บทที่ 8

1341 คำ
“ปล่อยมือโสโครกจากเด็กข้าเดี๋ยวนี้!!” สิ้นเสียงตะโกนหยุดหมัดของไอ้เวรนั่นได้ชะงัก หมัดของมันห่างจากใบหน้าของกุ๊กไปเล็กน้อย มันไม่พูดอะไรและเลือกที่จะปล่อยมือจากคอเสื้อของไอ้ลูกเจี๊ยบลง พร้อมทั้งกลับหลังหันมาเผชิญกับฉันซึ่งๆ หน้า กึก! เท้าของมันขยับเขยื้อนเล็กน้อยและเหยียบเข้ากับเศษอะไรบางอย่างที่ตกอยู่กับพื้น ของสิ่งนั้นมันคือพลาสเตอร์ปิดบาดแผล ที่กุ๊กเป็นคนให้มาเมื่อคืนก่อน ยิ่งเห็น เลือดลมในกายก็ยิ่งเดือดดาลอย่างหาเหตุผลไม่ได้ ตึก! ตึก! ตึก! ชายแปลกหน้าไม่รอให้เสียเวลามากไปกว่านี้ มันรีบพุ่งตัวปราดเข้าใส่แบบตรงๆ พร้อมทั้งง้างหมัดแน่น ไม่ต้องมีคำพูดข่มขู่ให้เสียเวลา เท้าทั้งสองข้างรีบย่างเหยียบลงกับพื้น พุ่งเข้าใส่เขากลับไป ฟึ่บ! แรงหวดของหมัดเน้นๆ โฉบเฉี่ยวหน้าฉันไปอย่างหวุดหวิด ร่างกายตอบสนองการถูกโจมตีดังกล่าวตัวการเอี้ยวตัวหลบ ก่อนจะใช้ขาข้างถนัดตวัดขาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ตุบ! “เฮ้ย! ทำไรวะ!!” แต่ยังไม่ทันทำอะไรมันได้มากไปกว่านี้ เสียงเรียกขานชื่อของกุ๊กและฉันก็ดังขึ้นมาซะก่อน ไอ้สารเลวที่ลอบทำร้าย จึงฉวยโอกาสในช่วงที่ฉันละสายตาหันไปมองต้นเสียง กระเสือกกระสนตัววิ่งหนีออกไปจากตรอกแคบๆ ทางหลังร้านทันที “หยุดนะมึง!” ไอ้เทาตะโกนเสียงดัง เท้าของมันเร่งจ้ำวิ่งผ่านจุดเกิดเหตุตามหลังคนร้ายออกไป ส่วนกุ๊กถูกไอ้พีที่วิ่งตามหลังมาประครองให้ลุกขึ้น พร้อมด้วยคำถาม “ใครวะ เก้า?” “ไม่รู้” ฉันตอบอย่างส่งๆ พลางก้มเก็บพลาสเตอร์ปิดแผลซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยคราบดำของรอยรองเท้าใส่กระเป๋าเสื้อช็อปตามเดิม สายตาเลื่อนมองหน้าของใครอีกคนที่ลงทุนลงแรงวิ่งย้อนกลับมาช่วยนิ่งๆ เขาอยู่ในอาการบอบช้ำแต่ไม่ถึงกับปางตาย แค่ใบหน้าช้ำเต็มไปด้วยรอยแดง มุมปากมีเลือดจางๆ ท่ามกลางเหตุการณ์แสนวุ่นวาย ในตอนนั้นฉันมองเห็นเพียงสายตาของกุ๊กที่มองกลับมา แววตาที่ต่างออกไปไม่เหมือนเก่า เขาไม่ได้มองฉันในฐานะผู้ชายที่มีสถานะเป็นเกย์ แต่เขากำลังมองฉันในฐานะผู้ชายที่เข้ามาช่วยชีวิต หัวค่ำวันนั้น… “ดื่มนี่ก่อนสิครับ” เจ้าของร้านเค้กที่กุ๊กทำงานอยู่เอ่ยขึ้น พลางยื่นโกโก้เย็นส่งมาให้ฉันซึ่งนั่งมองกุ๊กครวญครางด้วยความเจ็บปวดขณะถูกน้องโกกิช่วยทำแผลให้ ดูก็รู้ว่าหมอนั่นน่ะกำลังแกล้งสำออยเรียกร้องความสนใจ… นับตั้งแต่เกิดเรื่อง เจ้าของร้านก็เชิญตัวพวกเราเอาไว้ให้อยู่จนกระทั่งร้านปิด ตอนแรกคิดว่าเขาน่าจะเรียกตัวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ก็แน่ล่ะ น้องชายถูกอัดซะอ่วมขนาดนั้น ทำให้พวกเราทั้งสามคนซึ่งดูจะเด็กกว่าจำต้องนั่งเซ็งอยู่จนถึงช่วงหัวค่ำแบบนี้ แต่เหมือนสิ่งที่ฉันคิดไว้มันจะไม่ใช่อย่างที่คิด “ขอบคุณคุณมากนะครับ ที่ช่วยน้องผมไว้” เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างข้างๆ จากนั้นก็พูด “ผมชื่อโจ๊กเป็นลูกพี่ลูกน้องกับกุ๊กยินดีที่รู้จักอีกครั้งครับ” “เก้า ส่วนนั่นเทากับพี” ฉันแนะนำตัวสั้นๆ พลางชี้หัวแม่โป้งไปที่เทาและพีตามลำดับ โดยสายตายังมองไปที่เด็กนั่นเหมือนเดิม “ช่วงนี้แถวร้านมักมีเรื่องกันอยู่ประจำ มืดๆ ค่ำๆ ต้องระวังตัวกันหน่อย” พี่โจ๊ก(เรียกตาม) เริ่มเปิดประเด็นด้วยสีหน้าครุ่นคิดและเป็นกังวล สายตาเอาแต่มองน้องชายตัวเองอย่างห่วงๆ ขณะปากก็ว่าไป “ช่วงนี้มีคนไล่ซื้อที่แถวนี้เพื่อเปิดทำบ่อน ส่วนเจ้าของก็มีหลายเจ้า บ้างก็ตีกันเพราะสร้างบ่อนทับที บ้างก็ไล่ทำร้ายเจ้าของที่เพื่อข่มขู่ให้ขายหรือไม่ก็ย้ายร้าน…” ฉันไม่ได้ตอบอะไรในสิ่งที่เขาพยายามอธิบาย เพราะเรื่องที่เขาพูดมาทั้งหมด ฉันรู้ดีและรู้มาตลอด ทั้งหมดนั่นคือกิจการที่พ่อฉันทำ เรื่องแบบนี้ฉันเลยต้องศึกษาเอาไว้บ้าง “ไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับไอ้กุ๊กมัน…” “ไม่ใช่หรอก คนร้ายไม่ได้จะทำร้ายเด็กนั่น” ฉันกล่าวขัด กลอกตากลับมามองหน้าพี่โจ๊กตรงๆ แล้วพูดออกมาอีกครั้ง “คนร้ายตั้งใจทำร้ายข้า แต่ไอ้เด็กนั่นดันสะเหร่อเข้ามาช่วย” ใช่... ไอ้เด็กนั่น มันย้อนกลับมาช่วยฉันจริงๆ คำพูดของฉันถึงกับทำให้ไอ้พีและไอ้เทาที่ได้ยินถึงกับลุกขึ้นยืนอย่างไม่เชื่อหู รวมไปถึงบุคคลซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายของไอ้ลูกเจี๊ยบด้วยเช่นกัน เขาอุทานย้อนทันที “ไอ้กุ๊กเนี่ยนะ?” “อืม” ฉันรับคำสั้นๆ มือพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ออกจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังและยื่นนามบัตรใบเล็กส่งให้กับเจ้าของร้าน จากนั้นก็ชิงตัดบททันที “เอาเป็นว่าค่าเสียหาย จะเรียกเท่าไหร่ก็โทรมาบอกตามเบอร์นี้ก็แล้วกัน” เมื่อจบธุระ ฉันก็รีบลุกเดินออกจากร้านทันที ไม่ได้แตะเครื่องดื่มที่เจ้าของร้านใจดีอุตส่าห์ทำให้แม้แต่อึกเดียว โกกิซึ่งทำแผลให้กุ๊กเสร็จพอดี ก็รีบเก็บข้าวของของตัวเองออกจากร้าน โดยไม่ลืมยกมือไหว้เจ้าของร้านก่อนวิ่งตามหลังออกมา ค่ำนั้นฉันอาสาขับรถไปส่งโกกิที่บ้านโดยปลอดภัย ในเมื่อพาลูกเขามาเราก็ควรพาลูกเขากลับไปให้ถึงที่ นี่คือสิ่งที่พ่อเคยสอนเอาไว้ มันคือ ‘การรับผิดชอบ’ อย่างหนึ่งของมนุษย์เรา ฉันใช้เวลาขับรถไปส่งโกกิจนถึงบ้านและบิดรถกลับมาที่แถวหน้าบ้านของตัวเองพร้อมๆ กับไอ้เทาและพีในเวลาต่อมา รวมๆ แล้วก็เกือบสามทุ่ม “คืนนี้ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับไอ้เวรนั่นมาให้ด้วยนะเก้า กูจะสืบหาตัวมันเอง” ไอ้เทาพูดขึ้นอย่างแค้นๆ ขณะที่พวกเราทั้งหมดเตรียมแยกย้ายกันบริเวณสามแยกหน้าทางเข้าบ้าน คงเพราะตอนเกิดเรื่องมันวิ่งตามหลังคนร้ายไม่ทันล่ะมั้ง ถึงได้แสดงอาการฉุนเฉียวเวลาพูดถึง ฉันพยักหน้ารับส่งๆ ตามประสา และนั่นทำให้ไอ้พีพูดขึ้น “พรุ่งนี้เจอกันหน้าคณะ” “เออ” สิ้นเสียงอำลา ไอ้พีซึ่งทำหน้าที่ตัวขี่ก็บิดคันเร่งเลี้ยวรถไปอีกทางเพื่อตรงกับห้องพัก ส่วนฉันซึ่งยังคงจอดรถค้างคาอยู่ที่สามแยกหน้าบ้านก็ได้แต่นั่งคร่อมรถนิ่งๆ วูบหนึ่งที่ความคิดสั่งให้ฉันบรรจงหยิบพลาสเตอร์ปิดแผลออกจากกระเป๋าเสื้อช็อปอีกครั้ง เพียงแค่ได้เห็น ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นก็ผุดเข้ามาในหัว ‘อึก! พะ พี่เก้าหนีไป!’ มือขวาที่ถือพลาสเตอร์เอาไว้กำแน่นอย่างไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังเป็นอะไรไป ร่างกายขยับเคลื่อนไหวไปเองตามใจชอบ รู้อีกทีมือก็กำลังบิดคันเร่งพาตัวเองออกไปจากบริเวณประตูรั้วหน้าบ้านแล้ว บรืนน บรืนนนน เสียงเร่งเครื่องยนต์ดังก้องอยู่ในหูทั้งสองข้าง ร่างกายรับแรงปะทะจากลมตามความเร็วของรถขณะบิดเร่งเครื่องไปบนท้องถนนตอนค่ำ ในหัวเวลานี้กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าของคนร้ายที่อุกอาจเข้าทำร้ายร่างกายแบบไม่ทันให้ตั้งตัว หรือแม้จะลักษณะของเสื้อช็อปสถาบันที่มันสวมใส่อยู่ ลักษณะท่าทางแบบนั้นไม่น่าจะใช่คนจากบ่อนโจทก์ของพ่อจริงๆ นั่นแหละ…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม