“ตาปลายหลานย่า ไม่เจอกันตั้งนาน ดูสิย่าจำเกือบไม่ได้ ตัวสูงขึ้นตั้งเยอะเลย” “คุณย่าสวัสดีครับ”
คุณพร้อมร้องเรียกปลายพร้อมทั้งรับไหว้หลาน และกอดไว้แนบอกและร้องไห้ออกมาโดยที่ไม่อายผู้คนที่อยู่ในสนามบินเลย
“คุณแม่คุณพ่อครับสวัสดีครับ”
ปลายรีบไปไหว้พ่อและแม่และโอบกอดด้วยความคิดถึงเพราะเขาจำได้ว่าไม่ได้เจอคนทั้งสองมาเกือบ 5 ปีแล้ว หลังที่พากันยกโขยงไปเยี่ยมเขาถึงอเมริกา
“ไห้วพระเถอะลูกกลับบ้านเสียสักทีนะ” พรรณีพูดพลางน้ำตาไหลตามคุณพร้อม “อาภัค อาภาสวัสดีครับ” เขาไหว้อาๆ ด้วยความนอบน้อม
“จ้ะหล่อไม่เบานะหลานอา”
ภัคคินีอดชื่นชมหลานชายไม่ได้ เพราะเขานั้นแทบจะถอดแบบกรรชัยเมื่อสมัยยังหนุ่มมาไม่มีผิด ร่างสูงโปร่ง จมูกโด่งเป็นสัน ผิวพรรณขาวสะอาดตา การแต่งตัวของเขานั้นก็เหมาะสมกับวัยสามสิบกว่าๆ
“แล้วนี่ใครกันจ้ะพ่อปลาย”
คุณพร้อมถามเพราะสงสัยว่าหลานชายพาใครมาด้วย ดูท่าทางแล้วเป็นกุลสตรีมีชาติตระกูลดีเหลือเกิน
“นี่วันวิสาข์ครับคุณย่า ลูกคุณลุงพิภพไงครับคุณย่าจำได้มั้ย พอดีเราไปพบกันที่โน่นผมก็เลยมีเพื่อนคุยตอนที่อยู่ที่โน่นครับ”
“ไหว้พระเถอะแม่หนู ตายจริงพ่อพิภพที่ทำธุรกิจส่งออกใช่มั้ยลูก”
“ค่ะคุณท่าน ไม่ทราบว่าจำสาได้มั้ยคะ คุณพ่อเคยพาสาไปขอพรจากคุณท่านก่อนที่จะไปเรียนไงคะ” วันวิสาข์ไหว้คุณพร้อมด้วยอาการนอบน้อม
“สาครับแล้วนี่จำคุณพ่อคุณแม่และอาๆ ผมได้มั้ย” เขาถาม
“ได้สิคะ สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า และคุณอา”
“อ้าว! แล้วนี่ใครมารับหนูจ้ะให้ลุงไปส่งนะบ้านเราก็อยู่ทางเดียวกันนี่” กรรชัยเสนอ
“ผมตั้งใจไว้อย่างนั้นพอดีครับคุณพ่อ งั้นเรากลับบ้านเราเถอะครับ ผมคิดถึงบ้านเต็มทีแล้ว” เขารีบตัดบท
“คิดถึงแล้วทำไมไม่ยอมกลับสักทีล่ะลูก” พรรณีตัดพ้อทั้งเดินไปพร้อมกับสามีและทุกๆ คน
“ถึงบ้านเราสักทีลูกดูสิว่าใครรอลูกอยู่เอ่ย”
พรรณีพูดขณะที่รถแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูบ้าน พร้อมทั้งเห็นบังอรและทุกๆ คนในบ้านมายืนรอรับปลายแล้ว รวมทั้งเทียมหทัยก็ยืนรออยู่ด้วย
“ป้าอรสวัสดีครับ” เขาไหว้หลังจากลงจากรถแล้ว
“โอ้โห! คุณปลายของป้าหรือคะนี่ ดูสิคะป้าจำแทบไม่ได้เลย ครั้งสุดท้ายเห็นนี่ยังตัวเล็กๆ อยู่เลยค่ะ โถพ่อคุณของป้าดีใจจริงๆ เลยค่ะที่ไม่ลืมคนแก่อย่างป้า”
บังอรรับไหว้ปลายพร้อมทั้งน้ำตาคลอเพราะความคิดถึง
“อ้าวยัยขิมมาไหว้พี่เขาสิลูกจำพี่เขาได้มั้ยจ้ะ สองคนนี้ไม่ได้เจอกันน่าจะยี่สิบปีเห็นจะได้แล้วนะ” คุณพร้อมรีบบอก
“สวัสดีค่ะพี่ปลาย”
เทียมหทัยเดินมาไหว้เขาด้วยอาการนอบน้อม แต่สายตาของคนรับไหว้แบบเสียไม่ได้นั้นมองกวาดเธอตั้งแต่หัวจรดท้าย และออกอาการที่ไม่เป็นมิตรกับเธอเอาเสียเลย ในความรู้สึกของเธอตั้งแต่เจอเขาครั้งสุดท้ายจนถึงวันนี้นอกจากรูปร่างหน้าตาเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่แววตาที่บ่งบอกความเกลียดชังที่มีต่อเธอนั้นยังคงเป็นดวงตาคู่เดิม เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน
“เข้าบ้านเราเถอะลูกกลับมาเหนื่อยๆ” พรรณีบอก
“ยัยขิมหอบอะไรมาลูก! พะรุงพะรังกลับมาเชียว”
พรรณีที่นั่งดูอัลบั้มรูปกับปลายร้องถามหลังจากที่เห็นเทียมหทัยกลับจากทำงานพร้อมกับกรรชัย
“อ๋อ! รายการอาหารและรายชื่อแขกที่จะมาในงานค่ะ พี่ปลายจะดูก่อนมั้ยคะ เผื่อมีอะไรจะเพิ่มเติมขิมจะได้เปลี่ยนให้ค่ะ” เทียมหทัยถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
“คุณพ่อเป็นไงบ้างครับเหนื่อยหรือเปล่าครับ” เขาเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามเธอเอาดื้อๆ
“ไม่เหนื่อยหรอกลูกว่าแต่เป็นไง ปรับเวลาเข้ากับบ้านเราได้หรือยัง”
กรรชัยถามเพราะปลายนั้นกลับมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว ก็ใช้เวลาขลุกอยู่กับพรรณีและคุณพร้อมให้ทั้งสองหายคิดถึงก่อน แล้วจึงจะไปเริ่มงาน
“ก็ใกล้แล้วครับคุณพ่อ”
“ว่าไงคุณหายคิดถึงลูกหรือยัง เจ้าปลายจะได้เข้าไปรับงานต่อจากผมสักที นี่ก็ทำรอมาตั้งนานแล้วนะจะได้สบายก็คราวนี้ล่ะ” กรรชัยถามภรรยาพร้อมทั้งแหย่ลูกชายไปด้วย
“คุณก็! ลูกเพิ่งมาได้ไม่กี่วัน ก็จะให้ทำงานแล้วขอณีอยู่กับลูกนานๆ ก่อนนะคะยังไม่หายคิดถึงเลย”
“อ้าวงั้นก็ตามสบายเลยนะ ผมไม่กวนแล้วขอไปอาบน้ำก่อน เหนียวตัวจังเลย ไปยัยขิม! .ไปอาบน้ำกันเถอะลุยมาทั้งวันเหมือนกันนะเรา”
กรรชัยพูดพลางเอามือมาตบบ่าเทียมหทัย ซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของปลายตลอดเวลา และเขาก็ไม่ชอบเอาเสียเลย
“ค่ะคุณพ่อ”
เทียมหทัยรับคำอย่างว่าง่ายพร้อมทั้งเดินตามกรรชัยขึ้นไปชั้นบน โดยมีสายตาคู่ดำเข้มมองตามไปอย่างไม่ลดละ และพรรณีก็สังเกตเห็นสีหน้าของลูกชายที่ไม่ค่อยชอบหน้าเทียมหทัยได้โดยไม่ยากเลย
“ก็มีคนคอยให้ท้ายมันไงตาปลาย มันถึงได้ๆ ใจ ไม่เห็นหัวหงอกหัวดำของพวกอาๆ ทุกวันนี้อางี้เกลียดมันเข้ากระดูกดำเชียวนะ อาว่ามันจะต้องทำอะไรกับพ่อเราแน่ๆ เลย ไม่เชื่อปลายคอยสังเกตสิอยู่บ้านเดียวกันแล้วนี่”
ภาวิณีบอกปลายขณะที่เขามาเยี่ยมที่บ้านพร้อมทั้งภัคคินีกับสุชาดาบุตรสาวและสาวิตรีบุตรสาวของภาวิณี ซึ่งทั้งสองนี้ก็ไม่ค่อยอยากจะเป็นมิตรกับเทียมหทัยเท่าไหร่มาตั้งแต่เล็กจนโต เรียนจบจากเมืองนอกมาแล้วก็ยังคงความรู้สึกแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
“อะไรที่ทำให้อาภาคิดอย่างนั้นครับ”
เขาถามเพราะสงสัยและก็อยากรู้ เพราะที่ผ่านมานั้นเขาก็จะได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านของเขาจากอาๆ เสมอ ฉะนั้นการที่เขาจะเข้าใจอะไรๆ ที่ไม่ถูกต้องโดยการรับข้อมูลจากอาเพียงฝ่ายเดี๋ยวนั้นก็ย่อมเป็นไปได้ แต่ปลายเองก็ไม่ใช่คนที่มีวิสัยทัศน์ที่คับแคบจนจะตัดสินใครเพียงแค่คำบอกเล่าของอาเขา