ตอนที่ 3 ข้อตกลง

1018 คำ
ตอนที่ 3 ข้อตกลง หลังจากที่เราสองคนได้เครื่องดื่มมาแล้ว บรรยากาศในร้านอาหารกลับอบอวลไปด้วยความอึดอัดอีกครั้ง ผู้ชายที่นั่งนิ่งอยู่ตรงหน้าภายใต้กรอบหน้าคมที่เรียบเฉย ราวกับไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับการนัดบอดครั้งนี้ ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าที่เขาพูดน้อยเป็นเพราะเขาพูดไม่เก่ง หรือว่าเขาคงไม่ได้เต็มใจกับการนัดบอดครั้งนี้ เดาว่า...คงเป็นอย่างหลังนะแหละ ช่างมันเถอะ เพราะฉันก็เหมือนกัน “คือขอโทษครับผมแค่พูดไม่เก่ง” เขาเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน แต่อย่างกับเขารู้ความคิดของฉันเลยว่าฉันกำลังคิดอะไร งั้นถ้าเขาพูดไม่เก่งหมายความว่าฉันต้องหาเรื่องคุยกับเขาใช่ไหมเนี้ย “อ่อคะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่นึกว่าคุณคงอึดอัดการดูตัวในครั้งนี้เพราะฉันเองก็เหมือนกัน” โอ๊ะ...ฉันพูดตรงเกินไปไหมเนี่ย เรียวคิ้วหนาของเขาดูขมวดขึ้นเล็กน้อยทันทีที่ฉันแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา “คุณไม่เต็มใจ?” “แล้วคุณเต็มใจเหรอคะ?” ฉันไม่ตอบแต่เป็นฝ่ายถามเขากลับ ฉันว่าประโยคแรกฉันก็พูดค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วนะ ว่าอึดอัด ดูเขาเหมือนใช้เวลาครุ่นคิดกับคำตอบนานไปหน่อย ทำให้ฉันต้องพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “แต่...ยังไงเราสองคนก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดีใช่ไหมคะ ต่อให้คุณไม่ชอบฉัน หรือฉันไม่ชอบคุณ ยังไงผู้ใหญ่ก็ให้เราสองคนแต่งงานกันอยู่ดี” “ครับ” เขาตอบโคตรสั้นและนั่นยิ่งทำให้ฉันอึดอัดเพราะเหมือนเป็นการตอกย้ำกลาย ๆ ว่าเขาเองก็ไม่ได้เต็มใจในการนัดบอดเพื่อแต่งงานครั้งนี้ และเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่สุดแสนจะกระอักกระอ่วนฉันเลยพยายามชวนเขาคุยเรื่องอื่น “ว่าแต่ คุณทำงานเหรออะไรคะ” ฉันบ้ามากที่ถามคำถามนี้ออกไป ซึ่งที่จริงฉันควรจะอ่านประวัติคู่นัดบอดจากเมล์ที่ส่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อคืน และแน่นอนฉันว่าเขาต้องรู้แน่ว่าฉันไม่ได้เปิดอ่านมันเลย “ผมทำอยู่บริษัทรถยนต์ TK” “โห บริษัทนำเข้ารถยนต์ชื่อดังด้วย คุณทำงานเป็นเซลล์หรือคะ งั้นเอาไว้ถ้าฉันมีเพื่อนคนไหนสนใจจะออกรถ ฉันจะแนะนำไปให้” ก็ถ้าดูจากการแต่งตัวฉันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย เขาใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดาไม่ได้ใส่สูทอย่างผู้บริหารระดับสูงหรือระดับเมเนเจอร์ เพราะงั้นเขาก็คงเป็นเซลล์นะแหละคงไม่ใช่ช่างซ่อมในอู่รถหรอกมั๊ง หุ่นสูง ๆ ผิวขาว ๆ ดูเจ้าสำอางมันทำให้ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเดาไม่ผิด “ถ้าคุณมีเพื่อนสนใจจะออกรถจริงก็ติดต่อมาได้เลยครับ ผมยินดี” “ได้เลยค่ะ ว่าแต่คุณมีนามบัตรไหมล่ะ เผื่อมีเพื่อนสนใจออกรถ ฉันจะได้ให้ติดต่อคุณไป” “เออ...พอดีนามบัตรของผมน่าจะติดไปกับเสื้ออีกตัว” “ไม่ได้นะคะ ทีหลังต้องพกไว้ตลอด คุณเป็นเซลล์และนามบัตรเป็นสิ่งสำคัญ” ฉันเผลอตำหนิเล็กน้อยเพราะแทนที่มานัดบอดแบบนี้เขาควรจะเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้ แต่พอรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรออกไปก็ถึงกับเม้มปากสำนึกผิด “ขอโทษด้วยนะครับ” “มะ ไม่เป็นไรค่ะ คนเราลืมกันได้แหละ” ฉันหัวเราะแหะ แหะ แก้เก้อก่อนจะพยายามชวนคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป Talk ภีมม์ ผมรู้ว่าเธอคู่นัดบอดของผม ไม่ได้เปิดอ่านประวัติของผมจากเมล์ที่ส่งไปให้เลย ไม่เหมือนกับผมที่อ่านข้อมูลของเธอไปมานับสิบรอบ ผมว่าเธออาจจะผิดหวังเล็กน้อยที่ผมไม่ได้แต่งตัวสุภาพอย่างที่คนนัดบอดทั่วไปแต่งมา และตอนนี้เธออาจจะผิดหวังเล็กน้อยที่คิดว่าคู่นัดบอดอย่างผมเป็นแค่เซลล์ขายรถธรรมดา เธอคือใบเฟิร์น ลูกสาวคนเดียวของเพื่อนสนิทคุณพ่อ เธอกับผมอายุห่างกันถึงเจ็ดปี ใช่ผมอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ในขณะที่ใบเฟิร์นอายุแค่ยี่สิบเอ็ด ตอนที่เธอเพิ่งคลอดใหม่ ๆ คุณพ่อและคุณแม่ของผมเคยพากันไปเยี่ยมครอบครัวของเธอ “ดีเลยที่นายได้ลูกสาว เอาไว้ถ้าลูกสาวนายอายุยี่สิบแล้วเรียนจบมหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ให้ลูกนายกับฉันแต่งงานกันทันทีเลยนะเว้ย” คำสัญญาระหว่างผู้ใหญ่ที่เป็นมั่นเป็นเหมาะเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ทำให้ผมรับรู้มาตลอดว่าเด็กน้อยแบเบาะในวันนั้นจะต้องกลายเป็นเจ้าสาวของผมในอนาคต ในขณะที่ผมเฝ้ามองเธออยู่ห่าง ๆ แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผมเลยสักนิด “ต่อไปคุณควรเรียกผมว่าพี่ พี่ภีมม์ เพราะผมอายุมากกว่าคุณ” ผมบอกเจตนาของผมให้เธอรู้ เพราะอายุของเราค่อนข้างห่างกันพอสมควร “อ่อจริงสิ คุณอายุมากกว่าฉันนี่นา” “พี่ภีมม์-ครับ” ขนาดผมเพิ่งบอกเธอไปหยก ๆ ไม่ถึงวินาที เธอก็ลืมซะแล้ว “อ่าได้ค่ะ พี่ภีมม์” ริมฝีปากสวยของเธอเม้มแน่นคล้ายกับกำลังเขินที่ผมให้เธอเรียกว่าพี่ ก็นะ...ขนาดผมยังฟังดูแปลก ๆ แต่ก็ดันรู้สึกดี “ในเมื่อเราสองคนต้องแต่งงานตามคำตกลงของผู้ใหญ่ โดยที่ฉันและคุณ เออ...พี่ พี่ภีมม์ไม่เต็มใจ งั้นเราสองคนมาทำข้อตกลงกันก่อนดีไหมคะ” นี่เธอคิดเป็นตุเป็นตะจากไหนว่าผมไม่เต็มใจ แล้วถ้าผมบอกออกไปว่าผมเต็มใจ เธอจะเชื่อผมไหมนะ เดาว่า...ไม่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม