Chapter 4 ร่างกายของเจ้าเป็นของข้า
ซูเยี่ยนถอยหลังไปสามก้าว คว้ามีดสั้นที่ข้างเอวมากำชับไว้ในมือแน่นอย่างระมัดระวังตัว เพราะเฉินฮ่านหลานคือหนึ่งในเก้ายอดฝีมือแห่งสำนักทรงธรรมที่นางไม่อาจประมาท ทว่าชายผู้นี้กลับผุดลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้าเข้าหานาง โดยไม่มีทีท่าว่าจะทำร้าย กลับกันดวงตาของเขาดูเลื่อนลอยไร้แวว ฉายชัดว่าไม่มีสติ
“ระ...หรือว่านี่จะเป็นผลของยาลูกกลอน”
นางยืนนิ่งแทบจะกลั้นหายใจเมื่อฮ่านหลานยื่นมือมาโอบเอวแล้วรั้งนางเข้าไปกอดแนบแน่น
‘ง่ายขึ้น’ ในความหมายหลิงเสียเป็นเช่นนี้เองหรอกหรือ คือการเปลี่ยนจากที่นางพยายามขึ้นขี่เพื่อปล้นสายน้ำแห่งชาติพันธุ์โดยอีกฝ่ายไม่สมยอม เป็นปลุกปั่นให้ฝ่ายชายเป็นฝ่ายเข้าหาแล้วปลดปล่อยสายน้ำแห่งชาติพันธุ์เข้ามาในกายของนางเสียเอง
หากเป็นเช่นนั้นนางก็อาจจะไม่ต้องเจ็บตัว แล้วทุกอย่างก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น ถ้า...
ความคิดสะดุดกึกอยู่เพียงเท่านั้น เมื่อคนตัวโตใช้มือหนาจับที่ปลายคางของนางแล้วดันให้แหงนเงย โดยที่ซูเยี่ยนยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็โน้มใบหน้าลงมาแล้วปิดริมฝีปากสีชาดนุ่มนิ่มเอาไว้ด้วยเรียวปากอุ่นร้อนเสียแล้ว
“อื้อ...”
นักฆ่าสาวทำได้เพียงร้องครางอยู่ในลำคอ หัวใจกระตุกแรงราวกับถูกกระชากออกจากอก ก่อนที่มันจะเต้นระรัวจนทั่วทั้งสรรพางค์กายร้อนผ่าว
“อะ...อื้อ”
นางร้องประท้วงได้อีกเพียงเท่านั้น ลิ้นร้อนที่อาบไล้ไปด้วยสุราเลิศรสก็แทรกผ่านเรียวปากสีชาดเข้ามา เกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นของนางแล้วพันเกี่ยวประสานดูดกลืนความหอมหวานจากรสสุราของกันและกัน
เวลานี้หวงซูเยี่ยนรู้เพียงว่าใบหน้าของนางแดงก่ำ หัวใจเต้นแรง ทั่วทั้งร่างอ่อนระโหยราวกับไร้แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะหยัดยืน จึงเผลอวางมือลงบนบ่าของเขา โดยที่เขาค่อยๆ ผลักนางให้ถอยหลังจนแผ่นหลังชิดกับผนังห้อง
นี่นะมันจูบแรกของข้านะ...
นะ...นี่นะหรือคือการจูบ!
ราวกับหัวสมองขาวโพลนเต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบ ร่างกายร้อนวูบวาบคล้ายดั่งมีเปลวไฟลามเลียไปตามนวลเนื้อ ก้อนเนื้อใต้ทรวงอกเต้นระรัวราวกับเสียงกลองศึก ภายในท้องหมุนวนราวกับมีผีเสื้อโบกกระพือกางปีกสยายนับพันนับหมื่น
ระ...รู้สึกดีจัง
เรียวปากอุ่นบดขยี้หมุนวนราวกับหิวกระหาย ก่อนจะปลดปล่อยให้นางได้มีอากาศหายใจเพียงชั่วหงส์กระพือปีก แล้วจูบจ้วงลงบนริมฝีปากสีชาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขบเม้มดุนดันก่อนจะสอดปลายลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปากสีเหมยกุ้ยฮวาอย่างดูดดื่ม ลิ้นเรียวพันเกี่ยวลิ้นเล็กไปมา จนท้ายที่สุดนักฆ่าสาวก็เผลอตวัดลิ้นอุ่นเอาไว้บ้างอย่างลืมตัว
หวงซูเยี่ยนรู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณท้องน้อย ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากเครื่องเพศของอิสตรีจนง่ามขาเปียกแฉะไปหมด
ความเจ็บแสบจากการพยายามสอดใส่ด้วยตนเองเมื่อครู่จางหาย แทนที่ด้วยความซ่านกระสันอย่างน่าตกใจ นางรู้สึกเสียวหน่วงไปยังบริเวณหัวหน่าวจนเผลอเบียดต้นขาเข้าหากัน แล้วนั่นก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกหวิวไหวจนถึงกับห่อไหล่สะท้าน
“อ๊ะ!”
นักฆ่าสาวแห่งพรรคมารถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ มือหนาที่โอบเอวของนางไว้ค่อยๆ เลื่อนต่ำลง ต่ำลง ต่ำลง ก่อนจะถลกกระโปรงของนางขึ้นเพื่อพบว่ากางเกงตัวในสีขาวถูกถอดกองไว้ที่พื้นเสียนานแล้ว เปิดเปลือยให้เห็นสะโพกอวบอิ่มและโหนกนูนอวบอัด
และแน่นอนว่าบุรุษหนุ่มในวัยกลัดมันอย่างเฉินฮ่านหลานไม่รีรอที่จะคว้าหมับเอาไว้เต็มอุ้มมือ
“อืม...”
ชายหนุ่มถึงกับครางในลำคอคล้ายพึงใจ ก่อนที่เขาจะขยับฝ่ามือไปมา แล้วค่อยๆ แทรกนิ้วกลางเข้าไประหว่างรอยแยกกลีบดอกไม้อวบอูมทั้งสอง ปลายนิ้วสัมผัสลงบนเมล็ดสวาทเข้าอย่างจัง เขาแตะมันอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ หมุนวนไปมาอย่างเชื่องช้า
“อ๊ะ อะ...อื้อ อื้อ...”
ซูเยี่ยนกระตุกร่างเกร็งด้วยความตื่นกลัวระคนความวาบหวามที่แล่นปราดไปทั่วทั้งร่าง สัมผัสที่ไม่เคยรู้จัก ความซ่านเสียวที่น่าค้นหา แค่เพียงเขาสัมผัสปลายนิ้วแผ่วเบา นางกลับหวิวโหวงจนหัวใจเต้นระรัว ในรูชื้นแฉะคายน้ำใสออกมาจนเปียกชุ่มนิ้วกลางของชายหนุ่มไหลเลอะลงมายังอุ้งมือ เยิ้มย้อยไปตามง่ามขาเรียว บ่งบอกว่าร่างกายของนางตอบสนองต่อสัมผัสเร้าจากฮ่านหลานได้ดีเพียงใด
“นุ่มจัง”
ชายหนุ่มพึมพำอย่างคนไม่มีสติ สมองของเขาตอนนี้สั่งให้เขา ‘ร่วมหลับนอน’ กับหญิงตรงหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งอื่นใด
ดังนั้นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจเขาได้มากที่สุด ก็คือเรือนร่างอวบอัดที่แสนเย้ายวนของหญิงงามในอ้อมกอด เครื่องเพศที่น่าอภิรมย์ของสตรีทำให้ท่อนเอ็นของเขาถึงกับปวดหน่วงจนต้องขบกรามเข้าหากันเอาไว้
“ดอกไม้ของเจ้าทั้งอวบอูม นุ่มมือ และคับแน่นราวกับไม่เคยผ่านมือชาย เจ้าเป็นหญิงคณิกาแน่หรอกหรือ”
ชายหนุ่มพึมพำออกมาคล้ายละเมอ ยังผลให้คนตัวเล็กที่เผลอไผลทอดร่างกายให้เขาเชยชมถึงกับสะดุดกึก พยายามจ้องมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา เพ่งพิศเข้าไปในดวงตาคมไร้แววอย่างจ้องจับผิด แต่กลับไม่พบพิรุธใด
แน่ละ...ก็ตอนนี้ชายหนุ่มเมามายมีอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ย่อมต้องจำได้อย่างเลือนรางว่าตนเองมาดื่มสุราเคล้านารีที่หอนางโลม จึงไม่แปลกที่เขาจะถามไถ่พูดคุย นางเสียอีกที่ต้องสวมรอยเป็นคณิกาหลิงเสียให้แนบเนียนอย่าให้เขาระแคะระคายสงสัย เมื่อเขาสร่างเมาในตอนรุ่งเช้าจะได้เข้าใจผิดคิดว่าร่วมหลับนอนกับหญิงคณิกา หาใช่หญิงอื่นที่แอบมาสวมรอยแทน
“แน่นอนเจ้าค่ะใต้เท้า เวลานี้ร่างกายของข้าเป็นของท่าน”
นักฆ่าสาวพยายามดัดเสียงให้อ่อนหวานยวนเย้าด้วยความประดักประเดิดเขินอาย
“ร่างกายของเจ้าเป็นของข้างั้นหรือ”
เอ่ยถามโดยที่มืออีกข้างเลื่อนขึ้นมาฉีกทึ้งคอเสื้อของนางจนฉีกขาด
แควก!
มือหนาล้วงลึกลงไปยังสาบเสื้อที่ฉีกขาด แล้วกอบกุมทรวงอกของนางเอาไว้ เสียงคำรามในลำคอดังขึ้นแผ่วเบา เมื่อเขาพบว่าอกอิ่มของนางใหญ่จนล้นฝ่ามือ