-KOOK TALK-
วันเดียวกัน
เวลา 21.15 น.
“ผมกลับแล้วนะพี่!” มันก็เหมือนทุกวันที่ผมต้องทำงานพิเศษและเดินกลับบ้าน แต่ว่าวันนี้ลูกค้าในร้านดันเยอะกว่าทุกที ผมก็เลยกลับบ้านเลทกว่าความจำเป็น
ทั้งที่คิดมาตลอดว่าการได้รับงานว่าจ้างทำเค้กให้โกกิ จะทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับเธอดีขึ้นแท้ๆ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ขยับไปไหนเลยสักนิด
“เฮ้ออ” คิดแบบนี้แล้วมันก็อดถอนหายใจทิ้งไม่ได้
นอกจากความสัมพันธ์ระหว่างน้องโกกิจะไม่คืบหน้าแล้ว วินาทีนี้คนทั้งมหาวิทยาลัยคงจะมองผมเหมือนเกยกันไปหมด ทั้งหมดนั่นน่ะมันเพราะไอ้พี่นพเก้าอะไรนั่นแท้ๆ
พอคิดมาถึงตรงนี้จู่ๆ เลือดลมในกายก็เริ่มสูบฉีดแรงขึ้นอย่างไร้เหตุผล เมื่อในหัวนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างสนามฟุตบอลวันนี้
อ่า! บ้าฉิบ นึกว่าจะถูกจูบแล้วไหมล่ะ
‘ข้าไม่ใช่เกย์ เลิกมองด้วยสายตาแบบนั้นสักทีเถอะ’ ไม่ใช่เกย์ห่าอะไรกัน ผู้ชายดีๆ เขาเล่นกันแบบนี้เหรอวะ
โอ๊ยย! ไอ้กุ๊ก มึงจะมาคิดห่าอะไรเนี่ย!!?
“พอสักทีได้ไหมพี่น็อต กิเบื่อ!” เสียงหวานๆ ของใครคนหนึ่งซึ่งผมจำได้ดี ทำเท้าที่เดินจ้ำอ้าวตั้งแต่ร้านเค้กหยุดลง
ร่างกายสั่งให้ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาเจ้าของเสียงดังกล่าว ก่อนพบว่า ในซอยแคบๆ ที่พี่เก้าเคยมีเรื่องกับคนร้ายมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนอยู่ เพราะแสงภายในซอยดังกล่าวมันมืดมาก ผมเลยมองเห็นไม่ชัดเท่าไหร่นัก
“ เบื่อไรกิ คนที่ต้องเบื่อคือพี่ต่างหาก !” ดูเหมือนคนคู่นั้นกำลังทะเลาะกัน ซึ่งผมจะไม่สนใจอะไรถ้าหาก ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีเสียงเหมือนโกกิ
ที่สำคัญเธอยังแทนตัวว่ากิเหมือนโกกิอีกต่างหาก…
“กิเป็นเมียพี่นะ!”
เพียะ!
เสียงตบหน้าที่ดังก้องไปทั่วช่องว่างระหว่างตึก บวกกับที่ตอนนั้นมีรถคันใหญ่ขับผ่านไปพอดี ทำให้ภาพของชายหญิงคู่นั้นจึงปรากฏต่อสายตาผมชัดขึ้น แม้จะเพียงแค่ 5 วินาที แต่เชื่อเถอะว่าผมไม่มีทางมองคนที่ผมชอบผิดหรอก
ผู้หญิงคนนั้นคือโกกิอยู่จริงๆ ฉิบหายแล้ว อยู่ไม่ได้ ต้องรีบไป!
เพราะสมองสั่งการแบบนั้น ผมก็เลยรีบเร่งฝีเท้า ก้มหน้าเดินไวปานว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น พาตัวเองออกจากบริเวณนั้นทันที ทว่า เดินหนีออกมากจากจุดนั้นได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็ต้องเจอปัญหา
กึก!
เมื่อตรงหน้าปรากฏร่างสูงใหญ่ของผู้ชายท่าทางน่ากลัวคล้ายกับพวกยากูซ่าให้หนังยืนดักอยู่ พวกมันยืนกอดอกมองผมคล้ายกับจะรู้ว่า ก่อนหน้านี้ผมได้ทำเรื่องเสียมารยาทแอบยืนฟังโกกิคุยกับผู้ชายอีกคน
ทั้งที่คิดอย่างงั้นแต่เหมือนว่าผมจะคิดผิด เมื่อหนึ่งในผู้ชายท่าทางน่ากลัวตรงหน้าเอ่ยปากถามเสียงดุ
“มึงชื่อกุ๊ก เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชน K ใช่ไหม?”
“คะ ครับ…” ผมตอบแบบไม่เต็มเสียงนักและเผลอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว ซึ่งนั่นตามมาด้วยคำสั่งสุดช็อก
“ถ้าไม่อยากตาย เอาเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวมา!”
“อะ เอาไปทำไมครับ!?” ด้วยคำถามที่โคตรแปลก แตกต่างไปจากที่คิด ปากก็เลยพลั้งถามออกไปแบบนั้น ทั้งที่ผมโคตรจะตกใจ
แต่อีกฝ่ายนี่ดิ ดันตีบทนิ่งทำหน้าโหดใส่ จนต้องรัวคำพูดออกไป
“เลขท้ายสามตัวเบอร์ผมไม่ออกหรอกครับ ผมเล่นมา 3 งวดแล้ว โดนแดกหมดเลย!”
“ตลกเหรอ? บอกให้เอาเบอร์มา!!”
เหมือนว่าคนพวกนั้นจะไม่รับมุกเอาเสียเลย เพราะแบบนั้นผมก็เลยรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแบบรีบร้อนพร้อมทั้งส่งให้กับผู้ชายหน้ากลัวตรงหน้าทันที
“หนะ นี่ครับ พี่เอาไปทั้งโทรศัพท์เลยก็ได้”
ฟึ่บ!
ไอ้พวกนักเลงคว้าโทรศัพท์ไปจากมือถือผมอย่างรวดเร็ว แต่ถึงจะได้ของมีค่าไปแล้ว แต่พวกมันก็ไม่ยอมปล่อยผมไปจากตรงนั้นหรอกนะ เพราะอีกสองคนที่เหลือยังยืนจ้องเขม่นมอง ปล่อยให้คนที่ตัวใหญ่สุดกดโทรศัพท์ผมยุกยิกไม่หยุด
“รหัสอะไร?”
“1150!”
เวรเอ้ย! นี่วันบัดซบอะไรวะเนี่ย
“เอาคืนไป” ครู่ใหญ่ๆ หลังจากที่นักเลงตัวใหญ่กดโทรศัพท์ของผมจนพอใจมันก็ยื่นส่งคืนมาให้อย่างง่ายดาย
ไม่ใช่แค่นั้น ทันทีที่ผมรับโทรศัพท์ของตัวเองจากมือมันมาอย่างงงๆ พวกเขาทั้งหมดก็เดินสวนขึ้นไปอีกทาง ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดะ เดี๋ยวนะ… นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ?
พอคิดถึงสถานการณ์ที่โคตรแปลก มันก็อดเหลียวหลังมองสามคนนั้นอีกครั้งไม่ได้ รู้ไหมพวกมันไม่ได้หันกลับมามองผมเลยแม้แต่นิด แต่นั่นทำให้ผมเปลี่ยนความสนใจจากพวกมันมาเป็นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ
ผมรีบกดเช็กโทรศัพท์ของตัวเองอย่างนึกแคลงใจก่อนพบว่า พวกมันกลุ่มนั้นได้แอดไอดีโปรแกรมแชทของใครคนหนึ่งเอาไว้ ถามว่าใครผมเองก็ไม่รู้หรอก เพราะรูปดีสเป็นรูปแมว ส่วนชื่อก็เป็นเบอร์แปลกที่ผมไม่คุ้นเลยสักนิด
ปี๊บ! ปี๊บ!
ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ บนหน้าจอแชทที่ผมมองอยู่ปรากฏข้อความใหม่ขึ้นมา และพอกดเข้าไปดู ก็พบว่ามันคือ…
0xx000xxxx :: จีบได้ไหม
0xx000xxxx :: ใจขอสารภาพ
เชี่ยยยย! อะไรวะเนี่ยยยย!!?