามารถเป็นความจริงได้ทั้งนั้น และมันก็ทำให้เขานั้นยิ่งเกลียดเทียมหทัยเพิ่มเข้าไปอีก นี่เขาไม่น่าจะไปเสียเวลาอยู่ที่เมืองนอกนานๆ เลย เพราะวิธีที่จะไม่ต้องเจอหน้าเทียมหทัยนั้นไม่ได้มีแค่วิธีหลบหน้าเพียงวิธีเดียวเลย เขาน่าจะรีบกลับมาเพื่อหาทางทำให้หล่อนนั้นต้องเป็นฝ่ายไปแทนที่จะเป็นเขา
“พี่ปลายรู้หรือเปล่าคะว่าคุณลุงจะยกไร่ที่กาญจน์ให้มันทั้งหมดเลยนะ พอวิรู้แล้วแทบทนไม่ได้เลย วิเป็นหลานแท้ๆ คุณลุงยังไม่คิดจะยกอะไรให้เลย แล้วมันเป็นใครกัน” สาวิตรีรีบบอกข้อมูล
“ใช่มันบอกว่าถ้าปลายกลับแล้วมันจะขอพ่อเราไปอยู่ที่ไร่ ทำเอง บริหารเอง และสงสัยก็คงจะหาทางฮุบเอาไว้เองด้วยมั้ง ถ้าขืนหลานปล่อยให้มันไปอยู่ที่นั่นได้นะ โอกาสที่มันจะโกย และผลาญสมบัติพ่อเรานั้นยิ่งง่ายเข้าไปอีก นี่! ไม่รวมของสำคัญที่ทั้งพ่อเรา แม่เรา และคุณย่าประเคนให้มันนะ ไม่ว่าจะเป็นเงินเป็นก็นๆ เครื่องเพชรอีก ไม่รู้เท่าไหร่ ยายวิ ลูกสาวอายังได้ไม่ถึงครึ่งที่มันได้หรอกนะ เพราะนังนี่มันประจบเก่ง วันๆ ก็ขลุกอยู่กับคุณย่าทั้งวัน” ภาวิณีวิภาคอย่างเมามัน
“ถ้ามันเป็นอย่างที่คุณอา และทุกคนพูด ผมนี่ล่ะครับที่จะเป็นคนเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของแม่นั่นออกมาเอง แต่ก็ต้องอาศัยทุกๆ คนคอยเป็นหูเป็นตาให้ด้วยนะครับ มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็ให้รีบบอกผมด้วย อีกไม่นานหรอกครับผมจะเอาทุกอย่างที่เป็นของๆ เรากลับคืนมา และผมจะทำให้แม่นั่นต้องเตลิดออกจากบ้านของเราด้วยตัวของผมเอง”
ปลายตั้งปณิธานเอาไว้อย่างแน่วแน่ และแววตาฉายแววที่โกรธเกลียดคนที่ถูกพูดถึงจนดูน่ากลัว
“แล้วปลายจะทำยังไงล่ะลูก” ภัคคินีถาม
“นั่นสิคะพี่ปลาย สุเองยังมองไม่เห็นทางเลย”
“พี่เองก็ยังไม่รู้เหมือนกันยายสุ คิดยังไม่ออก แต่เมื่อไหร่ที่มีโอกาสพี่ก็จะลงมือทันที รับรองอีกไม่นานแน่นอน”
เขาบอกซึ่งทำให้ผู้ที่ได้ฟังที่สี่คนนั้นยิ้มด้วยความสะใจและยินดีที่ได้ปลายเข้าร่วมขบวนการอีกคน
“ปลายจะทำอะไรก็ระวังตัวด้วยนะลูก อย่าให้พ่อแม่และคุณย่าระแคะระคายเด็ดขาดนะ และที่สำคัญต่อหน้าทุกคนปลายจะต้องไม่แสดงอาการอะไรทั้งนั้น! คนเขาจะได้ไม่รู้ว่าเราคิดอะไรกับมันไง” ภัคคีณีบอก
“ไม่ต้องห่วงครับคุณอาผมมีวิธีของผมครับ งานกำจัดแม่นี่จะเป็นผลงานชิ้นแรกของผม หลังจากที่ไปหาประสบการณ์งานบริหารมาครับ” เขาบอกอย่างแน่วแน่อีกครั้ง
“งั้นก็เริ่มที่งานต้อนรับปลายเลยเป็นไง ส่วนทางอาและน้องๆ ถ้ามีโอกาสก็จะเล่นงานมันอีกแรงดีมั้ยหลาน” ภาวิณีรีบเสนอ
“คุณอาไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมจะหาทางของผมเอง เดี๋ยวคุณพ่อจะไม่พอใจคุณอาเปล่าๆ”
“จริงของปลายนะภา เราน่ะไปเกลียดมันออกนอกหน้าให้พี่กรรเห็นมากไปแล้วนะ เราเองก็ต้องคอยระวังด้วย เอาไว้ให้ลับหลังพี่กรรพี่ณีกับคุณแม่เมื่อไหร่ โอกาสเหมาะ เราค่อยเล่นงานมัน เอาให้มันเก็บผ้าออกจากบ้านไปไม่ทันเลย ดีมั้ย” สิ้นเสียงภัคคินีก็มีเสียงหัวเราะด้วยความสะใจของทุกคน