บทที่ 1จุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลง EP.5

968 คำ
“นึกถึงสาเหตุที่พี่พัฒน์กับพี่พิมพ์หย่ากันขึ้นมาทีไรแล้วเจ็บใจไม่หายทุกที น้าเคยเตือนพี่พิมพ์แล้วว่านังขวัญใจมันไม่น่าไว้วางใจ แต่ไม่เคยเชื่อกันเลย บอกว่าน้าน่ะคิดมากหรืออคติ แล้วเป็นไงล่ะ! ถูกเพื่อนทรยศจนได้ แต่ตอนนี้คงเหมือนกรรมตามสนองมันนะ เพราะได้ข่าวว่าตัวพี่พัฒน์ยังมีผู้หญิงเข้ามาพัวพันอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี” พรเพ็ญจิกเรียกอดีตเพื่อนของพี่สาวด้วยน้ำเสียงชิงชังรังเกียจ “คงเป็นกรรมอย่างที่น้าเพ็ญว่าแหละจ้ะ เพราะกรรมสมัยนี้ติดจรวดไม่ต้องรอถึงชาติหน้า” พิมพกานต์พูดด้วยน้ำเสียงเจือสมน้ำหน้า “นี่ยังนับว่าโชคดีที่พ่อเราไม่ได้หลงเมียใหม่หัวปักหัวปำ กระทั่งลืมลูกตัวเองอย่างในละครน้ำเน่า น้าเพิ่งรู้จากปากพี่พัฒน์ว่าตอนนี้ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสใหม่กับนังขวัญใจ โดยบอกไปว่ายังไม่ได้หย่าขาดจากพี่พิมพ์อย่างเป็นทางการเพราะกลัวจะมีผลเรื่องงาน สมน้ำหน้ามันนัก ได้เป็นคุณนายแต่ชื่อ” คนเล่าเล่าด้วยน้ำเสียงสาแก่ใจขณะรอสัญญาณไฟ “ดูเหมือนพ่อเคยบอกแพงแล้วตั้งแต่ตอนที่หย่ากับแม่ใหม่ๆ ว่าจะไม่จดทะเบียนอีกเป็นอันขาด แต่ตอนนั้นแพงไม่ได้สนใจจะฟัง” เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้จากปากของน้าสาวอีกครั้ง ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อบิดาเพิ่มเป็นด้านบวกมากกว่าเก่าเป็นเท่าตัว “เอ้อ แล้วน้องแพงรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้เจนน่ะได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านด้วยนะ” พรเพ็ญชวนหลานสาวคุยฆ่าเวลา ซึ่งคนที่ถูกพูดถึงคือเจนภพ มีศักดิ์เป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของพิมพกานต์ เพราะเป็นลูกของผู้เป็นป้า การเอ่ยถึงผู้เป็นพี่ชายทำให้หญิงสาวอดคิดถึงใครบางคนขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็รีบปัดความคิดดังกล่าวออกไปจากใจโดยเร็ว นึกโกรธใจเจ้ากรรมที่ชอบนึกถึงแต่เรื่องที่ทำให้เจ็บปวดอยู่ร่ำไป “ไม่รู้หรอกจ้ะ พี่เจนบอกแค่ตอนนี้ลาออกจากบริษัทน้ำมันกลับมาอยู่บ้านทำสวน แล้วทำโฮมสเตย์กับร้านอาหารไปด้วยเท่านั้น แต่ทำไมจู่ๆ พี่เจนถึงไปเป็นผู้ใหญ่บ้านได้ล่ะน้าเพ็ญ” “ก็พวกญาติๆ แหละจ้ะเป็นคนยุ โดยเฉพาะย่ากับป้าของน้องแพง ให้เจนลงสมัครรับเลือกตั้งเพราะผู้ใหญ่บ้านคนเก่าเกษียณอายุ แล้วรู้ไหมว่าคนลงสมัครแต่ละคนนะเป็นคนรุ่นใหม่ จบปริญญาตรีถึงปริญญาโทแทบทั้งนั้น โชคดีที่เจนได้รับเลือก จะได้พัฒนาหมู่บ้านของเราให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป” “จริงอย่างที่น้าเพ็ญพูดนะ ผู้ใหญ่บ้านเรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศ มิหนำซ้ำยังเคยทำงานเป็นวิศวกรบริษัทน้ำมัน แต่น่าเสียดายความรู้ที่อุตส่าห์เรียนมา” “ความรู้ที่เรียนมาไม่ได้สูญหายไปไหนหรอก ติดตัวเราไปจนวันตายนั่นแหละ น้าเห็นด้วยนะที่เจนเลือกที่จะกลับมาอยู่บ้าน ลองคิดดูว่าถ้ามัวแต่ทำงานอยู่ในเมืองหลวง แล้วสวนผลไม้ที่มีอยู่ไม่ใช่น้อยๆ ใครจะทำล่ะ ย่ากับป้าน้องแพงก็อายุมากขึ้นทุกวัน เป็นลูกจ้างคนอื่นสู้เป็นนายตัวเราเองไม่ได้หรอกจ้ะ” พรเพ็ญพูดราวกับบอกเป็นนัยๆ กับหลานสาว “อย่างที่น้าเพ็ญพูดก็ถูกจ้ะ” คนเป็นหลานพยักหน้ายอมรับ เมื่อพูดถึงเจนภพก็ทำให้พรเพ็ญอดนึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาไม่ได้ “น้องแพงลืมเรื่องนั้นไปหรือยัง” “เรื่องไหนหรือจ๊ะ” คนถูกถามสะดุ้งเล็กน้อย พยายามบังคับน้ำเสียงของตัวเองให้เป็นปกติ พอจะคาดเดาได้ว่าเรื่องที่น้าสาวถามน่าจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ตัวเองกำลังคิดอยู่และพยายามปัดออกไปจากใจ “เรื่องเพื่อนของเจนไง” พิมพกานต์ลอบถอนหายใจเพราะเป็นเรื่องเดียวกันจริง “ลืมหมดแล้วจ้ะ ตอนนี้ในหัวแพงมีแต่เรื่องของแม่เท่านั้น” ตอบแล้วก็เบือนหน้ามองไปทางอื่น คงมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าพูดออกไปว่าลืมน่ะจริงอย่างที่ปากพูดหรือเปล่า ดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น “แพงเพิ่งจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้การเมืองท้องถิ่นมีการแข่งขันกันสูงถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เงินเดือนผู้ใหญ่บ้านก็ไม่กี่พันเอง” คนเป็นน้าหัวเราะออกมาเบาๆ นึกรู้ทันอีกฝ่ายที่เปลี่ยนเรื่องพูด เรื่องราวที่ใครต่อใครอยากจะลืม สุดท้ายมักจะเป็นเรื่องที่จดจำได้อย่างแม่นยำเสมอ หลานสาวเธอคงไม่อยู่ในข้อยกเว้น “เงินเดือนไม่กี่พันก็จริง แต่มันมีผลประโยชน์อะไรทับซ้อนมากกว่านั้นอีกจ้ะ ไม่อย่างนั้นทำไมคนถึงอยากจะเป็นกันนัก แล้วรู้ไหมเดี๋ยวนี้นังหนูสมมันเปลี่ยนชื่อเป็นสมใจปรารถนาแล้วนะ” จู่ๆ คนเป็นน้าก็เปลี่ยนเรื่องพูด และทำให้อารมณ์ของพิมพกานต์พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที เพราะหนูสมที่พูดถึงคือสมใจซึ่งเป็นลูกติดของขวัญใจภรรยาใหม่ของบิดา ที่เคยร่วมชั้นเรียนตอนมัธยมศึกษาปีที่สี่และเป็นคู่แข่งกันมาตลอด ซึ่งอีกฝ่ายมักจะชนะเธอแทบทุกอย่างยกเว้นเรื่องเรียน เธอไม่ได้สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไร แต่อยากจะเจอตัวอีกฝ่ายนัก เพราะปัจจุบันเธอไม่ใช่คนแหยๆ ไม่สู้คนอย่างพิมพกานต์คนเก่าแล้ว ความคิดพลันชะงักลง เมื่อรถแล่นมาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดเสียก่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม