บทที่ 11

1407 คำ
ตลอดเส้นทางจากสนามบินสู่ตัวอำเภอแม่ฟ้าหลวง รินรดานั่งซึม ซบหน้ากับกระจกอันเย็นเฉียบของรถทัวร์ ดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะไหลร่วงรินอาบพวงแก้มโดยปราศจากเสียงร่ำไห้ คราใดที่ภาพแห่งความสะเทือนใจตอนที่บิดาและมารดาถูกยาสุโนะลั่นไกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมได้โผล่เข้ามาในห้วงความคิด ครานั้นเธอก็เจ็บปวดจนแทบไม่อยากหายใจ ต่อไปจะไม่มีคฤหาสนห์คานาเมะหลังโตโอ่อ่าให้เข้าไปพักพิงในยามฝนพร่ำหรือขณะหิมะโปรยปราย และต่อไปจะไม่มีอกอุ่นๆ ของบิดามารดาให้ซุกกายในยามหวาดกลัวหรืออ่อนล้า ตระกูลคานาเมะเหลือเธอแค่เพียงคนเดียวแล้ว และเมื่อไปถึงไร่ของพ่อเลี้ยงสันชัย ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของมารดาที่เธอไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว หญิงสาวก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้รับการต้อนรับขับสู้ที่ดีจากพ่อเลี้ยงคนนี้หรือเปล่า รินรดาเดินทางมาถึงตัวอำเภอแม่ฟ้าหลวงในตอนเย็นแล้ว บรรยากาศของตัวอำเภอ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติมากมายหลายที่ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวชม เต็มไปด้วยความคึกคัก นักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา ต่างก็เดินจับจ่ายซื้อข้าวของ หรือเข้าไปชิมอาหารพื้นเมืองอย่างสนุกสนาน สร้างเมล็ดเงิน สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่นี้เป็นอย่างมาก ส่วนหญิงสาวที่เดินทางมาไกล โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไร่ของพ่อเลี้ยงสันชัย ได้เดินตรงไปหาวินมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นบางๆ ซึ่งมารดาของเธอเขียนที่อยู่ของพ่อเลี้ยงสันชัยไว้ให้วินมอเตอร์ไซค์ดู โดยไม่ลืมเอ่ยถามผู้คนเหล่านี้ด้วยความสุภาพมีมารยาท “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณน้าพอจะรู้ไหมคะว่าจะไปที่ไร่แห่งนี้ได้ยังไงกัน” เอ่ยถามคนขับวินมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว หญิงสาวนึกขอบคุณมารดาที่พร่ำสอน อีกยังทั้งเคี่ยวเข็ญให้เธอตั้งใจเรียนภาษาไทย จนเธอสามารถอ่านออกเขียนได้ไม่แพ้คนไทยแท้ ซึ่งทำให้การเดินทางมาประเทศไทยอย่างกะทันหันพลันด่วนเป็นไปอย่างสะดวกขึ้น อย่างน้อยก็หมดปัญหาเรื่องการสื่อสารไปบ้าง วินมอเตอร์ไซค์คนหนึ่ง เอื้อมมือมาหยิบกระดาษแผ่นบางไปกวาดสายตามองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง พลางส่ายหน้าปฏิเสธออกมา “ผมอ่านตัวหนังสือที่คุณเขียนไม่ค่อยออก คุณจะไปไหนไม่ทราบครับ” รินรดาชักหน้าถอดสีเล็กน้อย พลางคลี่ยิ้มเจื่อนๆ ให้อีกฝ่าย รีบดึงกระดาษกลับมาคืน จากนั้นก็เอ่ยถามวินมอเตอร์ไซค์ผู้ใจดีอีกครั้ง “ดิฉันจะไปไร่พ่อเลี้ยงสันชัยที่อยู่ในหมู่บ้านพนาสวรรค์ ไม่ทราบว่า ดิฉันจะไปขึ้นรถได้ที่ไหนคะ” เพราะมัวแต่เป็นกังวลเรื่องการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ว่า ขณะเอ่ยถามออกไปรินรดาจึงไม่ได้สังเกตเลยว่า วินมอเตอร์ไซค์หลายๆ คนต่างหันมามองหน้ากันตอนที่ได้ยินชื่อของพ่อเลี้ยงสันชัย กระนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยพูดถึงพ่อค้ายาเสพติดรายนี้ นอกจากจะตอบคำถามตามที่หญิงสาวแสนสวยใบหน้าเศร้าหมองต้องการทราบ “เดี๋ยวเดินไปข้างหน้าอีกราวๆ สิบเมตรจะมีคิวรถรับจ้างอยู่ คุณผู้หญิงบอกคนขับว่าจะไปไร่กาแฟพ่อเลี้ยงสันชัย คนขับเขารู้จักดีครับ พอถึงแล้วเดี๋ยวเขาจะบอกคุณผู้หญิงเองครับ” วินมอเตอร์ไซค์คนเดิมเอ่ยบอก พร้อมกับชี้นิ้วไปยังทิศทางที่ตั้งของคิวรถโดยสารประจำทาง ซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก ในใจนั้นคิดสงสัยอยู่มากว่า หญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามอาจจะเป็นชาวญี่ปุ่นหรือชาวเกาหลี มาถามหาพ่อเลี้ยงสันชัย ที่เข้าไปกินข้าวแดงในคุกทำไมกัน รินรดาฝืนยิ้มให้วินมอเตอร์ไซค์ และก่อนจะเดินไปยังคิวรถโดยสารประจำทางก็ไม่ลืมเอ่ยขอบคุณในน้ำใจของพวกเขาเหล่านี้ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือคนต่างถิ่นอย่างเธอ “ขอบคุณมากนะคะ คุณน้าช่วยทำให้การเดินทางของดิฉันง่ายขึ้นกว่าเดิมมากเลยค่ะ” ร่างบางระหงของรินรดาเดินจากไปแล้ว ทว่ารอยยิ้มบางๆ ที่หญิงสาวได้ฝากไว้ ทำเอาบรรดาวินมอเตอร์ไซค์ทั้งหนุ่มใหญ่ หนุ่มรุ่นเดอะถึงกับหัวใจละลายไปกับรอยยิ้มนี้ เมื่อได้ข้อมูลการเดินทางตามที่ต้องการแล้ว รินรดารีบเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่งตรงไปยังคิวรถโดยสารประจำทาง เพราะตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว หญิงสาวเกรงว่าคิวรถจะหมด ไม่มีรถโดยสารเดินทางไปยังหมู่บ้านพนาสวรรค์ และก็ถือว่าโชคยังเข้าข้างเธอมาก เมื่อยังมีรถโดยสารเหลืออีกคันหนึ่ง ซึ่งเป็นคิวสุดท้ายของวันนี้พอดี “บ้านป่าคาสุขใจ บ้านป่าคาสามัคคี บ้านพนาสวรรค์” รินรดาอ่านตัวหนังสือสีขาวซึ่งพ่นด้วยสเปรย์ลงไปบนตัวรถ เพื่อให้ผู้โดยสารรู้ว่ารถโดยสารประจำทางคันนี้ ขับเคลื่อนเดินทางไปส่งผู้โดยสารยังหมู่บ้านใดบ้าง รินรดาก้าวขึ้นไปบนรถโดยสารที่มีที่นั่งสองแถว ซึ่งตอนนี้มีคุณยายแก่ๆ นั่งอยู่คนหนึ่ง กับหญิงวัยกลางคนอีกสองคนรวมกับเด็กเล็กหนึ่งคน พอขึ้นไปทรุดกายลงนั่งใกล้ๆ กับคุณยายซึ่งรีบขยับกายให้เธอนั่งด้วย และเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากคิวรถแล้ว หญิงสาวก็ออกปากเอ่ยถามกับผู้โดยสารทุกคนทันที “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่ามีใครไปลงที่หมู่บ้านพนาสวรรค์บ้างไหมคะ” “ยายนี่แหละอีนังหนู ยายอยู่บ้านพนาสวรรค์ อีนังหนูจะไปลงที่บ้านพนาสวรรค์ด้วยหรือจ๊ะ” แม้คำพูดของคุณยายที่นั่งอยู่ใกล้กันอาจจะฟังดูไม่เพราะพริ้งสักเท่าไร ทว่ารินรดากลับรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด รู้สึกถึงความเป็นกันเองที่คุณยายท่านนี้ได้มอบให้กับเธอ “ค่ะคุณยาย หนูจะไปบ้านพนาสวรรค์ ไปบ้านพ่อเลี้ยงสันชัย คุณยายพอจะรู้จักไหมคะ” รินรดาคลี่ยิ้มหวาน ขณะเอ่ยตอบออกไป คุณยายผู้เปี่ยมด้วยเมตตาพร้อมมอบความเป็นมิตรให้กับคนต่างถิ่นที่มาเยี่ยมเยือนหมู่บ้านของตนเอง ได้หรี่ตามองลอดแว่นสายตา เพื่อมองหญิงสาวที่แสนน่ารักให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนจะเอ่ยตอบออกมา “อ๋อ...บ้านพ่อเลี้ยงสันชัย ยายรู้จักดีจ้ะ เพราะบ้านของยายอยู่ถัดไปจากบ้านของพ่อเลี้ยงอีกสองซอย” คุณยายเก็บอาการสงสัยไว้ว่า หญิงสาวผู้นี้จะไปที่ไร่ของพ่อเลี้ยงสันชัยทำไมกัน แต่จะว่าไปแล้วจะพูดว่าไร่ของพ่อเลี้ยงสันชัยโดยตรงก็คงไม่ได้ เพราะแผ่นดินผืนนั้นได้เปลี่ยนมือมาเป็นของพ่อเลี้ยงคิวากร จิรภาสแล้ว “ดีจังเลยค่ะ” รินรดาร้องออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือคุณยายผู้ใจดีไว้ พร้อมกับเอ่ยขอร้องเสียงหวาน “คุณยายคะ ถ้าถึงบ้านของพ่อเลี้ยงสันชัยแล้ว คุณยายกรุณาบอกหนูหน่อยนะคะ” “ได้สิอีนังหนู เดี๋ยวพอถึงแล้วยายจะบอกให้นะ” คุณยายรับคำอาสาอย่างขันแข็งที่จะทำตามคำขอร้องของหญิงสาวคนนี้ “ขอบคุณคุณยายมากๆ นะคะ” รินรดายกมือไหว้ขอบคุณได้อย่างงดงามอ่อนช้อยไม่แพ้กับคนไทยแท้ รู้สึกโล่งอกขึ้นมาอีกหนที่มีคนรู้จักบ้านของพ่อเลี้ยงสันชัย ซึ่งมันช่วยร่นระยะเวลาในการเดินตามหาบ้านของพ่อเลี้ยงคนนี้ได้มาก และที่สำคัญเธอจะได้ไปถึงบ้านของพ่อเลี้ยงก่อนพลบค่ำ เพราะหากพระอาทิตย์ตกดินลาลับขอบฟ้าไปแล้ว คงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแน่ที่ต้องเดินท่อมๆ ตามหาบ้านของพ่อเลี้ยงสันชัยอยู่เพียงคนเดียว ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บเข้ากระดูกดำ แถมยังเต็มไปด้วยอันตรายจากสิ่งรอบตัวที่ไม่รู้ว่าจะจู่โจมเข้าหาเธอเมื่อใดกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม