“วันนี้เธอเป็นอะไรไป ทำไมทำงานที่ฉันมอบหมายให้ออกมาแย่ขนาดนี้ งานกาล่าดินเนอร์แขกเป็นพันๆ คน แผนกเธอทั้งแผนกคิดแผนงานได้แค่นี้เหรอเทียมหทัย”
เขาเรียกเธอเข้ามาด่าหลังจากเขาพบว่าเป็นเวลาเลิกงานแล้ว เพราะเขารู้มาว่าวันนี้เธอมีนัดกับปัญญาจึงพยายามหาเรื่องแกล้งเธอให้สะใจเล่น
“ดิฉันกับทีมงานเสนอแผนผังของงานนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะคะ มันไม่มีแผนไหนที่คุณถูกใจเลย พวกเรามีความสามารถทำได้แค่นี้ค่ะ ถ้าคุณอยากจะได้ดีกว่านี้คงจะต้องทำเองแล้วล่ะค่ะ และอีกอย่างนะคะ เจ้าของงานเขาต้องการให้งานออกมาแบบเรียบๆ ดิฉันเชื่อว่าแผนงานที่ฝ่ายขายและฝ่ายจัดเลี้ยงของเราที่เสนอมาให้คุณวันนี้จะต้องถูกใจคุณหญิงแน่ค่ะ”
เธอตอบเขาตามความเป็นจริง
“ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆเลย นี่คงคิดว่าจะได้จับลูกเจ้าของโรงพยาบาลใหญ่แล้วสินะ ถึงได้ไม่สนใจเรื่องงาน วันๆ เอาแต่คิดหาทางยั่วเขา ทำไมไม่หอบข้าวของไปอยู่กับมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องจัดงานแต่งให้มันเมื่อย แล้วก็เปลืองงบประมาณโรงแรมฉันด้วย เพราะไหนๆ เธอกับมันก็! ฉันไม่อยากจะพูดถึงมัน! .เอางานกลับไปแก้ให้ฉันจนฉันจะพอใจ ห้ามเธอกับลูกน้องออกไปไหนเด็ดขาด” เขาด่าและสั่งเธอ
“คงจะไม่ได้หรอกค่ะคุณปลาย นี่มันเลยเวลางานของลูกจ้างอย่างพวกฉันแล้วพวกเราทำงานให้คุณมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็กลับบ้านกันหมดแล้วค่ะ และถึงไม่กลับฉันก็จะไม่พาพวกเขาทำให้อีกแล้ว ในเมื่อพวกเราไม่รู้ว่าไอ้ความพอใจของคุณมันอยู่ตรงไหน ตัวดิฉันเองก็หาไม่เจอ เพราะพยายามที่จะใช้เวลาหามันทั้งวันแล้ว ก็ยังหาไม่พบ ฉันมีนัดสำคัญ”
เธอรวบรวมความกล้าลุกขึ้นมาขัดขืนเขา เพราะทนไม่ได้จริงๆ
“อย่ามาก้าวร้าวกับฉันนะเทียมหทัย เธออย่าลืมว่าเธอยังคงอาศัยชายคาบ้านฉัน เป็นที่ซุกหัวนอนอยู่ ให้ไอ้หมอมันตกมาแต่งเธอเป็นเรื่องเป็นราวซะก่อนเถอะ โบราณเขาว่าไว้ ยังไม่เห็นน้ำอย่าได้ริไปตัดกระบอกรอ ! เดี๋ยวมันจะเก็! ฉันสั่งให้เธอทำอะไรก็ต้องทำ เธอคงไม่อยากจะขัดใจฉันหรอกนะ ฉันคิดว่าเธอคงจะจำได้ว่าบทลงโทษของฉัน! .มันร้อนแรงแค่ไหน เอ! หรือว่าติดใจอยากจะลองอีก” เขาด่าเธอและลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงมาที่เธอทันที
“ฉันจะทำงานให้กับคนที่มีเหตุผลเท่านั้น คุณอย่าคิดนะว่าที่ฉันยอมให้คุณรังแกได้เพราะว่าฉันกลัวคุณ ฉันแค่ไม่อยากให้คุณแม่ท่านต้องไม่สบายใจต่างหาก ทำไมเหรอคะ คราวนี้คุณจะเอางูอะไรให้มากัดฉันอีกล่ะ”
เธอเถียงเขาอย่างรู้ทัน และก็รีบลุกขึ้นเพื่อที่จะหนีเขา
“ปากดีนักนะ”
เขาดึงร่างเธอเข้ามาระดมจูบด้วยความโมโหและโหยหาในเวลาเดียวกัน หญิงสาวดิ้นหาอิสระจากอ้อมกอดของเขาแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะวงแขนแข็งแรงราวปลอกเหล็กนั้นรั้งร่างเธอเอาไว้แน่น ลิ้นของเขาควานหาความหอมหวานจากเรียวปากงาม จนยากที่เขาจะผละออกได้
วงแขนของเขาค่อยๆ คลายจากแน่นเป็นผ่อนให้เธอนั้นสบายตัวขึ้น แต่เขายังดูดดื่มบนเรียวปากงามของเธอ ราวกับภมรที่เพิ่งค้นพบความหอมหวานจากเกสรดอกไม้ก็ไม่ปาน ไม่นานเขาก็ดึงสติกลับมาได้และปล่อยให้เธอเป็นอิสระในที่สุด
“ฉันเกลียดคุณ”
เธอด่าเขาพร้อมกับมือน้อยๆ ฟาดลงไปที่ใบหน้าอันคมสันของเขาก่อนที่จะวิ่งหนีออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจข้าวของที่กองอยู่ที่ห้องเขานั่นเอง เขาเอามือมาลูบตรงที่ถูกฟาดลงไปแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความสะใจที่ได้แกล้งให้เธอได้โกรธ ราวกับว่าเขาชอบดูหน้าเธอเวลาโกรธนั้น มันช่างน่ามองและหน้าเอ็นดูเหลือเกิน แต่ไม่นานเขาก็ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมพร้อมกับสีหน้าที่กังวลกับเรื่องที่ตัวเองผูกเอาไว้แต่หาทางแก้ไม่ออก! ..แล้วเขาก็กดโทรศัพท์ไปสั่งงานเลขาฯ ที่กลับบ้านไปแล้ว
เทียมหทัยกลับมาถึงบ้านด้วยแท็กซี่ เพราะเพิ่งจะนึกได้ระหว่างวิ่งออกจากห้องทำงานของเขา ว่าไม่ได้หยิบเอาอะไรออกมาจากห้องของเขาเลยไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงิน และกุญแจรถ และหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ได้บอกให้บังอรสั่งเด็กช่วยเรียกแท็กซี่ให้เธอเพราะบอกว่านัดปัญญาเอาไว้ที่ร้านอาหารแต่จะไปเอาของก่อนจะไปตามนัด
“ทำไมไม่เอารถอีกคันไปล่ะคะคุณขิมป้าไม่อยากให้นั่งแท็กซี่เลย”
บังอรบอกในที่สุด
“ไม่เป็นไรค่ะป้าอร ขิมก็แค่จะไปเอารถที่เพื่อนยืมไปแล้วก็ไปกินข้าวกับพี่หมอแค่นั้นเองค่ะ ขิมดูแลตัวเองได้นะคะ”
เธอรีบบอกบังอรก่อนจะวิ่งไปขึ้นแท็กซี่!แล้วตรงไปที่ออฟฟิศ เพราะบ้านเพื่อนที่เธอบอกบังอรไว้นั้นก็คือที่ออฟฟิศนั่นเอง
เทียมหทัยให้แท็กซี่มาส่งตรงทางเข้าของผู้บริหารที่ไม่ต้องผ่านตาผู้คนแม้แต่คนเดียว และก็ไม่วายที่จะชำเลืองมองหารถของปลายว่ายังจอดอยู่ที่โรงจอดรถหรือไม่ หญิงสาวแสดงอาการโล่งอกเพราะไม่มีแม้แต่วี่แววรถของเขาที่จอดอยู่ และเทียมหทัยก็ให้แท็กซี่กลับไปได้ แล้วเธอก็มุ่งหน้าไปที่ออฟฟิศ เธอเข้าออฟฟิศได้อย่างสบายเพราะมีกุญแจตรงจุดที่สำคัญๆ ต่างๆ เอาไว้
แม้กระทั่งกุญแจห้องทำงานของปลายถ้าเขายังไม่เปลี่ยนกุญแจใหม่ก็คงจะเป็นดอกเดียวกับที่เธอเคยใช้เปิดห้องกรรชัยเมื่อครั้งที่ทำงานอยู่นั่นเอง และมันก็เป็นจริงอย่างที่เธอคิดเอาไว้ ห้องของเขาปิดไฟมืด เธอเปิดประตูเข้าไปแล้วเปิดไฟก็พบว่าข้าวของทุกอย่างยังคงวางไว้ที่เดิม ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ มือถือของเธอดังขึ้นมา
“พี่หมอหรือคะ ขิมแวะมาหาเพื่อนแป๊ปหนึ่ง! แล้วก็จะไปหาพี่หมอเลยค่ะ งั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะ”
เธอพูดตามสายด้วยน้ำเสียงที่สดใส และก็กำลังจะเดินออกไปจากห้องของเขา ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้ง จึงทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเขา