บทที่ 12

1412 คำ
คุณยายผู้ใจดียกมือไปจับมือเล็กนุ่มนิ่มที่พนมไว้ตนเองไว้ จากนั้นก็จับมือเล็กให้พลิกหงายทั้งสองด้านจนนางมองเห็นลายมือทั้งสองข้างได้อย่างชัดเจน นางเงยหน้ามองเจ้าของมือเล็กที่ก้มลงมองการกระทำของนางอย่างงุนงง ก่อนจะเอ่ยบอกว่า “เดี๋ยวยายดูดวงให้นะอีนังหนู” “เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้ค่ะ หนูไม่ชอบดูดวงค่ะคุณยาย” รินรดาปฏิเสธ พร้อมกับดึงมือกลับด้วยท่าทีสุขภาพ แต่คุณยายผู้ใจดีก็ไม่ยอมปล่อยมือเธอง่ายๆ เช่นเดียวกัน “ให้คุณยายแกดูดวงให้เถอะคุณผู้หญิง คุณยายแกเป็นร่างทรง และดูดวงแม่นมากนะคะ แต่แกไม่ดูให้ใครง่ายๆ หรอกค่ะ หากแกถูกชะตากับใคร แกก็จะดูให้คนๆ นั้นเลย แต่ถ้าแกไม่ถูกชะตาหรือไม่ชอบหน้า ต่อให้ไปนั่งรอแกเป็นวันๆ แกก็ไม่ดูให้หรอกค่ะ” ผู้โดยสารคนหนึ่ง ซึ่งนั่งกอดลูกน้อยอยู่ได้เอ่ยออกมา หลังจากได้ยินรินรดาปฏิเสธความหวังดีของคุณยายที่ต้องการดูดวงให้ รินรดาจำต้องปล่อยให้คุณยายผู้ใจดีดูดวงให้ในที่สุด กระนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้สนใจมอง หรือสนใจฟังว่า นางจะกล่าวว่าอย่างไรบ้าง หลังจากดูเส้นลายมือของเธอแล้ว “อีนังหนู ชีวิตของนังหนูเคยสุขสบายมาก่อน อยู่บนกองเงินกองทอง แต่เป็นเงินทองที่ได้มาไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไรนัก” จากที่ตอนแรกรินรดาหันไปมองทิวทัศน์สองข้างทางถนน เพื่อเป็นการเลี่ยงให้ความสนใจในเรื่องการดูดวงของคุณยายผู้นี้ แต่พอได้ยินคำพูดที่นางเอ่ยพูดมา โดย เฉพาะประโยคหลังก็ถึงกับหันขวับมามองนางทันที สิ่งที่คุณยายพูดออกมานั้นมันเริ่มจะถูกต้องทีละเล็กทีละน้อย ครอบครัวของเธอเป็นยากูซ่า ซึ่งแน่นอนว่าเงินทองที่ได้มาย่อมไม่สะอาดสักเท่าใดนัก แต่กระนั้นยากูซ่าแก๊งคานาเมะก็ไม่เคยฆ่าล้างโคตรใครเหมือนที่แก๊งยาสุโนะได้ทำกับครอบครัวของเธอ “นังหนูกำลังหนีร้อนมาพึ่งเย็น นังหนูเป็นคนมีบุญวาสนา จะเจอผู้ใจดีมีบุญวาสนาไม่แพ้กันคอยเป็นผู้อุปถัมภ์คอยช่วยเหลือดูแลนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีวิตที่เหลืออาจจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ ลำบากอยู่บ้าง แต่ยายขอให้นังหนูสู้และจงเข้มแข็ง เพราะไม่นานนังหนูก็จะพบกับความสุขตลอดไป” รินรดาหรี่ดวงตามองคุณยายผู้ใจดีอีกครั้งหลังจากที่นางเอ่ยพูดจบแล้ว แถมยังจับมือของเธอให้มาวางอยู่บนหน้าตักของเธอด้วยกริยานุ่มนวลแผ่วเบาจนเธอแทบไม่รู้สึกตัว “คุณยายคะ เอ่อ...ที่พูดมาเมื่อสักครู่ คุณยายเดาเอา หรือว่าคุณยายมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวของหนูคะ” เรื่องโหราศาสตร์เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น และยากต่อการพิสูจน์ค้นหาความจริง ซึ่งรินรดาได้แต่นั่งทึ่ง เมื่อคุณยายคนนี้พูดในสิ่งที่ค่อนข้างตรงกับชีวิตของเธอมาก คุณยายผู้ใจดีเอื้อมมือมาจับมือเล็กอีกครั้ง พร้อมกับบีบเบาๆ ราวกับต้องการให้กำลังใจ จากนั้นก็เอ่ยพูดต่อให้หยาดน้ำตาอุ่นต้องเอ่อคลอเบ้าดวงตาคู่สวยของรินรดา “ยายมองเห็นลางๆ นะอีนังหนู มันไม่ได้ชัดเจนไปเสียทุกอย่างหรอก แต่ที่ยายรู้คือนังหนูไม่เหลือใครแล้ว และต้องเดินทางไกลก็เพื่อมาขอพักเหนื่อย พักใจอยู่ที่นี่ ซึ่งต่อไปมันจะกลายเป็นบ้านที่นังหนูต้องอยู่ไปจนชั่วชีวิต” รินรดาพยายามกะพริบตาให้หยาดน้ำตาซึ่งรื้นขอบตาได้เหือดแห้งไป แต่ไม่ว่าจะพยายามมากสักเพียงใด หยาดน้ำตาอุ่นก็ยังคงหลั่งรินลงมาตามพวงแก้มจนได้ พอเห็นน้ำตาของหญิงสาวผู้เดินทางมาไกลไม่ต่างจากลูกนกพลัดถิ่น คุณยายก็เอื้อมมือไปเช็ดให้ พร้อมกับเอ่ยปลอบอีกครั้ง “ไม่ต้องกลัวนะอีนังหนู แม้จะไม่เหลือใครแล้ว แต่นังหนูยังมีคนคอยอุปถัมภ์อีกหลายคน พวกเขาจะคอยช่วยเหลือนังหนูตลอดไป” “ใครคะคุณยาย ใครจะมาช่วยเหลือหนูคะ” รินรดาครางถาม มองไม่เห็นเลยว่า ใครจะอยากเอื้อมมือมาคอยช่วยเหลือลูกสาวของยากูซ่าเช่นเธอ ส่วนพ่อเลี้ยงสันชัย เธอยังไม่รู้เลยว่า เขาจะต้อนรับขับสู้เธอหรือเปล่า “ยายไม่รู้หรอกนังหนู ยายมองเห็นเพียงเท่านี้ แต่ให้ทำตามที่ยายบอกนะว่า ต้องสู้กับชีวิตที่เหลือนะนังหนู” คุณยายสั่งกำชับอีกครั้ง และไม่ทันที่รินรดาจะเอ่ยถามต่อ นางก็เอื้อมมือไปกดกริ่งรถให้สารถีได้จอดรถอยู่หน้าไร่แห่งหนึ่ง ก่อนจะพยักพเยิดให้รินรดามองไร่กาแฟที่อยู่ตรงหน้า แล้วเอ่ยบอกให้รินรดาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง เพราะความฉงนสงสัยอีกครั้ง “ถึงแล้วนังหนู นี่แหละไร่ของพ่อเลี้ยงสันชัย ลงไปสิ ที่นี่จะคือบ้านของนังหนูตลอดไป” รินรดาเงยหน้าขึ้นมองตามคำบอกของคุณยาย และก่อนจะลงจากรถก็ไม่ลืมยกมือไหว้ขอบคุณนางอีกครั้ง “ขอบคุณคุณยายมากค่ะ หนูไปก่อนนะคะ” คุณยายพยักหน้ารับ โดยไม่พูดอะไร จวบจนกระทั่งรินรดาเดินไปจ่ายค่ารถโดยสารเสร็จแล้ว และกำลังจะเดินตรงไปที่ประตูทางเข้าไร่กาแฟ นางก็เอ่ยพูดลอยๆ ออกมาอีกครั้ง “ชีวิตของนังหนูช่างน่าสงสาร เหมือนลูกนกที่พลัดถิ่นไม่มีผิด” รถโดยสารแล่นออกไปไกลหลายเมตรแล้ว ทว่ารินรดายังคงยืนนิ่งขึงอยู่กับที่ ถ้อยคำของคุณยายที่ล่องลอยมาพร้อมกับสายลมอันเย็นยะเยือกในยามพลบค่ำ ได้ลอยมากระทบโสตประสาททำเอาขนลุกซู่อีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่า คุณยายที่เป็นร่างทรงได้พูดถึงชีวิตของเธอได้เกือบถูกต้องในทุกประการ ‘ต้องสู้กับชีวิตที่เหลือนะนังหนู’ รินรดานึกถึงคำพูดของคุณยายใจดีที่เอ่ยบอกกับเธอไว้ หญิงสาวรวบรวมพลังกำลังใจให้กับตัวเอง พร้อมทั้งสัญญาว่า ลูกสาวของตระกูลคานาเมะจะต้องไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาที่มักจะเล่นตลกกับเธอเสมอ “ไม่ต้องกลัวนะยูริ พ่อเลี้ยงสันชัยคงไม่ใจร้ายกับญาติของตัวเองหรอก” หญิงสาวให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะก้าวเดินด้วยฝีเท้าที่มั่นคง ตรงไปยังประตูทางเข้าหน้าไร่ดังกล่าว ทว่าพอเหลือบตาอ่านป้ายชื่อของไร่ ทำจากไม้ขนาดใหญ่ตรึงป้ายไว้ด้วยโซ่สีทองเส้นใหญ่ ซึ่งปักขึงกับเสาไม้ต้นใหญ่ทั้งสองต้น ก็ถึงกับชะงักฝีเท้าไม่กล้าเดินเข้าไปต่อ ด้วยไม่แน่ใจว่า ไร่แห่งนี้ใช่ไร่ของพ่อเลี้ยงสันชัยหรือเปล่า เพราะไม่มีชื่อใดที่บ่งบอกว่าเป็นชื่อของพ่อเลี้ยงสันชัยผู้เป็นญาติห่างๆ ของมารดาเธอเลย คงมีแค่เพียงตัวอักษรสีทองที่สลักเสลาอย่างสวยงามไว้ว่า ไร่กาแฟอาราบิก้าคิง “ไร่กาแฟอาราบิก้าคิงยังงั้นหรือ จะใช่ไร่ของพ่อเลี้ยงสันชัยหรือเปล่าก็ไม่รู้” รินรดาพึมพำพูดกับตัวเอง หญิงสาวยืนนิ่งอยู่นานหลายนาที ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในไร่ หากไม่ลองถามผู้คนที่อยู่ในไร่แห่งนี้ ก็ไม่มีทางรู้หรอกว่า ใช่ไร่ของพ่อเลี้ยงสันชัยหรือเปล่า หากไร่แห่งนี้ไม่ใช่ไร่ของพ่อเลี้ยงสันชัย เธอก็จะตามหาให้พบจงได้ มิเช่นนั้นแล้วเธอก็คงไม่มีที่หลบภัยจากการตามล่าของแก๊งยากูซ่ายาสุโนะ ซึ่งเธอเชื่อว่า ป่านนี้ยาสุโนะคงรู้แล้วว่าเธอหลบหนีมาประเทศไทย และมันคงไม่ลังเลที่จะส่งหมาล่าเนื้อออกมาตามหาเธอในทันที ซึ่งหมาล่าเนื้อเหล่านี้จะหยุดทำงานก็ต่อเมื่อได้กระชากดวงวิญญาณไปจากร่างของเธอแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม