“อยากรู้เหรอ ว่าข้าจะจีบยังไง?”
ทั้งที่คิดจะแกล้งเพื่อทำให้เขาสงบปากสงบคำลงแท้ๆ แต่ตอนนี้ พอได้มองหน้าเขาในระยะใกล้ขนาดนี้ ทุกอย่างในหัวมันก็ดันว่างเปล่า ลืมความตั้งใจแรกที่คิดจะทำไปจนหมด
“ถ้าพี่รำคาญก็พูดดีๆ …เฮ้ย!” อีกครั้งที่ไอ้ลูกเจี๊ยบร้องเสียงหลง
มันทำตาโต เมื่อฉันขยับกายโน้มหน้าเข้าไปใกล้ในลักษณะคร่อมทับร่างของเขาเอาไว้ ทุกอย่างมันรวดเร็วแบบไม่สามารถบังคับได้
ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะไอ้ความรู้สึกที่เหมือนกับกำลังป่วยอยู่ล่ะมั้ง ร่างกายมันถึงได้เกินการควบคุมแบบนี้...
“พะ พี่เดี๋ยวดิ จะทำอะไรวะ!?” ที่แย่สุดๆ ในตอนนี้ก็คือไม่ว่าจะสีหน้า สายตา ริมฝีปากที่บดเพื่อต่อว่าฉันของเขากำลังดึงดูดความสนใจของฉันอย่างสุดๆ
ยิ่งขยับเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ ไอ้อาการวูบๆ ร้อนๆ ในอกก็เหมือนจะรุนแรงขึ้น
เสียงโวยวายของเขาทำใจฉันสั่นได้อย่างน่าแปลก และมันตระหนักได้ว่า เขานี่แหละคือตัวต้นเหตุที่ทำให้ร่างกายฉันเกิดอาการคล้ายกับกำลังป่วย หัวใจเต้นแรงได้อย่างไร้เหตุผล
“เฮ้ยพี่!” เสียงของกุ๊กที่ตะคอกดังเข้ามาในโสตประสาทเป็นครั้งสุดท้าย ทำร่างกายฉันสะดุ้งเล็กน้อยจากภวังค์ความคิด
ก่อนพบว่าใบหน้าทะเล้นน่ารักของเขาที่ฉันจ้องค้างเอาไว้อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 3 เซนติเมตร ปลายจมูกของเราทั้งคู่กำลังแนบชิดกันถึงขั้นรับรู้ถึงลมหายใจปั่นป่วนของกันและกันได้อย่างชัดเจน
วินาทีนี้บอกได้เลยว่าฉันสามารถมองเห็นแววตาตื่นตระหนกของเขาได้ชัดเจนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ฟึ่บ!
เมื่อตั้งสติได้ ฉันก็รีบปล่อยมือจากคอเสื้อกุ๊กทันที พร้อมทั้งรีบผละตัวออกห่าง และพอได้เงยหน้ามองบรรยากาศรอบตัว ก็ต้องพบว่า ตอนนี้มีสายตาของคนในและยอกสนามกำลังจ้องมองมาด้วยควาตกใจ
ความรู้สึกจุกแน่นในอกก็คล้ายกับจะรุนแรงและอย่างหนักยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จำต้องลุกขึ้นจากม้านั่งทำตัวราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะรู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนก็ตาม
“พี่เล่นเชี่ยไรเนี่ย” เสียงพึมพำเบาๆ ของกุ๊ก ไม่ได้ทำให้ฉันหันไปมองเหมือนทุกครั้ง กลับกัน คราวนี้ฉันดันรู้สึกอายที่จะหันไปมองเขาตรงๆ แต่เลือกที่จะเก็บข้าวของของตัวเองด้วยความรีบร้อน
“โทษที...” บ้าฉิบ! นี่ร่างกายกำลังเป็นห่าอะไรไป
“พี่แม่งชอบทำผมหัวใจเกือบวาย... สรุปเป็นเกย์ป่ะเนี่ย”
หูน่ะได้ยินคำพูดของเด็กนั้นนะ แต่สมองและความคิดมันดันไม่รู้จะหาคำตอบอะไรตอบกลับไป สุดท้ายฉันจึงตัดจบบทสนทนาระหว่างเราลงด้วยคำพูดสั้นๆ ก่อนเท้าจะเริ่มก้าวเดินออกจากสนามบอล
“ก็สงสัยไม่ใช่เหรอ ว่าข้าจะจีบคนอื่นยังไง?”
“...”
“เมื่อกี้ก็แค่สาธิต... วิธีจีบคนที่ข้าชอบให้เอ็งดูเฉยๆ”
เวลา 18.15 น.
ผัวะ! ผัวะ!
เวลาสับสนความคิดของตัวเอง จนเริ่มหายใจไม่สะดวก คนส่วนใหญ่มักจะทำอะไร? สำหรับฉันคงหาอะไรที่ผ่อนคลายทำแทนที่จะเก็บความสับสนแบบนั้นมาคิดใส่หัวสมองล่ะมั้ง
ผลัก! ผัวะ!
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
ผัวะ! ผัวะ!
‘เฮ้ย! จะทำอะไรวะพี่!’
ฉันสะบัดหัวไปมาแรงๆ ร่างกายปฏิเสธเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายออกจากหัวไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง แววตา หรือแม้แต่ใบหน้าหล่อน่ารักของเด็กคนนั้น หมัดพุ่งเข้าใส่กระสอบทรายตรงหน้าอย่างไม่ยั้งแรง
ฉันกำลังพยายามทำเรื่องผ่อนคลายให้ใจสงบ
ผลัก! ผัวะ! ผัวะ!!
สุดท้ายไอ้การกระทำดังกล่าวมันก็ไร้ความหมาย เมื่อร่างกายถูกใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่ออัดกระแทกหมัดใส่กระสอบทรายมาเป็นระยะเวลานานตั้งแต่ช่วงบ่าย จนถึงเวลานี้ แขนสองข้างรวมไปถึงขาหมดแรงลงอย่างดื้อๆ จนต้องทรุดตัวลงนั่งเหยียดขาไปกับพื้นอย่างจำยอม
‘พี่เล่นเชี่ยไรเนี่ย!’
พอหยุดสีหน้า ท่าทางของเด็กคนนั้นก็ปรากฏขึ้นมาในหัว มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหากว่า สิ่งที่วนเวียนในความคิดเป็นแค่เสียงต่อว่าอย่างนึกรังเกียจเหยียดเพศ ไม่ใช่กับ…
‘ปกติพี่ชอบเตะบอลอยู่ในสนามไม่ใช่อ่อ ผมเห็นพี่ชอบเตะบอลกับเพื่อนในสนามบ่อยๆ’
คำพูดที่คล้ายกับว่าฉันกำลังถูกเฝ้ามองอยู่ตลอดแบบนี้ มันทำให้รู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง ใจมันสั่นๆ แต่กลับกันพอคิดถึงคำพูดอีกประโยคของเขาขึ้นมามันก็…
‘แล้วพี่… ชอบโกกิป่ะ? คนนี้อ่ะผมจองนะพี่’
บ้าเอ้ย! อะไรกันวะ ไอ้ความรู้สึกแบบนี้
กึก!
เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งหยุดที่หน้าประตู ทำหมัดที่ตั้งท่าจะต่อยอัดเข้าใส่กระสอบสายหยุดลง สายตาเหลือบมองไปยังต้นเสียงโดนอัตโนมัติ
“ขยันซ้อมจังเลยนะ ปีนี้มีลงแข่งหรือไง?” ไอ้เทาในชุดเสื้อยืดสำเข้มสวมทับด้วยเสื้อช็อปเอ่ยถามขึ้น ก่อนถือวิสาสะถอดรองเท้าเดินเข้ามาภายนห้องซ้อม
“ยังไม่มี” ฉันตอบส่งๆ ก่อนตัดสินใจถอดนวมที่สวมอยู่ที่มือออกทีละข้างแบบไม่มอง
“ไม่มีแข่ง แต่รีบกลับมาซ้อมมวยที่บ้านเนี่ยนะ?”
“วันนี้เอ็งดูถามมากจังวะ” ฉันบ่นพลางเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำเปล่าบนโต๊ะทรงเตี้ยใกล้ๆ ทว่า ไอ้เทาที่ไวกว่าดันฉวยขวดน้ำดังกล่าวไปต่อหน้าตา แถมยังขยับยิ้มเจ้าเล่ห์ยียวนเหมือนจงใจจะกวนประสาท
แต่ก็แค่แป๊บเดียว มันก็ยอมยื่นขวดน้ำส่งคืนมาให้แล้วพูดคล้ายกับรู้ทัน
“วันนี้มึงดูตึงๆ นะ ทะเลาะอะไรกับไอ้เด็กนั่นข้างสนามวะ”
ฉันไม่ตอบแต่เลือกที่จะเปิดฝาขวดน้ำยกขึ้นกระดก ก่อนจะสำลักเมื่อจู่ๆ ไอ้เทาพูดคำพูดประโยคหนึ่งออกมา
“คราวหน้าคราวหลังระวังหน่อย อย่าคร่อมผู้ชายในที่สาธารณะอีก”
“พรวดดดด… แค่กๆ พะ พูดห่าไรวะ?” ฉันตะคอกเสียงถามแบบไม่เข้าใจ
“ก็วันนี้พวกกูเห็นมึงคร่อมไอ้เด็กนั่น ทำเหมือนจะต่อยกันอย่างงั้นแหละ” ไอ้เทาหรี่ตาลงเล็กน้อย คล้ายกับจะจับผิดก่อนถามออกมารอบที่สอง
“หรือตอนนั้นมึงจะทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่หาเรื่องน้องเขา?”
ฉันเงียบ มองตอบสายตาคล้ายกับสงสัยของไอ้เทากับไปโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเป็นฝ่ายละสายตาไปจากไปหน้าคมคายของเพื่อนสนิทเสียเอง
“แล้วเอ็งมาทำไรที่บ้านใหญ่วะ?” สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ตอบคำถามของไอ้เทา แต่เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง
“พ่อวานกูให้เอาเอกสารมาส่งให้พ่อมึงไง”
“เหรอ?” บอกเลยตอนนี้ ว่าฉันไม่สนใจด้วยว่าไอ้เทาในตอนนี้กำลังจับผิดอยู่หรือไม่ เพราะจริงๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นร่างกายเป็นอะไร ทำไมมันถึงได้แสดงออกใส่ไอ้เด็กนั่นไปแบบนั้น…
อ่าจริงด้วยสิ…
“เทา” พอความคิดหยุดลง ปากก็พลั้งเรียกชื่อเพื่อนสนิทออกไปทั้งๆ อย่างงั้น ก่อนจะตามมาด้วยคำถามที่อยู่ในหัว “เอ็งเคยใจเต้นแรงตอนอยู่ใกล้ใครป่ะวะ”
“หืออออ” ไอ้เทาลากเสียงคล้ายกับแปลกใจ จนตองเหลือบมองมันด้วยหางตา ก่อนจะถามซ้ำออกไปอีก
“เอ็งน่ะ เคยทำตัวไม่ถูก เวลาอยู่ใกล้ๆ ใครสักคนไหม”
“ถามไมอ่ะ หรือมึงกำลังเป็น?” ไอ้เทาย้อน ส่วนฉันก้เลยพยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ “กับสาวที่ไหนล่ะ?”
“ไม่ใช่สาว!” ฉันโพล่งขัดคำถามของไอ้เทาออกไปอย่างลืมตัว รู้อีกที ฉันก็เห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทกำลังกระตุกยิ้ม มองฉันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์เสียแล้ว
ฉิบหายล่ะ… พลาด!
“ไม่ใช่กับสาว แปลกว่ากับผู้ชาย” ไอ้เทาพูดลอยๆ พยักขยับตัวขึ้นนั่งบนโต๊ะไม้ทรงเตี้ยในท่าทางสบายๆ โดยสายตายังคงจ้องฉันเอาไว้อย่างงั้น “กำลังมีความรักอ่อวะ?”
“จะบ้าหรือไง ใช่ที่ไหนเล่า!”
“ก็ไอ้อาการที่มึงบอกอ่ะ มันคืออาการของคนมีความรัก”
“…” อาการของคนมีความรักงั้นเหรอ ฉันเนี่ยนะ!?
“พออยู่ใกล้แล้วใจเต้น อยากเห็นหน้า ทำตัวไม่ถูกทุกที… ไอ้อาการแบบเนี่ย กูก็เคยเป็น” ไอ้เทาพูดยิ้มๆ ต่างจากฉันที่เริ่มจะคิดหนัก
นี่มันก็ยี่สิบกว่าปีแล้วที่ฉันเพิ่งเคยรู้สึกอะไรแบบนี้กับใครสักคน และถ้าหากว่าสิ่งที่ไอ้เทาพูดมันคือเรื่องจริง มันก็แปลได้ว่าฉันไม่ได้ป่วย แต่กำลังแอบชอบไอ้ลูกเจี๊ยบนั่นน่ะเหรอ!?
“แล้วยังไงอ่ะ มึงชอบใครวะเก้า” ฉันสะดุ้งจากความคิด กระพริบตาปริบๆ มองหน้าไอ้เทา ใจก็อยากตอบออกไปน่ะนะ แต่ลิ้นมันดันแข็งพูดไม่ได้คล้ายกับเป็นใบ้ไปเสียดื้อๆ
“ถ้ามึงชอบ ทำไมไม่จีบล่ะวะ?” เพราะฉันเงียบ ไอ้เทาที่รอฟังคำตอบจึงเป็นฝ่ายพูดออกมาเสียเอง
“จีบห่าอะไร ข้าเป็นผู้หญิงนะ” พออะไรๆ เริ่มชัดเจนขึ้น ท่าทางรวมไปถึงคำพูดก็คล้ายกับจะเปลี่ยนไป เหมือนว่ากำลังถูกจี้จุดตายยังไงอย่างงั้น
“แมนมาทั้งชีวิต รุกก่อนจะเป็นห่าอะไร” ไอ้เทาว่า “ผู้หญิงจีบก่อนไม่น่าเกลียดหรอกมึง นอกจากเขาจะมองมึงว่าไม่เหมือนผู้หญิง”
=_= ก็นั่นสินะ…
“แต่ยังไงมึงก็เป็นผู้หญิงนะเก้า เชื่อกูเถอะ ผู้หญิงที่เข้าจีบผู้ชายก่อนแม่งน่ารัก” ไอ้เทาเงียบเสียงลงเล็กน้อย ก่อนขยับยิ้มใจดี ขณะสายตามองลึกผ่านนัยน์ตาฉัน จากนั้นก็พูดขึ้นอีก “กูว่าตอนมึงเป็นแบบนั้น มึงก็คงต้องน่ารักมากแน่ๆ”
ฉันกระตุกปากอย่างนึกขนลุก และท่าทางแบบนั้นแหละเลยทำห้ไอ้เทาหลุดหัวเราะออกมา
“งั้นกูเอาเอกสารไปให้พ่อมึงก่อน ถ้ายังอยากคุยต่อก็รอกูที่ห้องซ้อมก็แล้วกัน…” ไอ้เทาตัดบทยิ้มๆ ขยับตัวลงจากโต๊ะเดินย้อนกลับไปที่ประตูห้อง และตอนนั้นเองที่ฉันพลั้งปากเรียกมันออกไปเป็นหนที่สอง
“เฮ้ยเทา!” คนตัวสูงระดับพอๆ กันเหลียวหลังมองาด้วยความสงสัย ส่วนฉันก็รีบพ่นคำถามที่อยู่ในหัวออกไปทันที “แล้วถ้าข้าจะจีบ ข้าต้องทำไงวะ?”
“มึงบอกความรู้สึกเขายังล่ะ?” ไอ้เทาถาม พร้อมทั้งทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้ายังก็บอกความรู้สึกออกไปซะแค่นั้นเอง”
“…”
“แต่ถ้ามึงป๊อดไม่กล้าพูดต่อหน้า โทรศัพท์ของมึง คงไม่ได้มีไว้ปาหัวหมาใช่ไหมล่ะ จีบผ่านโทรศัพท์เลยสิ” ไอ้เทาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ก่อนเดินออกจากห้องซ้อมไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทิ้งฉันไว้กับความคิดมากมายที่เพิ่งถูกโคมาหมาดๆ รวมไปถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เป็นมาตลอดทั้งวัน
จีบผ่านโทรศัพท์เหรอ…
บ้าน่าใครแม่งจะไปทำแบบนั้นกันวะ…