“หลังร้านกับผม สักหน่อยป่ะพี่?”
ฉันกระตุกยิ้มพลางปัดมือเขาที่ดึงรัดคอเสื้อช็อปแทบจะวินาทีที่กุ๊กจบ และไม่ลืมที่จะตอบรับคำขอดังกล่าวออกไป
“ก็เอาสิ”
กุ๊กแสดงท่าทีฟึดฟัดไม่สบอารมณ์และเป็นฝ่ายหันหลังเดินนำไปยังจุดที่เขาขอคุยด้วย ส่วนฉันที่ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก จึงหันไปใช้มือตบลงกับโต๊ะ และใช้เวลาร่ำลากับเพื่อนสนิท
“เดี๋ยวข้ามานะ มีธุระต้องเคลียร์” การขยิบตาส่งวิ้งเล็กๆ เป็นการบอกให้เทาและพีสบายใจ ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องห่วงอะไร รวมไปถึงน้องโกกิที่ดูจะงุนงงกับสถานการณ์
ฉันยกมือยีหัวเธอเบาๆ และพูดใส่ด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวมานะคะ”
“ค่ะพี่เก้า…” โกกิเป็นเด็กว่าง่าย เธอเลยไม่แสดงความเรื่องมากออกมาให้เห็นนัก
เมื่อร่ำลาเสร็จ ฉันจึงเลื่อนมือจัดการปกคอเสื้อช็อปของตัวเองเล็กน้อย ขณะเท้าเริ่มก้าวเดินตามกุ๊กซึ่งเดินนำไปก่อนหน้านี้ ท่ามกลางสายตาของคนในร้าน ที่มองมาอย่างสนอกสนใจ
หมอนั่นน่ะเดี๋ยวดูอ่อนปวกเปียก เดี๋ยวก็ดูเข้มแข็ง ไม่รู้เลยว่านิสัยจริงๆ ของเด็กคนนั้นเป็นยังไง แค่คิดว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น มันอดนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้
ร้านเค้กที่เคยหนาแน่นไปด้วยลูกค้าผู้หญิง บัดนี้กลับเงียบลง เมื่อฉันพาตัวเองเดินตามกุ๊กมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของตัวร้าน นานๆ ทีจะมีเสียงรถขับผ่านจากด้านนอกซอยสักคันสองคันเท่านั้น
ฉันกวาดตามองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะพบว่าจุดที่ยืนอยู่มันคือซอยแคบของฝั่งบ่อนซึ่งตั้งตัวเป็นโจทก์กับคนของพ่อ ที่สำคัญวันก่อนตอนที่ฉันได้เจอกับเด็กกุ๊กนี่ ก็แถวๆ นี้ด้วยล่ะมั้ง
“พี่ต้องการห่าอะไรวะ?” กุ๊กเอ่ยปากถาม เมื่อเราทั้งคู่ยังเผชิญหน้ากันเพียงแค่สองต่อสองในที่ลับตาคน และดูเหมือนจะเริ่มร่ายยาวไม่หยุด “นี่มันที่ทำงานผมนะเว้ย ผมบอกว่าเราไม่ควรเจอกันอีก พี่ไม่เข้าใจหรือไง?!”
“เอ็งบอกว่าเราคงไม่เจอกันในมหาวิทยาลัยไม่ใช่อ่อ?” ฉันย้อน
“จะที่ไหนก็ไม่ควรเจอปะวะพี่” เขาเริ่มใส่อารมณ์
“เพราะ?” ฉันก็เลยย้อน
“พี่แกล้งโง่เหรอวะ? ผมว่าผมพูดไปหมดแล้วนะ”
“เรื่องจูบ?” ฉันถามเสียงเรียบ
“ไอ้เรื่องจูบอ่ะ มันไม่เท่าไหร่ แต่การที่พี่หาเรื่องผมแบบนี้มันไม่ใช่ป่ะ?” เขาละล่ำละลักคำพูดออกมาคล้ายกับระบายความอึดอัดของตัวเอง “ตอนแรกผมคิดว่าเราสามารถเป็นคนแปลกหน้าต่อกันได้ แต่การที่พี่มาหาเรื่องผมในที่ทำงานแบบนี้ ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของคนแปลกหน้า ผมก็ให้พี่ไม่ได้ว่ะ!”
“เอ็งกลัวอะไรงั้นเหรอ?” ฉันเอ่ยปากอย่างรู้ทัน
สังเกตจากน้ำเสียงและสีหน้าที่บอกชัดว่าเขากำลังสื่อถึงเรื่องอะไร และฉันคิดว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องที่ถูกหาเรื่องอย่างเดียวหรอก
“กลัวต้องตกเป็นเมียข้าจริงๆ ว่างั้นเถอะ?” อีกครั้งที่ฉันจงใจถามแทงใจดำ พลางขยับยืนในท่ากอดอกอย่างผู้เหนือกว่า พานให้ท่าทีของคนถูกถามสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างงั้น เขาก็ยังไม่หยุดที่จะเลี่ยงพูดถึงประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นในวันนี้
“เรื่องเมียอะไรนั่น ผมไม่สนใจหรอก คนแบบพี่ไม่มีทางได้ผมเป็นเมียแน่นอน” ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกตลก ไอ้หมอนี่เชื่อสุดใจขาดดิ้นเลยสินะ ว่าฉันเป็นผู้ชาย
เออ ตลกดี!
“แล้วยังไงอ่ะ?” ฉันแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ถามย้อนออกไปด้วยท่าทางยียวน
“เลิกทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าผมเป็นเกย์ได้แล้ว” เห็นไหม สุดท้ายหมอนี่ก็ทนไม่ไหว จนต้องพูดเข้าเรื่องออกมาเอง
“ ถ้าพี่อยากเป็นเกย์ ทำไมไม่เป็นไปคนเดียววะ ?”
“กลัวใครเข้าใจผิดงั้นเหรอ?” ยิ่งถาม ฉันก็ยิ่งรู้สึกสนุกและตลกในทุกๆ คำตอบของเขา
“ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เธอเป็นผู้หญิง” ส่วนเขาก็ยอมตอบกลับมาอย่างโดยดี “เด็กผู้หญิงที่นั่งโต๊ะเดียวกับพี่นั่นแหละ คือคนที่ผมชอบ ชัดเจนไหม?”
อ่า… เขาเป็นผู้ชายที่ชัดเจนต่อความรู้สึกของตัวเองชะมัด
“อ๋อ ชอบน้องโกกินี่เอง…” ฉันทำเป็นร้องรับคำอย่างเข้าใจ ลึกๆ แล้วก็ไม่ได้แปลกใจนักหรอก ที่คนอย่างหมอนี่จะเป็นอีกคนที่หลงรักน้องโกกิเหมือนคนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัย “กลัวว่าน้องเขาจะเข้าใจเอ็งผิดว่างั้น?”
“ใช่! ถ้ารู้แล้วก็เลิกวุ่นวายกับผมสักทีนะ ผมไม่ตลกว่ะ”
“ขอคิดดูก่อน” ฉันจงใจยียวนกวนประสาทเขากลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ผมไม่อยากมีปัญหากับใคร ทางใครทางมันเถอะพี่ สายเกย์ไม่ใช่ทางผม… ขอตัวครับ” เมื่อเขาได้พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการจบแล้ว กุ๊กก็รีบเดินเฉียดไหล่ฉันเดินย้อนกลับเข้าไปที่ร้าน ปล่อยให้ฉันได้คิดทบทวนถึงนิสัยส่วนตัวของเขาแบบเงียบๆ
หลายๆ สิ่งที่ฉันมองเห็นจากการแสดงออกของเขาเมื่อครู่ มันทำให้ฉันรู้ว่า จริงๆ แล้วกุ๊กค่อนข้างเป็นคนซื่อตรงกับความคิดตัวเอง พูดตรงไม่อ้อมค้อม
ฉันไม่ค่อยได้เจอคนนิสัยแบบนี้มากนัก ไอ้ประเภทที่ว่าภายนอกดูนิ่มนวลเคล้าความแข็งกระด้างในแบบที่ผู้ชายควรมี แต่ภายในกลับแฝงไว้ด้วยความน่ารัก ขี้ระแวง อ่อนโยนและใจดี
คำพูดคำจาตอนเรียกมาคุย ตอนแรกคิดว่าอาจต้องมีมวยซะแล้ว แต่น่าแปลกที่เขากลับไม่คิดจะใช้กำลังเลยแม้แต่นิดเดียว
อ่า... นิสัยแบบไหนกันนะ ที่เป็นนิสัยจริงๆ ของเขากันแน่…
‘เอาเถอะ! พี่ก็ระวังตัวแล้วกัน ผมจะกลับบ้านแล้ว’
‘เออพี่ ที่แก้มอ่ะ เอาไอ้นี่ติดไว้ด้วยล่ะ เดี๋ยวหมดหล่อ’ พอคิดถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมา มือก็เลื่อนหยิบพลาสเตอร์ปิดแผลที่ได้รับจากกุ๊กเมื่อคืนออกมาจากกระเป๋าเสื้อช็อป สายตายังมองแผ่นหลังของเขาอยู่อย่างงั้น
และในตอนที่ตัดสินใจได้ว่าควรจะเลิกแกล้งคนอย่างเขาสักที ปากก็เลยตะโกนเรียกออกไป
“เฮ้ยไอ้ลูกเจี๊ยบ!”
ฟึ่บ!
ผัวะ!
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะยังไม่ทันจะสิ้นเสียงดี ที่ด้านหลังจู่ๆ ก็มีมือของใครบ้างคนพุ่งเข้ากระชากที่หัวไหล่อย่างแรง ก่อนตามมาด้วยหมัดหนักๆ ทำเอาฉันที่ไม่ทันตั้งตัวเซถอยหลังกระแทกกับกำแพง
ตึงง!
เรื่องการชกต่อยคงเป็นอีกเรื่องที่ชีวิตของเด็กผู้หญิงซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ควรได้พบเจอ แต่นั่นไม่ใช่กับผู้หญิงที่คนต่างมองว่าเป็นผู้ชายแบบฉัน
“ซี๊ดดด...” มือข้างถนัดยกขึ้นปาดคราบเลือดซิบๆ มุมปาก และซี๊ดเสียงเบาๆ เพื่อระบายความเจ็บปวด
สายตาเหลือบมองหน้าผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีความสูงพอกัน เขาดูไม่คุ้นหน้าเหมือนไม่ใช่โจทก์ต่างบ่อนของพ่อเลยสักนิด แถมมันยังแต่งกายด้วยชุดช็อปต่างสถาบัน ดูๆ แล้วเขาดูไม่เหมือนพวกโจทก์เก่าๆ ที่เคยเจอเลยสักนิด
เขาคือใคร…
ไม่ต้องมีคำพูดคำจา ชายแปลกตาหน้าง้างหมัดพุ่งเข้าใส่ฉันเป็นหนที่สอง ด้วยทักษะมวยที่ดีเลยทำให้ฉันสามารถหลบหมัดดังกล่าวได้อย่างเฉียดฉิว ท่ามกลางความสงสัยในหัว ในตอนนั้นก็ดันมีเสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นจากเบื้องหลัง
“เฮ้ย! จะทำไรพี่เขาวะ!!”
“เฮ้ย! จะทำไรพี่เขาวะ!!”
สายตาของฉันกับชายแปลกหน้าตวัดมองเจ้าของเสียงอย่างพร้อมเพรียง ก่อนพบว่ากุ๊กที่น่าจะเดินกลับเข้าร้านเค้กไปแล้ว กำลังวิ่งตรงเข้ามาทางเราทั้งคู่ ในมือของเขาถือด้ามไม้กวาดขนาดพอดีติดมาด้วย
ไอ้... ไอ้ลูกเจี๊ยบ...
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
ฟึ่บ!
เสียงหวดด้ามไม้กวาดดังขึ้นเมื่อกุ๊กวิ่งตรงเข้าประชิดตัวชายแปลกหน้า ทว่า ความไวของผู้ชายคนดังกล่าวมันดันมีมากกว่าเขาหลายเท่านัก
เขาสามารถหลบการถูกหวดด้วยไม้จากกุ๊กได้อย่างหวุดหวิด แถมยังเป็นฝ่ายพลิกเกมส์ด้วยการปล่อยหมัดอัดเข้าใส่ช่วงท้องอย่างหนักหน่วง และเหวี่ยงร่างของกุ๊กเข้าใส่กำแพงอย่างแรง
“อึก…” เสียงครวญเพราะความเจ็บปวดของผู้ชายที่ไม่น่าจะสู้ใคร ทำหัวใจฉันเต้นเร็วขึ้นจนน่าใจหาย
ยิ่งด้วยภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือภาพของผู้ชายที่ดูไม่น่าจะทำร้ายใครได้ พยายามหยัดตัวเองลุกขึ้นเพื่อรับมือกับผู้ชายที่เข้าทำร้ายฉันอย่างฉวยโอกาส ทว่า ร่างปวกเปียกของเขาก็โดนกระชากให้ลุกกลับขึ้นมายืนและถูกหมัดเน้นซัดเข้าใส่ช่วงท้องอีกครั้งจนทรุดลงไป
ผลัก!
“อึก! พะ พี่เก้าหนีไป!” ทั้งที่เขารู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองกำลังเป็นฝ่ายเจ็บ
แต่เขาก็ยังพยายามไล่ฉันให้เอาตัวรอด
ผัวะ!
“อั่ก!”
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไล่ฉันอย่างกับหมูกับหมาด้วยท่าทางรังเกียจ
‘แล้วก็หวังว่าเราคงจะไม่เจอกันในมหาวิทยาลัยอีก’
ทั้งที่ปากบอกว่าเราไม่ควรเจอหน้ากันอีก
‘ถ้ารู้แล้วก็เลิกวุ่นวายกับผมสักทีนะ ผมไม่ตลกว่ะ’
ทั้งที่เขาเองก็พูดชัดเจนออกมาขนาดนั้น
แล้วทำไมล่ะ
ทำไมถึงยังหันกลับมาช่วยฉันอีก!
‘ทางใครทางมันเถอะพี่!’ ยิ่งคิด ในหัวก็ยิ่งว่าง
สายตาตอนนี้จับโฟกัสไปที่ภาพของกุ๊กซึ่งกำลังถูกไอ้เวรที่ไหนไม่รู้อัดจนน่วม และฉันปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้!
รู้ตัวอีกที ฉันก็คำรามกรอดออกไปด้วยความโกรธซะแล้ว
“ปล่อยมือโสโครกจากเด็กข้าเดี๋ยวนี้!!”