ที่ลานหน้าบ้านพักของพ่อเลี้ยงคิวากร ทิมลูกน้องคนสนิทของพ่อเลี้ยง ซึ่งได้รับมอบหมายให้อยู่ทำหน้าที่รับหน้ารองนายกอบต. คนสวยแทนผู้เป็นเจ้าของบ้าน ได้นั่งดื่มน้ำเมาอยู่กับไอ้ป๋องเพื่อนซี้ เพื่อรอเวลาพ่อเลี้ยงกลับบ้าน สาโทที่ทิมกับไอ้ป๋องพากันซัดหมดไปเกือบห้าขวดแล้ว พอที่จะทำให้พวกมันตาลายตาพร่าได้ และเมื่อเห็นรินรดาเดินมาแต่ไกล ไอ้ป๋องซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นคนปากปีจอที่สุดในบรรดาคนงานในไร่ ก็รีบเอามือสะกิดเพื่อนซี้ พร้อมกับบุ้ยปากให้มองไปยังทางเดิน ก่อนจะเอ่ยพูดตามประสาผู้ชายที่เห็นสาวสวยไม่ได้เป็นต้องเอ่ยแซวในทุกครั้งไป
“เฮ้ยๆ ไอ้ทิม ไก่หลงมาจากไหนวะ โคตรสวยเลยมึง หุ่นสะบึมน่าเจี๊ยะที่สุดเลยว่ะ”
ไอ้ป๋องไม่ได้พูดแต่ปาก ทว่ามันทำหน้ากรุ้มกริ่ม ดวงตาทั้งคู่เผยแววหื่นกระหายให้เห็นอย่างชัดเจนจนทิมอดไม่ได้ต้องซัดหนักๆ ลงไปบนบ่ากว้างของมันทันที
“น้อยๆ หน่อยไอ้ป๋อง อย่าแสดงความหื่นให้มันมากเกินไปนะโว้ย ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นนักท่องเที่ยว หรือพวกที่มาศึกษาดูงานในไร่ของพ่อเลี้ยงก็ได้” ทิมเอ่ยคาดเดาไปต่างๆ นานา
ไร่กาแฟอาราบิก้าคิงนั้น นอกจากจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟไปทั่วประเทศไทย และส่งออกนอกประเทศแล้ว พ่อเลี้ยงคิวากรยังเปิดไร่ให้นักท่องเที่ยวหรือหน่วยงานราชการต่างๆ ที่อยากจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับการทำไร่กาแฟได้เข้ามาเที่ยวชมภายในไร่ด้วย ซึ่งค่าเข้าชมนั้นพ่อเลี้ยงไม่ได้เรียกเก็บแต่อย่างใด ขึ้นอยู่ที่ว่านักท่องเที่ยวจะหยอดเงินลงกล่องบริจาคเท่าไรก็ได้ และเงินจำนวนนี้พ่อเลี้ยงจะให้คนงานในไร่นำไปแบ่งกันอีกทีในตอนสิ้นเดือน
ป๋องยกสาโทขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตอบกวนๆ ตามประสาของคนปากปีจอ “พี่ทิม! นักท่องเที่ยวที่ไหนจะมาเที่ยวมืดเอาป่านนี้ ถ้ามาก็บ้าแล้ว”
“เออ...จริงของมึง” ทิมพยักหน้างึกๆ เห็นพ้องตามที่เพื่อนรักพูดมา จากนั้นก็เอ่ยชมอีกฝ่ายกลั้วเสียงหัวเราะร่วน “แหม! ไอ้ป๋อง กูเพิ่งเคยเห็นมึงฉลาดก็วันนี้นี่แหละ”
“ตกลงแล้วชมหรือด่าไม่ทราบครับพี่ทิม” ป๋องมองค้อนถามอย่างประชดประชัน ทั้งๆ ที่พอจะรู้ว่า อีกฝ่ายพูดประชดเขามากกว่า
“แล้วแต่มึงจะคิดไอ้ป๋อง”
ทิมเล่นลิ้น หัวเราะร่วนอย่างขบขำ ตอนที่เพื่อนซี้ซึ่งมีอายุน้อยกว่าตัวเองราวๆ สองปี ได้ทำหน้ายุ่งบอกบุญไม่รับ และก่อนที่ทั้งสองคนจะทันได้ต่อล้อต่อเถียงกันต่อ อาคันตุกะสาวที่มาพร้อมกับความมืดมิดในยามพลบค่ำ ก็เดินลากขาที่ดูราวกับหนักอึ้งไปทุกขณะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
การเดินเท้าเข้ามาภายในไร่กาแฟอาราบิก้าคิง จากทางเข้ามาจนถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เป็นระยะทางเกือบๆ สามกิโลเมตร ซึ่งทำให้รินรดาเหนื่อยเอามากๆ รวมทั้งไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ยังไม่นับรวมอาการปวดบาดแผลตรงต้นแขน ซึ่งดูท่าว่าจะอักเสบเข้าให้แล้ว เพราะตอนนี้มันส่งผลให้เกิดอาการตัวร้อนรุมๆ ราวกับกำลังจะจับไข้ ซึ่งอาการรวมๆ กันเหล่านี้กำลังทำให้รินรดาหมดแรง เท้าเล็กรู้สึกหนักอึ้งจนแทบยกไม่ขึ้น ซึ่งถ้าหากให้เดินต่อไปมากกว่านี้คงเป็นลมล้มฟุบอยู่กับพื้นเป็นแน่
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใช่บ้านของพ่อเลี้ยงสันชัยไหมคะ”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมานั้นติดแผ่วเบา และแฝงไปด้วยความอ่อนล้าอย่างไม่อาจปกปิดไว้ได้ รินรดามองแคร่ไม้ไผ่ที่ชายทั้งสองคนกำลังนั่งดื่มเหล้าอย่างสำราญใจ พอเห็นแล้วก็นึกอยากหย่อนก้นลงไปนั่งบ้าง เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยล้าจนไม่มีแรงจะยืนแล้ว
ทางด้านของทิมและป๋อง พอได้ยินชื่อของอดีตพ่อค้ายาตัวฉกาจก็ถึงกับดีดตัวนั่งตัวตรง พลางหันมามองหน้ากันทันที เรียกว่าแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้งเลยก็ว่าได้ และก็เป็นทิมที่หลุดปากเอ่ยถามอาคันตุกะสาวถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องการพบคนที่ไปนอนอยู่ในซังเตแล้ว
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าต้องการพบพ่อเลี้ยงสันชัยทำไมกันครับ”
“ดิฉันมีธุระกับพ่อเลี้ยงนิดหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงอยู่ไหมคะ”
รินรดาตอบกลางๆ ไม่ยอมบอกเหตุผลในการมาเยือน จนกว่าจะได้พบกับพ่อเลี้ยงสันชัย และเธอจะเผยตัวให้เจ้าของบ้านหลังนี้รู้แค่เพียงคนเดียวเท่านั้นว่า เธอเป็นลูกสาวของแก๊งยากูซ่าคานาเมะ ยิ่งให้คนรู้ฐานะที่แท้จริงของเธอน้อยเท่าไร เธอก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น
“พ่อเลี้ยงสันชัยไปอยู่ในคุ...”
ป๋องเอ่ยตอบตามประสาซื่อ ทว่าเขาพูดได้เพียงเท่านั้น คำว่า คุก ถูกสกัดกั้นให้หายไปในลำคออย่างรวดเร็ว เมื่อทิมได้ยกมือมาปิดปากของป๋องไว้ได้ทันการณ์ พร้อมกันนั้นก็กระทุ้งศอกเข้าใส่ตรงสีข้างของคนปากปีจอเต็มแรง โดยไม่ลืมกระซิบด่าข้างๆ ใบหูด้วย
“ไอ้ป๋อง! ไอ้ปากหมา ยังไม่รู้เลยว่า เธอเป็นใครมาจากไหน มึงจะบอกทำไมว่าไอ้พ่อเลี้ยงสันชัยไปนอนอยู่ในคุกแล้ว ถ้าหากผู้หญิงคนนี้เคยเป็นลูกค้า หรือเคยเป็นสายส่งยาให้ไอ้พ่อเลี้ยงสันชัย เราจะได้แจ้งความให้ตำรวจมาลากตัวไปเข้าคุก คราวนี้ก็ได้กำจัดสายส่งของมันไปอีกคนด้วย”
“เออ...จริงด้วย กูลืมไป”
ป๋องพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนรัก ก่อนจะกระซิบเอ่ยถามต่อ โดยที่ดวงตายังคงจับจ้องมองอาคันตุกะสาวแสนสวยอย่างไม่กะพริบตา
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี โทร.ไปแจ้งตำรวจเลยดีไหม”
ทิมส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะกระซิบตอบอีกครั้ง
“อย่าเพิ่งโว้ย เรายังไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่ เธออาจจะเป็นสายส่งยาของพ่อเลี้ยงสันชัย หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ เดี๋ยวมึงไปตามพ่อเลี้ยงที่ไร่ของคุณสิงห์ให้กลับบ้านเร็วที่สุด ระหว่างนี้กูจะลองหลอกถามไปเรื่อยๆ เผื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะหลุดปากพูดอะไรที่เกี่ยวกับพ่อเลี้ยงสันชัยบ้าง”
รินรดาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร เมื่อชายทั้งสองคนนี้ได้กระซิบกระซาบกันนานหลายนาทีแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหัวข้อในการสนทนานั้นจะต้องมีเธอรวมอยู่ด้วย เพราะพวกเขาทั้งสองขยันมองเธอแทบจะตลอดเวลาที่กระซิบคุยกันเบาๆ
“ขอโทษนะคะ พ่อเลี้ยงสันชัยอยู่ไหมคะ”
รินรดาเอ่ยถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงที่ถามออกไปค่อนข้างดังกว่าครั้งแรก ใบหน้างามเริ่มตีสีหน้าไม่พอใจ เมื่อบุคคลเหล่านี้ ตั้งหน้าตั้งตากระซิบคุยกันโดยไม่สนใจอาคันตุกะผู้มาเยือน
“ไอ้ป๋อง มึงรีบไปตามนายเดี๋ยวนี้เลย”
ทิมบอกกับเพื่อนรักอีกหน พลางหันมาฉีกยิ้มแป้นให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะผายมือเชิญให้หญิงสาวเข้าไปนั่งพักในห้องรับแขก รอการมาถึงของพ่อเลี้ยง ทว่าหาใช่พ่อเลี้ยงสันชัยตามที่หญิงสาวคนนี้ต้องการพบไม่ หากแต่เป็นพ่อเลี้ยงคิวากร จิรภาสต่างหาก ที่จะมาต้อนรับเธอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“พอดีพ่อเลี้ยงไปหาพี่สาวที่ไร่กาแฟที่อยู่ติดๆ กันน่ะครับ ผมให้ลูกน้องไปตามพ่อเลี้ยงแล้ว เดี๋ยวอีกสักพักพ่อเลี้ยงก็กลับมา เชิญคุณผู้หญิงไปนั่งรอพ่อเลี้ยงในห้องรับแขกก่อนนะครับ”
รินรดาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มที่อาจจะเป็นคนงานในไร่เข้าไปยังห้องรับแขก ซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ทว่ามองดูอบอุ่นน่าอยู่ยิ่งนัก พอได้ทรุดกายลงนั่งบนโซฟาหนานุ่ม หญิงสาวก็แทบจะร้องไชโยออกมาด้วยความดีใจ เมื่อร่างกายได้พักผ่อนคลายความอ่อนล้าให้จางหายไปบ้าง
“ขอบคุณมากนะคะคุณ...” รินรดาชักคำพูดไปครู่หนึ่ง ซึ่งทิมก็พอจะรู้งาน รีบเอ่ยบอกชื่อของตัวเองทันที