“ไม่เป็นไรหรอก เวลามันย่อมพิสูจน์ความจริงได้เสมอเพื่อน” เขาตอบออกไป
“ใช่เวลามันจะพิสูจน์จริงๆ ด้วย” ปลายบอกเพื่อนอย่างมีความนัย
“แล้วของนายล่ะจะจัดเมื่อไหร่ปัญญา อย่าปล่อยไว้นานนะโว้ย เดี๋ยวคุณขิมเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น แล้วจะรับประทานแห้วนะ จะหาว่าไม่เตือนนะเพื่อน” อุเทนห์พูดขึ้น
“ถ้าเป็นฉันนะจะรีบจับแต่งเลยหวะ ก็ดูคุณขิมสิระดับนางสาวไทยเลยนะ ไม่รู้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของเธอเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้นะ ถึงได้มีลูกสาวที่สวยได้ขนาดนี้”
รังสรรค์พูด ซึ่งก็ทำให้ปลายนั้นนึกถึงเรียวปากอวบอิ่ม และรสจูบที่เขาได้ลิ้มลองความหอมหวานนั้นแล้วก็ต้องถอนใจกับสิ่งที่เขาตัดสินใจไปในครั้งนี้
“ฉันจะแต่ง ก็ต่อเมื่อขิมพร้อมจริงๆ เท่านั้นหวะ ฉันอยากให้เธอพร้อมทั้งกายและใจที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของฉัน” ปัญญาบอกเพื่อนพร้อมหันไปหาสาวน้อยที่เขาพูดถึง ที่นั่งร่วมสนทนาอยู่ที่โต๊ะของวันวิสาข์อีกฟากหนึ่ง
“ฉันเห็นด้วยหวะ ยังไงคุณขิมก็คงหนีไม่พ้นนายหรอกปัญญาเพราะฉันไม่เห็นเธอจะยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ได้นอกจากนาย เพื่อนของเพื่อนฉันเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนที่จะแกจะกลับมาเมืองไทยนะ เขาเคยมาจีบคุณขิมด้วย แต่ก็โดนคุณขิมปฏิเสธแบบผู้ดีจนหนีแทบไม่ทันเลยหวะ” อุเทนห์เล่า
“จริงเหรอ แล้วขิมปฏิเสธยังไงวะ” ปัญญาถามเพราะอยากจะรู้
“ก็คุณขิมเล่นไปบอกมันว่า เธอเป็นแค่ลูกเลี้ยงคุณลุง พ่อแม่ที่แท้จริงไม่รู้เป็นใคร เธอเคยรักผู้ชายคนหนึ่งแล้วก็ไม่สมหวังแต่ยังรักเขาอยู่ไม่รู้ว่าอีกกี่ปี กี่ชาติ ถึงจะลืมผู้ชายคนนั้นได้ และเธอก็เคยแย่งตัวเจ้าบ่าวจากงานแต่งงานเอาไปนอนค้างอ้างแรมสองต่อสองทั้งคืน จากคุณสมบัติต่างๆ ที่เธอบอก ถ้าเขายินดีที่จะคบกับเธอๆ ก็ยินดี แต่เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น แต่ถ้าคิดว่าไม่ได้ก็จงรีบไสหัวไปให้พ้นๆ หน้าเธอเลย” อุเทนห์เล่าด้วยอารมณ์ขัน
“เอ้ย! ไอ้ประโยคหลังนี่ฉันแต่งเองหวะสะใจดี” เขาหัวเราะพร้อมกับเพื่อนๆ ในวง
“แล้วเวลาแกจีบคุณขิมเธอบอกแกอย่างนี้หรือเปล่าวะไอ้หมอ” รังสรรค์ถามเขา
“ไม่มีนี่แต่เรื่องของขิมนี้ฉันรู้มาจากคุณป้าตั้งนานแล้ว แต่ฉันมั่นใจว่าขิมไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆ หรืออย่างที่เธอบอกใครๆ ไปหรอก แกรู้มั้ยว่ากว่าที่ขิมจะยอมรับหมั้นฉันนะ เลือดตาแทบกระเด็น ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ใจแข็งเสียจริงๆ เลย” ปัญญาบอกเพื่อน
“นี่ถ้าได้แต่งงานกันไปนะ แล้วเกิดฉันเผลอนอกลู่นอกทางไป สงสัยขิมรู้เข้ามีหวังโกรธฉันไปจนตายแน่ๆ เลย” ปัญญาบอกเพื่อนอีก
“เอ้ย! น้องแกใจแข็งขนาดนั้นเลยเหรอวะปลาย” รังสรรค์ถามเพราะเห็นเขาเงียบเอาแต่ฟังเพื่อนๆ คุย
“ไม่รู้หวะต้องรอดูตอนที่ไอ้หมอมันเผลอนอกลู่นอกทางหวะ” เขาตีรวนเพื่อนๆ ทำให้ทุกคนหัวเราะอย่างออกรส
“นี่เจ้าหมอว่าแต่คุณขิมเขารับหมั้นนายแค่ปากเปล่านะ เกิดวันหลังเปลี่ยนใจจะว่าไง แกหาหลักประกันเอาไว้ยึดหรือยังวะ” เพื่อนในกลุ่มของเขาแหย่
“แกหมายความว่ายังไงวะหลักประกันเอาไว้ยึด” ปัญญาถามเพื่อนอย่างงงๆ
“ก็มันหมายถึงเรื่องอย่างนั้นน่ะไอ้หมอ” อุเทนห์ตอบแทนเพื่อน
“เอ้ย! พวกนายนี่ชักลามปามมากไปแล้วนะ ไม่เอาแล้ว คุยกับพวกนายนานๆ เริ่มจะไร้สาระแล้วไปหาขิมดีกว่า” เขาว่าแล้วก็ผละจากเพื่อนๆ ไปหาเทียมหทัยที่โต๊ะ
“อ้าว! ดูมันสิพอมีแฟนแล้วลืมเพื่อนหวะ นี่ถ้ามันแต่งงานไปสงสัยมันไม่เห็นหัวพวกเราแน่ๆ เลยหวะพวกแกว่ามั้ยวะ” อุเทนห์ว่าตามหลังเพื่อน
“แต่มันไม่ยอมรับแบบนี้ฉันว่าชัวร์เลยหวะ คุณขิมไม่รอดแน่ แกว่ามั้ยปลาย รู้สึกยังไงที่จะได้เพื่อนมาเป็นน้องเขยวะ” รังสรรค์แหย่เพื่อน
“ไม่รู้เว้ย! .ฉันกับไอ้หมอตัวไม่ได้ติดกัน ไม่มีความคิดเห็นหวะ”
เขาตอบออกไปอย่างนั้น แต่ในใจแล้วก็อดที่จะครุ่นคิดสิ่งที่เพื่อนๆ คุยไม่ได้
“แล้วถ้ามันจะเกิดขึ้นล่ะเขาจะทำอะไรได้ก็ในเมื่อทุกอย่างมันออกมารูปนี้แล้วหนิ”
ปลายนั้นตั้งแต่หมั้นแล้วก็เอาแต่ทำงานหนักไม่ค่อยจะพักผ่อนเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรกับเทียมหทัยนักที่วันๆ เอาแต่ทำงานตามที่เขานั้นสรรหามาสั่งเธอทำโน่นนี่และก็คอยหาเรื่องให้เธอช้ำใจอยู่ไม่วาย
ส่วนคุณพร้อม กรรชัยและพรรณีก็ขึ้นเหนือไปพักผ่อนประจำปีที่เชียงใหม่เหมือนทุกๆ ปีที่เคยทำมา หลังจากงานหมั้นของปลายผ่านไปได้ไม่นาน โดยที่เทียมหทัยและปลายจะตามไปทีหลัง ส่วนปัญญานั้นไปด้วยไม่ได้ เพราะจะต้องเดินทางไปดูงานที่อเมริกาอีกหลายวันซึ่งจะออกเดินทางอีกไม่กี่วันนี้
เทียมหทัยรู้สึกไม่ไหวกับการกระทำของปลายที่ตั้งแต่เช้า ก็เอาแต่แกล้งเธอและลูกน้องต่างๆ นานา ให้ทำงานเดิมๆ ซ้ำๆ กัน แต่เธอก็ต้องทนทำเพราะไม่อยากจะมีปัญหากับเขานั่นเอง เธอทำงานไป ก็ดูนาฬิกาไป
เพราะวันนี้เธอนัดปัญญาจะออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน เพราะปัญญาถึงวันที่จะต้องไปอเมริกาแล้ว แต่เธอก็ยังทำงานไม่ถูกใจปลายสักที กานดาเดินเข้ามาบอกเธอว่าปลายให้ไปพบ เป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ สายตาของกานดาที่มองเจ้านายสาวด้วยความเห็นใจ ที่ถูกพี่ชายบุญธรรมแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เธอก็สุดด้วยปัญญาที่จะช่วยได้
“คุณกานดากลับไปเถอะค่ะ เย็นมากแล้ว บอกคุณชายชัญกับคนอื่นๆ ด้วยขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ช่วยขิมวันนี้ เสร็จธุระจากคุณปลายแล้วขิมก็จะกลับเหมือนกันค่ะ ปิดออฟฟิศให้ขิมเลยนะคะ ขิมจะไม่กลับมาแล้ว”
เธอบอกเลขาฯ ก่อนที่จะหอบข้าวของออกมา แล้วตรงไปยังห้องทำงานของปลายทันที