อัญญา ทำงานเป็นแม่ค้าขายข้าวไข่เจียวทรงเครื่องที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้
เธอมีรูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้าง โครงหน้าคมเข้มและเป็นคนหน้าดุ ดูคล้ายผู้ชาย ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงข้ามเพศ แต่เธอก็ไม่ได้แก้ตัว เพราะว่าถึงพูดไปก็ไม่มีคนเชื่อเธออยู่ดี
หญิงสาวพยายามบอกความจริงว่าตัวเองเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ แถมยังเข้าใจว่าเธอเล่นมุกเหมือนสาวประเภทสองคนอื่นๆ ที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง
อัญญาจึงใช้ความเข้าใจผิดนี้สร้างจุดขายให้ตัวเอง ติดสติกเกอร์ตัวใหญ่ใต้ป้ายชื่อของร้านประชดคำถามของลูกค้า ‘ร้านนี้คนขายเป็นผู้หญิง’ แล้วทำท่าสะดีดสะดิ้งในการขายของจนมีลูกค้าเต็มร้าน
วันหนึ่งเธอขายข้าวไข่เจียวก็ได้กำไรอยู่แล้ววันละพันกว่าบาท จึงไม่สนใจว่าใครจะว่ากล่าวนินทาเธอว่าอย่างไร ตอนนี้เธอมีความสุขอยู่กับการทำงานแม่ค้าของเธอ และกำไรที่เธอเก็บสะสมเอาไว้เพื่ออนาคตที่สุขสบาย เท่านั้นก็พอแล้ว
“แม่ค้า วันนี้มีอะไรเด็ดไหมจ๊ะ” กลุ่มวัยรุ่นชายสามคนถามเธอด้วยท่าทางกวนๆ
“เด็ดทุกอย่างจ้า” อัญญาตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง
“เด็ดเหมือนสอยตูดแม่ค้าไหมจ๊ะ” ชายวัยรุ่นที่มาด้วยกันถามด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
“เด็ดกว่าตูดก็ตีนแม่ค้านี่แหละจ้า ลองไหมจ๊ะ” อัญญาฉีกยิ้มกว้างตอบกลับกวนบาทาไป แต่พวกนั้นกลับชอบใจหัวเราะลั่น
“หมูสับ ปูอัด หอมหัวใหญ่ สามกล่องจ้า ไม่เอาตีน” ชายวัยรุ่นสั่งแล้วเดินไปรอที่โต๊ะ
อัญญาส่ายหัว เธอชินแล้วที่ต้องเจออะไรแบบนี้ทุกวัน คนชอบดูถูกว่าร้ายให้คนอื่น หากใจไม่แข็งพอก็คงนั่งซึมไปแล้ว แต่เพราะเธอต้องทำมาหากิน โดนเหยียด โดนเข้าใจผิดแค่ไหนก็ต้องทำเป็นเข้มแข็งสู้
เธอถือคติว่าอดทนเพื่อความสุขสบายในภายหน้า เงินอาจไม่ใช่สิ่งมีค่ามากกว่าจิตใจของคน แต่มันเป็นสิ่งจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของเธอ
“พ่อค้าคนสวย ผมขอแฮม ชีส เบคอน หนึ่งกล่อง”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นมาทำให้ประโยคที่เหมือนว่าจะกวนบาทานั้นเบาลงไป แต่ก็ถือว่ากวนอยู่ดี สุภาพบุรุษดีๆ ที่ไหนจะเรียกคนที่แต่งหน้าแต่งตัวเป็นผู้หญิงว่าพ่อค้า ถ้าไม่ใช่จงใจเสียดสีหรือเหน็บแนมกัน
“ดูป้ายร้านจ้า แม่ค้าเป็นผู้หญิง” อัญญาพูดเสียงตะคอกตามสไตล์ที่ออกแบบมาเป็นแม่ค้าปากจัดเพื่อเรียกลูกค้าเหมือนคนดังทำกัน
“ดูป้ายทำไม หน้าพ่อค้าก็ชัดเจนอยู่แล้วนี่ครับ” เขาพูดแล้วเหยียดยิ้มออกมา ทำให้อัญญาโมโห แต่เก็บอาการ
“พูดแบบนี้ระวังไข่เจียวแม่ค้าติดคอนะจ๊ะ แหม ปากแบบนี้ไม่น่ารอดมาจนถึงตอนนี้เลยนะจ๊ะ”
“ปากดีแบบนี้ ไม่กินแล้วครับ ไม่เอาแล้วนะ” เขาบอกสุภาพแต่สายตานั้นดูไม่พอใจ
“ไม่กินก็ไม่ขายจ้า คนอื่นรอคิวเยอะแยะอย่ามาขวางหน้าร้าน” เธอพูดไล่เขาทางอ้อม
“แฮม ชีส เบคอน สองกล่องนะเจ๊” ชายหนุ่มยอมแพ้ เพราะทนต่อความสู้คนของอัญญาไม่ไหว
อัญญาลอบยิ้มอย่างพอใจ แล้วรีบทำเมนูไข่เจียวตรงหน้าตามคิวอย่างรีบเร่ง
ในตอนนั้นเองไรเดอร์ส่งอาหารขาประจำที่ไม่ใช่ลูกค้าก็มาถึง อัญญาเห็นเขาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะสั่งอะไร “ต้นหอม หมูสับ หอมแดง เหมือนเดิมใช่ไหม”
เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ตามคิว เธออมยิ้มไปทอดไข่ไป จนกระทั่งถึงคิวของเขา ไรเดอร์หนุ่มก็ขยับเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงหน้าสุด
“เสร็จแล้ว” เธอบอกเขาเสียงเรียบ แต่ในใจนั้นเต้นแรง เพราะเขาเป็นคนที่เธอแอบชอบ
เขาลุกขึ้นจ่ายเงิน แล้วไปนั่งทานอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง โดยมีอัญญาแอบมองเขาอยู่เงียบๆ คนอื่นจะเข้าใจว่าเธอเป็นอะไรเธอก็ไม่สนใจ แต่กับเขาเธอไม่อยากให้เข้าใจผิด
เธอขายจนกระทั่งของหมดและปิดร้าน เธอเก็บของแห้งและเครื่องปรุงใส่กล่องขึ้นไปมัดไว้ที่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของตน ไม่ได้เก็บไว้ใต้รถเข็น เพราะว่ากลัวโดยงัดขโมยของ ถึงมูลค่าไม่มากแต่เธอก็ไม่อยากเสียมันไปเพราะความโลภของคนอื่น
ไรเดอร์หนุ่มที่เธอแอบชอบเขาอยู่ห้องเช่าข้างๆ เธอ และเธอขอให้เขามารอเธอทุกวันเพื่อที่จะขับรถตามไปส่งเธอ และเขาก็รับปากแลกกับไข่เจียววันละกล่องตอนที่เขามารอกลับพร้อมกับเธอ ทำให้เธอดีใจเป็นอย่างมาก
สองเดือนแล้วที่เขาทำตามที่เธอขอ กับเมนูเดิมๆ ที่เขาไม่เคยเปลี่ยน แต่หัวใจเธอที่มีความหวังมากขึ้นทุกวัน แอบคิดว่าที่เขายอมรับปากเธอมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้เธอ เขาคงมีใจให้ตนเองอยู่บ้าง
พอขับไปถึงห้องเช่าของทั้งคู่ที่เป็นตึกแถวชั้นเดียวหลายคูหาติดๆ กัน ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอนโดยไม่มีคำล่ำลา นอกจากคำว่าขอบคุณที่เธอบอกเขาทุกครั้ง
ไรเดอร์หนุ่มได้แต่พยักหน้ารับทราบแล้วเดินไปยังห้องของตน แต่ก็ไม่วายโดนเพื่อนข้างห้องที่เช่าข้างๆ กัน ร้องแซว “กลับพร้อมกันทุกวัน ไปขุดทองกันมาเหรอจ๊ะ”
เขาไม่ตอบโต้และเดินเข้าห้องไป ทำให้อัญญานึกกลัวว่าเขาอาจจะรังเกียจเธอ ไม่อยากโดนคนแซวแรงแบบนี้
‘ทุกวันนี้เขาก็ทำเพื่อให้ได้กินข้าวกล่องฟรีเท่านั้นแหละ’
เธอไม่อยากคิดบั่นทอนตัวเองเลย แต่ถ้าลองคิดแบบไม่เข้าข้างตัวเองแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่น่าคิด ใครล่ะจะมาสนใจผู้หญิงที่หน้าตาค่อนไปทางผู้ชายอย่างเธอ
ถึงหลายครั้งเรื่องศัลยกรรมจะแวบมาเข้าหัวก็ตาม แต่ว่าเธองกเงินเกินกว่าจะเอาไปทำอย่างนั้นได้ แม้รู้ว่าศัลยกรรมจะทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็ตาม แต่ถ้าคนจะรักเธอที่ภายนอก เธอก็ยอมโสดและหาเงินไว้ดูแลตัวเองยามแก่จะดีกว่า
**********************
หลายวันผ่านไป ทุกอย่างก็ยังดำเนินไปตามปกติ ไข่เจียวทรงเครื่องของเธอขายดีทุกวัน ตั้งแต่บ่ายสามโมงจนถึงสามทุ่ม ทุกอย่างก็หมดอย่างทุกครั้ง บางวันเหลือเศษวัตถุดิบอย่างละเล็กอย่างละน้อย เธอก็นำมาใช้ทำอาหารให้ตนเอง ไม่เอาของเหลือไปทำให้ลูกค้ากิน
ชลันหนุ่มไรเดอร์ข้างห้องก็ยังคงเป็นคนที่เงียบขรึม และไม่ค่อยพูดจาเหมือนเดิม แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนไม่เคยเปลี่ยน
แต่วันนี้กลับมีเรื่องที่เธอไม่คาดคิดเกิดขึ้น นั่นคือเขาพาหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งซ้อนท้ายมารอเธอด้วย
ไรเดอร์หนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวคนนั้น อัญญาเห็นก็แทบมือไม้อ่อน แต่ก็ฝืนทำตัวเข้มแข็งเหมือนว่าเธอไม่ได้คิดอะไร
“เอาเหมือนเดิมไหม” เธอถามเขา
“อืม เอาสองนะ” เขาตอบสั้นๆ แล้วพาผู้หญิงคนนั้นไปนั่งรอตามคิวเก้าอี้ที่จัดไว้
อัญญาทำไปกลั้นความเสียใจของตนเองไป ลูกค้ามาใหม่ที่พูดกวนบาทาหยอกเธอ เจอเธอหยอกกลับแรงๆ ทุกราย ทำให้พวกวัยรุ่นลูกค้าประจำชอบใจเป็นอย่างมาก เพราะการตอบโต้คุยกวนแม่ค้าคือจุดขายของเธออีกอย่างด้วย
“พี่ตัดทิ้งหรือยัง หรือทำแค่นม” วัยรุ่นชายถามขึ้นมา แม้มันจะเป็นการพูดดูถูกเพศที่สาม แต่ผู้หญิงอย่างอัญญาก็รู้สึกไม่ชอบใจและโกรธแทน
คนทุกวันนี้ชอบดูถูกรูปลักษณ์ภายนอกของคนอื่น ดูถูกเพศสภาพของคนอื่น อัญญาไม่สามารถเปลี่ยนความคิดคนเหล่านี้ได้ เธอจึงต้องเข้มแข็ง และตอบโต้ออกไปแบบทีเล่นทีจริง เพื่อให้พวกนั้นรู้ว่าคำพูดของพวกเขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้
“บอกว่าเป็นผู้หญิง ให้ตายสิ ไม่เชื่อตามไปเอาที่ห้องเลยไหมจะได้จบๆ แม่ค้าจะแหกขาโชว์เลย จะได้รู้ว่างูหรือว่าหอย”
“ไม่เอาหรอกเจ๊ อยากกินหอยไม่ได้อยากกินงู” ชายวัยรุ่นยังกวนไม่เลิก
ชลันเดินเข้ามาหาเธอทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงคิว ปกติแล้วเขาไม่เคยทำแบบนี้ ทำให้อัญญาใจหายเป็นอย่างมาก “เดี๋ยวกลับมาเอา” เขาบอกแล้วจูงมือหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้นกลับไปที่รถของเขาแล้วขับออกไป
แม่ค้าสาวพยายามตั้งสติ ทำใจว่าวันนี้ต้องมาถึง เธอตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จนถึงคิวของเขาที่เธอทำไว้รอสองกล่อง แล้วทำของลูกค้าคนอื่นๆ จนถึงเวลาสามทุ่มที่เธอเก็บร้าน แต่ว่าเขาก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาง่ายๆ
อัญญาเก็บของเสร็จ เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งแล้วที่เธอนั่งรอเขามารับแบบโง่ๆ เธอมองข้าวกล่องตรงหน้า ถือมันมาห้อยไว้หน้ารถแล้วขับกลับห้องเช่าคนเดียวในซอยที่มืดและค่อนข้างเปลี่ยว
และมันคงเป็นวันซวยของเธอ เธอโดยมอเตอร์ไซค์วัยรุ่นต่างถิ่นขับมาประกบ เหมือนจะประสงค์ร้ายต่อเธอ
รถคันนั้นขับแซงไปแล้วจดขวางเธอเอาไว้ ทำให้เธอเบรกกะทันหันแล้วตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“กะเทยว่ะ แม่ง เสียอารมณ์” เขาพูดเหมือนว่าเธอไม่ใช่เหยื่อของเขาแล้วขับรถไป
อัญญาน้ำตาไหลพราก ขนาดโจรที่หวังจะข่มขืนยังทำท่าเหมือนว่ารังเกียจเธอ
“จะกะเทยหรือผู้หญิง ก็ไม่ควรได้รับการปฏิบัติแย่ๆ หรือเปล่าวะ เป็นกะเทยแล้วไง เป็นผู้หญิงแล้วไง มันไม่ใช่คนหรือไงวะ” เธอร้องตะโกนออกมากลางซอยมืดๆ แห่งนั้น ก่อนจะตั้งสติแล้วขับรถกลับไปที่ห้องเช่าของตน
ถ้าเจ้าของห้องเช่าอนุญาตให้ขายของที่ห้องเช่า เธอก็คงไม่ลำบากออกไปขายที่หน้าปากซอย แต่ถึงอย่างนั้นขายในนี้ก็คงไม่มีลูกค้าอยู่ดี ‘ชีวิตทำไมไม่เคยมีอะไรราบรื่นสักอย่างเลยนะ’
เธอถือถุงข้าวไข่เจียวสองกล่องนั้นไปห้อยไว้ที่หน้าห้องของชลัน รถของเขาไม่อยู่นั่นหมายความว่าเขาคงยังไม่เสร็จธุระกับผู้หญิงคนนั้น ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งเจ็บปวด
“แอบรักเงียบๆ อกหักเงียบๆ มันก็สมควรแล้ว” เธอบ่นออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด
**********************