“พี่ปลายคะ! ว่างหรือเปล่าคะ ขิมรบกวนเวลาสักครู่ได้มั้ยคะ พอดีขิมเอารายชื่อแขก และรายการอาหารมาให้พี่ดูค่ะ ว่าจะเพิ่มเติมอะไรหรือเปล่า เพราะแขกส่วนใหญ่ที่มีนั้น ไม่รู้ว่ามีเพื่อนๆ พี่ปลายอยู่ในนี้ครบหรือเปล่าค่ะ วันมะรืนก็จะถึงวันงานแล้ว”
เทียมหทัยจำต้องเข้ามาหาปลายเอง ขณะที่เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหลังบ้าน โดยมีบังอรคอยลุ้นและให้กำลังใจเธออยู่ห่างๆ เพราะเธอไปเกลี้ยกล่อมให้บังอรช่วยแล้วแต่ไม่สำเร็จ ก็เลยจำจะต้องลองมาเข้าหน้าเขาเอง เพราะเธอก็ไม่อยากคิดไปเองว่าเขาตั้งแง่ตั้งงอนกับเธอ แต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้ เพราะตั้งแต่เขากลับมานั้น เขาแทบจะไม่เคยปริปากพูดกับเธอเลย
“ก็ไหนบอกว่าเธอทำงานเก่งไง กับอีแค่รายชื่อแขกของฉันแค่นี้ นักการตลาดอย่างเธอไม่น่าจะไม่มีความสามารถหาไม่ได้นะ หรือว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ใครๆ บอกฉันว่าเธอทำงานเก่งอย่างนั้นอย่างนี้มันไม่จริง” เขาพูดกับเธอในที่สุด เพราะเห็นโอกาสที่ปลอดคน
“เอ่อ! พอดีขิมไม่แน่ใจค่ะว่าใครเป็นแขกของพี่ปลายบ้างค่ะ ถ้ามัวแต่ไปหาก็เกรงว่าจะไม่ทันการณ์ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวขิมจะลองดูก็แล้วกันนะคะ แล้วเรื่องเมนูอาหารพี่ปลายอยากทานอะไรนอกเหนือจากนี้บ้างหรือเปล่าคะ ส่วนใหญ่ที่จัดไว้จะเป็นอาหารไทยๆ ค่ะ ขิมเห็นพี่ปลายอยู่เมืองนอกนาน น่าจะอยากทานอาหารไทยๆ จริงมั้ยคะ”
เธอพยายามสงบสติอารมณ์ เพราะไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเขา นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ป่านนี้เธอก็คงจะต้องย้อนเขากลับไปบ้างแล้วล่ะ แต่คิดอีกทีก็อย่าเลย เพราะเธอเองก็อยู่ในบ้านนี้ในฐานะอะไร และอีกอย่างตัวจริงเขาก็มาแล้ว ตัวแทนอย่างเธอก็คงจะไม่มีความหมายอะไร คิดแค่นี้ก็ทำให้เทียมหทัยไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับใครอีกแล้ว เพราะตั้งแต่เขากลับมานั้น คนที่ไม่ค่อยชอบหน้าเธอนั้น ชักจะขยันหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคอยพูดกระทบกระเทียบเธอ เมื่อเวลาที่เธออยู่ลับหลังกรรชัย พรรณี หรือคุณพร้อม
“ไม่ต้องก็ได้ เอาวางไว้ตรงนี้ก่อน ฉันอ่านหนังสือเสร็จแล้วจะดูให้” เขาบอกโดยที่ไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ
“ค่ะ” เธอรับคำแล้วก็หันหลังกลับ
“เดี๋ยวก่อน ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ” เขาพูดและลุกเดินไปหาเธอ
“เธอก็พอจะเดาออกใช่มั้ยว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ” เขาถาม
“...” แต่ไม่มีเสียงตอบจากเธอ
“ถ้าเธอไม่ตอบ! ฉันจะถือว่าเธอรับรู้นะ เพราะฉะนั้นฉันอยากจะให้เธอรู้ว่าระหว่างฉันกับเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ กันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ใช่ต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่ หรือคุณย่า เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมานับญาติกับฉัน และมาเรียกฉันว่าพี่
เพราะฉันไม่มีน้อง ไม่มีมาตั้งแต่เมื่อยี่สิบกว่าปีแล้ว และไม่ว่าเธอกำลังจะทำอะไรกับครอบครัวของฉันก็ตาม ฉันขอแนะนำว่าให้เลิกคิดได้แล้ว เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้ทุกคนเห็นว่า เธอมันก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนักหนาเหมือนกับที่พ่อแม่ฉันชื่นชมเธอหรอกนะ
สิ่งที่ฉันยอมรับเธอได้ในตอนนี้คือ เธอมันก็เป็นได้แค่นางบำเรอพ่อฉัน เอาไว้ให้ท่านคลายเหงาเท่านั้นเอง นอกเหนือไปกว่านี้แล้วเธอมันไม่มีค่าอะไรในสายตาฉันเลย อ้อ! แล้วที่ฉันยอมให้คนชั่วๆ อย่างเธออยู่ในบ้านของฉัน! ก็เพราะฉันห่วงคุณแม่กับคุณย่าหรอกนะ ไม่อยากให้ท่านช๊อกตาย
เพราะรู้ว่าธาตุแท้ของเธอนั้นเป็นยังไง เดี๋ยวจะเป็นเหมือนคุณหญิงรสรินทร์ที่หมดสติไปนานสองนาน โชคยังดีที่ฟื้นขึ้นมาทัน จึงได้ดึงเอาลูกชายเธอให้กลับไปอยู่กับคนที่เหมาะสม แต่ฉันไม่แน่ใจว่าแม่กับย่าฉันจะโชคดีอย่างนั้นหรือเปล่า”
เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่เอาจริง นัยต์ตาจ้องมองมาที่เธอด้วยความเกลียดชัง จนทำให้คนฟังนั้นรู้สึกกลัวกับท่าทางและน้ำเสียงของเขา
“ดิฉันไม่ทราบว่าคุณพูดหมายความว่ายังไงนะคะ และดิฉันก็ไม่ทราบว่าเรื่องที่คุณได้ยินมานั้นจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน แต่ก็เอาเถอะค่ะ ต้องขอบคุณนะคะที่คุณกรุณาบอกดิฉันตรงๆ ว่าคุณรู้สึกยังไงกับดิฉัน ถ้าไมตรีที่ดิฉันยื่นให้คุณ แล้วคุณไม่รับ
ดิฉันเองก็ช่วยไม่ได้ค่ะ งั้นเราก็ลองมาดูสักตั้งก็แล้วกันนะคะ ว่าระหว่างฉันกับคุณนั้น คุณพ่อ คุณแม่ และคุณย่า จะโปรดปรานใครมากกว่ากัน อ้อ! แล้วอีกอย่างนะคะ ไหนๆ คุณก็คิดและมองดิฉันในทางไม่ดีแล้ว งั้นดิฉันก็ขอเตือนให้ระวังไว้ด้วยนะคะ
อีกไม่นานต่อจากนี้ไป คุณอาจจะเหลือแต่กางเกงตัวเดียวติดตัวก็ได้ เพราะสมบัติทุกชิ้นของคุณมันจะกลายมาเป็นของฉัน และก็ไม่แน่นะคะ วันดีคืนดีดิฉันอาจจะเลื่อนตัวเองมาเป็นแม่เลี้ยงแทนที่จะเป็นแค่นางบำเรออย่างที่คุณคิดก็ได้”
เธอตอกเขากลับด้วยอาการโกรธ และก็ไม่รู้ว่าคำพูดที่ออกมานั้น เอามาจากไหน เพราะมันไม่ได้อยู่ในความคิดเธอเลยสักน้อย เธอแค่เพียงจะหาเรื่องเอามาตอบโต้เขาก็เท่านั้นเอง แต่มันไม่ได้แค่นั้นเลย เพราะมันทำให้คนฟังนั้น ฉายแววตาที่โกรธและเกลียดชังเธอยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ เขาแทบอยากจะฉีกเลือดฉีกเนื้อของเธอออกเป็นชิ้นๆ ถ้าทำได้
“ในที่สุดเธอก็ยอมรับออกมาแล้วใช่มั้ย งั้นก็ดีเลย แล้วเธอจะได้รู้ว่าฉันน่ะน่ากลัวแค่ไหน และเธอก็กำลังคิดผิดที่ตัดสินใจมาเป็นศัตรูของฉันจำเอาไว้”
เขาเอื้อมสองมือไปบีบหัวไหล่ของเธออย่างแรงเพื่อเป็นการขู่ จนทำให้เทียมหทัยนั้นรู้สึกลัวและเสียใจที่ไม่น่าไปต่อกลอนกับเขาเลย
“ด้วยความยินดีค่ะคุณปลาย ปล่อย! ถ้าคุณไม่เลือกรายชื่อแขก และรายการอาหารดิฉันจะจัดการตามแต่จะเห็นสมควร แล้วอย่ามาโทษดิฉันทีหลังไม่ได้นะ”
เธอปัดมือเขาออกแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไป โดยที่การกระทำของทั้งสองคนนั้นอยู่ในสายตาของบังอรที่รอลุ้นว่าการที่เธอแนะนำให้เทียมหทัยเข้ามาถามปลายเอง เพื่อจะได้เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเธอและปลายนั้นผลออกมาจะเป็นยังไง