อิงฟ้าถือแฟ้มไปสัมภาษณ์งานยังบริษัทแห่งหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังเดินลงมาจากรถก็สังเกตว่ามีผู้หญิงอีกคนที่เดินเข้าไปก่อนหน้าเธอแล้วชนกับ รปภ.ที่หน้าบริษัทเธอจึงยืนดูอยู่ห่างๆ
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือหรือยังไง”
“ขอโทษครับ” ลุง รปภ.พูดแล้วก้มหน้าลงรับผิด
“มาสัมภาษณ์งานเหรอครับ เชิญด้านในเลยครับ”
“ไม่ต้องมาเชิญฉันก็เข้าไปอยู่แล้ว” หญิงสาวคนนั้นพูดด้วยท่าทีที่รังเกียจและดูถูกลุงรปภ.คนนั้น
แต่สำหรับอิงฟ้าแล้ว มันเหมือนกับละครธรรม แอบคิดในใจว่าหากลุงยามเป็นประธานบริษัทปลอมตัวมาคงจะตลกน่าดู
เธอเดินเข้าไปที่หน้าบริษัทแล้วยิ้มให้กับเขา
“หนูมาสัมภาษณ์งานค่ะ”
“อ๋อ เชิญด้านในครับ ตรงเข้าไปเลี้ยวซ้ายนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” อิงฟ้าพูดด้วยความสุภาพ เธอเข้าไปในบริษัทเดินผ่านแม่บ้านที่กำลังถูพื้นอยู่ก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
ในขณะที่อิงฟ้ากำลังจะเข้าไปนั่งรอในห้องประชุม ในตอนนั้นเองเธอก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งที่มาสอบสัมภาษณ์งานเหมือนกัน
เขานั่งลงข้างเธอแล้วยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร เธอยิ้มตอบให้เขา ส่วนหญิงสาวอีกคนที่เข้ามาก่อนหน้านี้นั้นทำหน้าบึ้งตึงไม่พูดจากับใคร
“มาสัมภาษณ์งานเหมือนกันเหรอครับ” เขาถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
“ใช่แล้วค่ะ คุณก็มาสัมภาษณ์งานเหมือนกันเหรอคะ”
“ครับ ผมชื่อเทเวศ เรียกเวศก็ได้” ชายคนนั้นตอบแล้วยิ้มให้กับอิงฟ้า
“ฉันชื่ออิงฟ้า เรียกฟ้าก็ได้ค่ะ” เธอเลียนแบบประโยคเขาแล้วยิ้มให้แก่กัน รู้สึกถูกชะตากับเขาอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นไม่นานผู้จัดการก็เดินเข้ามาทำการสัมภาษณ์รวมทั้งสามคนพร้อมกัน คำถามมีไม่กี่คำถามเหมือนกับว่าอย่างไรทั้งสามคนก็ผ่านอยู่แล้ว และรับสามคนมาทำงานในหน้าที่ที่ต่างกันออกไป
หญิงสาวคนแรกที่เข้ามาก่อนอิงฟ้าเธอชื่อว่ารติรส รติรสสัมภาษณ์งานในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ซึ่งต้องนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บริษัทเพื่อต้อนรับคนที่เข้ามาติดต่อ อิงฟ้าทำงานเป็นพนักงานบัญชีและเทเวศทำงานเป็นพนักงานสินเชื่อ
ทั้งสามทยอยคนเข้าไปสแกนลายนิ้วมือเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะมาเริ่มงาน ในตอนนั้นเองอิงฟ้าและรติรสที่กำลังสแกนนิ้วลงในระบบอยู่ ก็ได้ยินพนักงานซุบซิบคุยกัน
“ได้ข่าวเรื่องท่านประธานปลอมตัวมาจากสำนักงานใหญ่หรือยัง ให้ตายสิทำอย่างกับในคลิป ทำไมชอบเล่นอะไรแบบนี้นะ”
“ท่านก็คงปลอมตัวมาดูงานนั่นแหละ”
“แล้วหน้าท่านประธานเราก็ไม่เคยเห็นด้วยไม่รู้จะหน้าตาเป็นยังไง แล้วคนที่มาใหม่ในบริษัทเราก็มีแต่ลุงยามแล้วก็น้องสินเชื่อคนนั้น”
“เอกสารสัมภาษณ์งานชัดเจนขนาดนั้น แถมยังอายุก็ยังน้อยยังไงก็ไม่ใช่ท่านประธานอย่างแน่นอน แสดงว่าลุงยามหน้าบริษัทคือท่านประธานที่ปลอมตัวมาจากสาขาใหญ่สินะ” ทั้งสองสาวซุบซิบกันอย่างออกรส
เมื่อได้ยินพนักงานพูดอย่างนั้นรติรสก็ยิ้มขึ้นมา หลังจากสแกนลายนิ้วมือเสร็จแล้วเธอก็รีบออกไปที่หน้าบริษัททันที
อิงฟ้าส่ายหัวเล็กน้อยเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่ตัวเองคิดเล่นๆ มันจะเป็นจริง ‘ประธานปลอมตัวมาเป็นยามเนี่ยนะ ถ้าไม่ได้ยินกับหูก็คงไม่เชื่อ’
หลังจากที่ลงลายนิ้วมือในระบบเสร็จแล้วเธอก็เดินออกจากแผนกบุคคล เทเวศเข้ามาต่อจากเธอ เขายิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่เป็นดูมีความหมายเล็กน้อย ทำให้อิงฟ้ารู้สึกว่าเขากำลังชอบเธออยู่ แล้วอดใจเต้นไม่ได้
อิงฟ้าเดินมาถึงหน้าบริษัทเห็นรติรสกำลังซื้อน้ำมาฝากลุงรปภ.ที่นั่งอยู่ด้านหน้า เธอส่ายหน้าเมื่อสิ่งที่รติรสทำนั้นเป็นการเอาใจประธานบริษัททางอ้อม ซึ่งถ้าหากเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นประธานบริษัทปลอมตัวมาก็คงจะไม่ได้ทำดีด้วยอย่างนี้
**********************
วันแรกที่มาทำงานอิงฟ้าเดินผ่านยามแล้วก็ยิ้มให้ตามปกติ ในเมื่อเขาอยากปลอมตัวเข้ามาก็แสดงว่าเขาไม่อยากให้ใครรู้ เธอจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ และเดินเข้าไปทำงานในบริษัทตามปกติ
ในขณะที่รติรสนั้นซื้ออาหารเช้าและเครื่องดื่มมาฝากวางตัวเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน
“นั่นเขาทำอะไรครับ จะจีบลุงชัยเหรอ” เทเวศเดินตามเข้ามาแล้วถามด้วยความขบขัน
“ลุงชัย อ๋อ ลุงยามนะเหรอ คือเมื่อวานนี้พอดีเธอได้ยินพี่ที่อยู่ในแผนกบุคคลคุยกันน่ะ ว่าท่านประธานจากสำนักงานใหญ่ปลอมตัวมาดูงานที่นี่ พอรู้ว่าท่านปลอมตัวเป็นลุงยามเธอก็เลยรีบไปเอาใจไว้ก่อน” อิงฟ้าบอกเขาขณะที่เดินไปสแกนนิ้วด้วยกัน
“แต่เมื่อวานผมเห็นด่าลุงยามอย่างกับอะไรดี อยู่ๆ ไปทำดีด้วยเนี่ยนะ”
“ก็ใช่แหละ ช่างเขาเถอะ” อิงฟ้าบอก แล้วอมยิ้มที่เทเวศชวนเธอคุยอย่างสนิทสนมตั้งแต่วันแรก
“แล้วเธอไม่ไปทำดีกับลุงยามเหรอ”
“ไม่หรอก ถ้าท่านประธานมีเหตุผลที่จะต้องปลอมตัวมาเราก็ไม่ควรที่จะดีต่อหน้าท่าน ฉันว่าทำตัวปกติจะดีกว่า” อิงฟ้าพูดกับเทเวศ ต่างคนต่างอมยิ้มให้แก่กัน แล้วทั้งสองก็เดินแยกกันไปทำงานในแผนกของตน
“มาทำงานวันแรกก็ทำงานล่วงเวลาซะแล้ว” อิงฟ้าบ่นพึมพำขณะเดินออกมาจากแผนก
ตอนนี้ทุกคนกลับออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ให้เธอเป็นคนปิดไฟตามออกมาเป็นคนสุดท้าย ในตอนนั้นเองอิงฟ้าเดินผ่านห้องประชุมของบริษัท เธอได้ยินเสียงแปลกๆ ก็ถึงกับขนลุกซู่ พอฟังดีๆ ก็รู้ว่ามันคือเสียงครางของคนที่กำลังมีอะไรกันอยู่
“เอาเข้ามาอีกลึกๆ เลยค่ะ รสชอบ” เสียงของรติรสดังออกมาจากห้องประชุม
ในตอนนั้นอิงฟ้าถึงกับทำตัวไม่ถูก แต่ก็อยากรู้อยากเห็นเพราะอยากรู้ว่ารติรสมาทำงานวันแรกเธอกำลังมีเพศสัมพันธ์กับใคร
อิงฟ้าส่องดูผ่านช่องที่อยู่ตรงประตู มองเข้าไปในห้องนั้นเห็นรติรสถูกลุงยามกดหน้าลงกับโต๊ะประชุมยืนประกบจากด้านหลังแล้วโยกสะโพกเข้าหาเธอเต็มแรง เสียงครางของรติรสดัง ลั่นห้องประชุมเพราะคิดว่าคนอื่นๆ กลับกันไปหมดแล้ว
“อ๊า ลุงชัย เอาเก่งจังเลยค่ะ”
“เป็นบุญของยามจนๆ อย่างลุงเหลือเกินที่ได้เอากับคุณรส”
“รสรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ เหมือนกับว่าเราเป็นเนื้อคู่กัน อ๊า เอามันมากค่ะลุง” รติรสพูดเอาใจลุงชัย แอ่นสะโพกให้เขากระแทกเธอเข้าไปอย่างเต็มแรง
ลุงชัยกระแทกเข้าไปถี่รัวอย่างไม่ออมแรง เสียงของรติรสครางกระเส่าจนอิงฟ้ารู้สึกเสียววูบไปทั่วท้องน้อย
ในตอนนั้นเองลุงชัยก็จับเธอลุกยืนรับจูบจากเขา ทั้งสองคนอยู่ในสภาพเปลือยท่อนล่าง รติรสกอดคล้องคอรับจูบจากลุงชัยอย่างเต็มใจ แล้วเขาก็อุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนโต๊ะแยกขาออกจากกันแล้วยืนกระแทกเธอพร้อมๆ กับจูบไปด้วย
เสียงเนื้อกระแทกกันของทั้งคู่ทำให้อิงฟ้าถึงกับกางเกงในแฉะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าพอรติรสรู้ว่าลุงชัยเป็นใครเธอก็ถึงขั้นเอาตัวเข้าแลกขนาดนี้
“ชอบไหมคะลุงชัย ผัวจ๋า อื้อ ทำไมเอาเก่งขนาดนี้” เสียงของรติรสบอกกับลุงชัยราวกับว่าเธอพอใจกับรสรักของเขาเป็นอย่างมาก
“เสร็จแล้ว อื้อ” ไม่นานนักรติรสก็ถึงเส้นชัย เธอตัวอ่อนลงไปหายใจหอบกระเส่า
ลุงชัยดันตัวเธอให้นอนลงไปกับโต๊ะ ยกสะโพกให้มาเกยที่ขอบโต๊ะ ลงมือซอยแท่งลำเข้าไปถี่รัวอย่างไม่ออมแรง
ในตอนนั้นอิงฟ้าเธอรู้สึกว่ารับไม่ได้กับภาพที่เห็นตรงหน้า เธอจึงรีบออกจากสำนักงานไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้ทั้งสองคนนั้นรู้ตัว พอไปถึงลานจอดรถก็ถึงกับตกใจเพราะว่าเทเวศยังอยู่ที่นั่น
“อ้าว เวศยังไม่กลับเหรอ”
“ยังพอดีรถเราเสีย” เขาบอกแล้วมองไปยังรถคันเก่าของตัวเอง
“นายเรียกช่างหรือยัง”
“เรียกแล้ว แต่ช่างบอกว่าไม่ว่างเลย มาได้พรุ่งนี้”
“ถ้าอย่างนั้นกลับกับเราก่อนไหมล่ะ เราเอารถมาแต่เป็นรถมอเตอร์ไซต์นะ” อิงฟ้าเสนอความช่วยเหลือกับเขา
“แล้วทำไมเธออยู่ดึกจัง วันแรกก็อยู่ทำล่วงเวลาเลยเหรอ”
“อืม โดนรับน้องน่ะ ให้ทำงานอยู่จนดึกแล้วออกมาจากห้องเป็นคนสุดท้ายน่ากลัวชะมัด ไม่รู้ว่าปิดไฟครบหรือเปล่า”
“เดี๋ยวลุงชัยแกก็ขึ้นไปสำรวจความเรียบร้อยอีกรอบอยู่ดีนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอก” เทเวศบอก
อิงฟ้ายิ้มแห้งๆ เมื่อได้ยินช่อลุงชัย
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนไปส่งเราหน่อยนะ”
“ได้สิ” อิงฟ้ารับปากแล้วยื่นกุญแจรถให้เขา
“แต่เวศต้องเป็นคนขับนะ เรากลัวรับน้ำหนักเวศไม่ไหว” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่สดใสและใบหน้ายิ้มแย้ม
**********************