วันเวลาสำหรับเธอที่กว่าจะผ่านพ้นไปนั้นมันช่างยากแสนยากเหลือเกิน ทุกค่ำคืนที่เธอหลับตาลง ภาพความสุขต่างๆ ระหว่างเธอกับเขานั้นมันคอยมาตอกย้ำความเจ็บปวดได้ไม่น้อยเลย คืนที่เธอยืนมองเขายืนต้อนรับแขกที่มาในงานแต่งงานเคียงคู่กับเจ้าสาวนั้นมันบั่นทอนความรู้สึกของเธอเรื่อยมา
จนทำให้น้ำในตามันคอยจะไหลออกมาตอกย้ำความอ่อนแอให้ผู้คนได้เห็น เพียงแต่เธอนั้นต้องกลั้นเอาไว้ให้ได้ เพราะระหว่างเธอและเขามันเป็นอดีตที่แสนปวดร้าวเหลือเกิน ไม่มีค่ำคืนไหนเลยที่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดมันจะเหือดแห้งไปจากดวงตาเธอ เขาได้เข้ามาสิงห์สถิตอยู่ในหัวใจของเธอทุกขณะ
แม้แต่ในความฝัน มันก็ไม่วายที่จะฝันเห็นเขา ที่กำลังเดินหนีหายไปจากเธอ และทุกครั้งเมื่อตื่นขึ้นมาก็ทำให้เธอนั้นต้องสูญเสียน้ำตาเพราะความเจ็บปวดทุกครั้งไป สีหน้าของเทียมหทัยดูสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ต้องฝืนยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้ใครเห็น แต่มันก็ไม่ได้ผลกับใครบางคนที่คอยจ้องจะดูความเจ็บปวดของเธออยู่ จากความอ่อนแอนี่เองมันก็ทำให้ทั้งสุชาดาและปลายนั้นยิ้มที่มุมปากด้วยความสะใจที่ได้เห็นเทียมหทัยเจ็บปวด
ซึ่งปัญญาเองก็ตกใจเพราะเขาไม่เคยเห็นหน้าของคนที่เทียมหทัยนั้นปักใจรักเป็นยังไงแต่ก็เดาได้ว่าเป็นใครจากอาการของเทียมหทัยนั้นเอง
“ใครกันคะน้องสุ” วันวิสาข์เอ่ยถามเพราะไม่ได้รู้เรื่องราวมาก่อน
“อ๋อ! สุว่าพี่สาต้องถามจากยัยขิมเองแล้วล่ะคะ จริงมั้ยจ้ะขิม”
สุชาดาพูดพร้อมเปรยตาไปหาเทียมหทัยด้วยสายตาที่สะใจยิ่งนัก
“สวัสดีครับคุณธรรทร ผมปลาย ขอบคุณมากนะครับที่กรุณามา ได้เจอกันสักที ผมได้ยินคนอื่นๆ เขาเล่าถึงคุณมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่เคยเจอตัวจริงเลยครับ” เขารีบแนะนำตัวเมื่อธรรทรและกลุ่มของเขาเดินตรงมาหา
“สวัสสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ นี่ชุติมาภรรยาผม ส่วนนั่นอลงกรณ์และดวงแก้วภรรยาเขาครับ น้องกันฑ์ไหว้คุณน้าปลายสิลูก แล้วก็น้าๆ ด้วยลูก” เขาแนะนำ และบอกลูกชายที่ยังไม่รู้เรื่องราวอะไร
“สวัสดีครับทุกคน ยินดีที่ได้รู้จักครับ และนี่ยายสุน้องสาวผมไม่ทราบรู้จักกันหรือยัง ส่วนนี่ปัญญาเพื่อนผมครับ และนี่คุณวันวิสาข์เพื่อนผม แล้วนี่ก็เอ่อ! คงไม่ต้องแนะนำนะครับน้องสาวสุดสวยของผมนั่นเอง ! ยัยขิมจำพี่ธรรทรได้มั้ยจ้ะ”
เขาแนะนำทุกคน พร้อมเดินไปยืนข้างๆ เธอ และเอื้อมมือไปโอบไหล่เทียมหทัยเอาไว้และเรียกเธอเหมือนที่ทุกๆ คนในบ้านเรียก ซึ่งทำให้ทั้งธรรทรและเทียมหทัยนั้นทำสีหน้าไม่ถูก
“สวัสดีค่ะพี่ธรร คุณชุติมา คุณกรณ์ และคุณแก้ว สบายดีนะคะ” เธอรีบสลัดทุกอย่างในหัวทิ้ง และแสดงความองอาจเจ้าของบ้านที่ดีด้วยมารยาท
“พี่หมอคะขิมว่าเราไปหาที่นั่งให้พี่ธรรเถอะค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่โต๊ะโน้นค่ะ”
เทียมหทัยพูดพลางจูงมือปัญญาและเชื้อเชิญธรรทรและผู้ติดตามให้เดินตามเธอไป ทิ้งปลายและสุชาดาให้ยืนงงอยู่กันสองคน
“ดูมันร้ายมั้ยคะพี่ปลาย ดูมารยาของมันสิคะ ตกลงที่เราเชิญคุณธรรมานี่จะไม่ทำให้มันรู้สักเจ็บสักนิดเลยใช่มั้ยคะ” สุชาดามีท่าทีเจ็บใจไม่น้อย
“ทำไมจะไม่เจ็บล่ะยายสุ สังเกตดูสิหน้าถอดสีไปเลย”
เขาพูดพร้อมทั้งสายตามองตามเทียมหทัยไป นี่เขาประมาทเธอเกินไปหรือนี่ ไม่น่าเชื่อว่าที่เขาอุตส่าห์เชิญธรรทรและภรรยามาเพื่อสร้างความเจ็บใจให้เธอนั้น จะทำเทียมหทัยแค่อึ้งไปเท่านั้น แต่เขาก็สามารถอ่านแววตาเธอออกว่าในนั้นแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยเลย
“ปลายหมายความว่ายังไงคะ”
วันวิสาข์ถามเพราะไม่เข้าใจที่เขากับสุชาดาพูดนั่นหมายถึงใคร
“พี่ปลายคะ สุว่าเราไปหาคุณแม่เถอะค่ะ เอาไว้วันหลังค่อยหาทางจัดการมัน” สุชาดาดึงแขนพี่ชายไป
“ก็ดีเหมือนกัน ไปสาเราไปทางโน้นกันเถอะ”
เขาพูดและเดินไปโดยมีวันวิสาข์เดินตามไป
“ผมหวังว่าโครงสร้างงานบริหารที่ผมเสนอมานี้คงจะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดหวังเอาไว้นะครับ ถ้าไม่มีใครขัดแย้งอะไรผมจะให้คุณทิพย์พิมพ์มติที่ประชุมแจกให้พรุ่งนี้ครับ งั้นผมขอให้ทุกๆ ฝ่ายรายงานความคืบหน้าให้ผมทราบทุกๆ สามวัน ส่วนแต่ละแผนกนั้นผมให้ประชุมเข้มทุกๆ สองวันแล้วรายงานผมเป็นระยะๆ ครับ ใครมีอะไรที่ไม่เข้าใจให้เข้ามาพบผมได้ตลอดเวลา”
ปลายสรุปในที่ประชุมให้พนักงานระดับผู้บริหารฟัง แต่สายตานั้นจ้องไปที่เทียมหทัยไม่ยอมลดละ กับโครงสร้างที่เขาตั้งขึ้นใหม่หลังจากที่เขารับงานทุกอย่างแทนกรรชัยมาแล้ว โดยกรรชัยนั้นไม่เข้ามายุ่งอะไรแล้ว
จะคอยให้คำปรึกษาอยู่ห่างๆ เท่านั้น ซึ่งมันทำให้เขาสามารถที่จะทำอะไรได้สะดวกขึ้นกว่าเดิมสำหรับการเริ่มเล่นงานเทียมหทัย โดยการตัดอำนาจเธอให้น้อยลงกว่าตอนที่ทำงานกับพ่อของเขา และเรื่องสำคัญทุกๆ เรื่องที่เมื่อก่อนเธอสามารถตัดสินใจได้นั้น ให้ขอเขาก่อนทุกครั้ง
เพราะเขาให้เหตุผลว่าการขายและการตลาดที่เธอดูแลอยู่นั้น เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเขาจำเป็นที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ ซึ่งก็ทำให้เทียมหทัยนั้นอึดอัดพอสมควร แต่ก็ไม่อยากที่จะไปต่อปากต่อคำกับเขาสักเท่าไหร่ และสิ่งที่เขาให้เหตุผลมานั้นมันก็อาจจะจริงก็ได้
เพราะเขามีประสบการณ์ด้านนี้จากเมืองนอกมากกว่าเธอ จึงทำให้เธอนั้นยอมทำตามเขานั่นเอง และที่สำคัญนั้นเธอนึกถึงคำพูดที่พรรณีพร่ำบอกเธอเสมอตั้งแต่เขากลับมา