ผู้หญิงของเขาเนี่ยนะ?
“ไม่ใช่นะคะ...” เกรซรีบอธิบาย เธอต้องการจะบอกกับซินดี้ว่าเธอกำลังเข้าใจผิดอยู่ แต่จู่ๆ ไฮนซ์ก็รัดเอวเธอแน่นขึ้นไปอีก นั่นทำให้เกรซตกใจจนเธอลืมสิ่งที่จะเธอจะพูดไปเสียสิ้น
เหมือนไฮนซ์กำลังคุกคามเกรซอยู่
"เมื่อไหร่กันที่คุณกลายเป็นแบบนี้... เห้อ ซินดี้คงไม่สามารถตัดสินคนจากหน้าตาได้จริงๆ"
ซินดี้หรี่ตาลง เหมือนมีคมแสงแวบเข้ามาในตาของเธอ เธอพ่นลมหายใจออกมา และจ้องไปที่เกรซด้วยสายตาที่เฉียบคม แต่ก็พูดจาเย้ยหยันใส่ "ไฮนซ์ อดทนไม่ไหวแล้วหรอคะ? ไปที่โรงแรมเถอะ ที่นี่คงไม่เหมาะมั้งคะ"
เกรซเริ่มกระอักกระอ่วน แต่เธอถูกครอบงำด้วยความแข็งแกร่งของไฮนซ์
ไฮนซ์กระพริบตาอันแหลมคมของเขาให้กับซินดี้และพูดอย่างเย็นชาว่า "คุณดูพอรึยัง?"
ซินดี้ตกใจกับสิ่งที่เธอได้ยิน เธอเม้มปากแน่น “เฮ้ ทำไมคุณต้องโกรธขนาดนั้นละคะ โอเค ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว เชิญต่อกันเลยค่ะ แต่ฉันแนะนำให้ไปโรงแรมจริงๆ ที่นี่คนเยอะไป”
หลังจากซินดี้พูดจบ เธอก็ยิ้มอย่างมีนัยยะ แต่ก็บดบังความอิจฉาริษยาที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของเธอไม่มิด จากนั้นเธอก็หันหลังเดินจากไป
ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง
"นี่คุณบ้าไปแล้วรึเปล่า" เกรซโกรธมากจนเธองอขาลงและเล็งไปที่ไฮนซ์
“หืม...” ไฮนซ์ส่งเสียงครางออกมา
ในที่สุดเกรซก็หลุดพ้น เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันทีและอดไม่ได้ที่จะต่อว่าเขา“ไอ้คนชั่ว คุณชอบที่จะเอาเปรียบฉันนักเหรอไง?”
ด้วยความโกรธและความอับอาย ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
เส้นเลือดบนหน้าผากของไฮนซ์นูนขึ้นเนื่องจากความเจ็บปวด เขาจ้องมองไปที่เจ้าของใบหน้าเล็ก ๆ ข้างหน้าเขา เมื่อไฟเปิด เขาก็มองเห็นทุกอย่างชัดเจน
สิ่งที่ไฮนซ์เห็นเบื้องหน้าของเขา บองบาง สดใส และเกลี้ยงเกลา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใบหน้าที่สุดแสนจะธรรมดาของเธอ
มีแค่ผู้หญิงไม่กี่คนที่จะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงโดยไม่มีการแต่งหน้า
เกรซเป็นคนเดียวที่เป็นข้อยกเว้น
เกรซเก็บของของเธอและเห็นว่าชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไร ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่ไฮนซ์
ภายใต้แสงไฟ เมื่อดวงตาอันสดใสของเธออยู่ตรงมือด้านบน เกรซก็แข็งค้าง
“พระเจ้าช่วย พวกเขาเหมือนกันมาก”
ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเกรซดูคล้ายคลึงกับลูกชายวัย 5 ขวบของเธอมาก
ใบหน้าของเขาเหลี่ยมมน คิ้วอันแหลมคม ดวงตาที่แฝงไปด้วยความลึกลับ จมูกตรง แม้กระทั่งริมฝีปากก็ยังมีรูปร่างเหมือนกัน
แกรี่ สมิธ ลูกชายวัย 5 ขวบของเกรซเหมือนอย่างกับขนาดย่อส่วนของชายผู้นี้
เธอเริ่มรู้สึกผิดและสับสนในทันใด หลังจากตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง เมื่อรู้สึกตัวเธอก็ไม่กล้ามองหน้าชายคนนั้นอีก เธอรีบหันหลังและเดินจากไป
เกรซวิ่งไปที่ทางออกของห้องจัดเลี้ยงและเธอก็ชนเข้ากับซินดี้พอดี
ซินดี้เหล่มองและยิ้มให้เกรซ
เกรซตกตะลึง เมื่อคิดถึงความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับชายคนนั้น เธอจึงอธิบายทันทีว่า "คุณไวต์คะ คุณกำลังเข้าใจผิดอยู่ ฉันไม่รู้จักคุณโจนส์"
เห็นได้ชัดเลยว่าซินดี้ไม่เชื่อ เธอปกปิดมันด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มจริงๆ “หยุดเสแสร้งซักที คุณควรจะมีความสุขด้วยซ้ำ ฉันไม่เชื่อสิ่งที่คุณพล่ามมาหรอก”
เกรซตกตะลึง เธอขมวดคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเองว่า "ได้! มันเป็นความผิดของฉันเอง ทำไมฉันต้องอธิบายให้คุณฟังด้วยนะ ในเมื่อคุณก็ไม่เกี่ยวข้องกับคุณโจนส์เหมือนกัน"
ซินดี้หน้าเริ่มซีด เธอก็รู้สึกอายเล็กน้อย ในความคิดของเธอ เกรซกำลังทำให้เธออับอาย ซินดี้ยิ้มอย่างเยือกเย็น เธอพูดว่า “นี่คุณ ฉันก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณโจนส์เลยแม้แต่น้อย แต่ฉันคิดว่าในโลกนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้หญิงของคุณโจนส์ได้เลย”
สิ่งที่ซินดี้พูดมา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นกับเกรซ
เกรซเข้าใจทันทีในสิ่งที่ซินดี้กำลังพูด
เธอมองไปที่ดวงตาอันแข็งกร้าวของซินดี้ ที่เสียดแทงลงมาอย่างรุนแรง
เกรซยิ้มแล้วพูดว่า "คุณไวต์ ฉันชอบหนังของคุณมากจริงๆ แต่ฉันคิดว่าคุณควรจะโฟกัสกับการแสดงให้ดีกว่านี้นะคะ"
จากก้นบึ้งของหัวใจ เกรซหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักแสดงแถวหน้าอย่างซินดี้จะมีความตั้งใจในการแสดงของเธอมากกว่าที่จะพยายามคว้าหัวใจผู้ชายพรรค์นั้น
สิ่งที่ซินดี้ทำต่อหน้าไฮนซ์นั้นน่าผิดหวังเกินไป
ซินดี้ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเฉียบขาด “คุณไม่ต้องมาสอนฉัน”
เมื่อเห็นว่าซินดี้กำลังโต้กลับ เกรซก็พาดกระเป๋าไว้บนหลัง เธอพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ กับซินดี้ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “คุณซินดี้คะ—”
“ไปสืบมาให้ฉันหน่อยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ซินดี้สั่ง
"รับทราบค่ะ" ผู้ช่วยตอบกลับ