ตอนที่ 1 การนัดบอดที่ไม่เต็มใจ
ตอนที่ 1 การนัดบอดที่ไม่ได้เต็มใจ
ร้านเสริมสวยริมถนนย่านกลางเมืองที่เต็มไปด้วยรถสัญจรไปมา อาจจะเพราะย่านนี้เป็นย่านที่มีร้านอาหารและร้านชื่อดังติดกันอยู่หลายร้านทำให้รถค่อนข้างจะหนาแน่นเป็นพิเศษ ฉันได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าพลางทอดสายตามองออกไปนอกกระจกความรู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเย็นนี้
ใช่...เย็นนี้แล้วสินะ ที่ฉันจะได้พบกับชายคนหนึ่งที่ทางบ้านจัดหามาให้เป็นคู่นัดบอด
ในขณะที่ใกล้จะถึงเวลานัดหมายแต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกรีบร้อนอะไรเลย ได้แต่ปล่อยเวลาให้ช่างทำเล็บทำผมอะไรกับของฉันได้เต็มที่อาจจะเพราะส่วนหนึ่งฉันไม่ได้คาดหวังให้ผู้ชายคนนั้นประทับใจในการนัดบอดครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ
ฉันคิดไปไกลถึงกับว่าหากเย็นนี้ได้เจอเขาแล้ว เราอาจจะไม่ประทับใจกันและกันจนบางทีเขาก็อาจจะเป็นฝ่ายที่ปฏิเสธฉันแทนก็ได้มั้ง
แต่ก็นั่นละต่อให้ฉันไม่ตกลงใจกับผู้ชายที่จะมานัดบอดในวันนี้ สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องถูกทางบ้านจับให้ไปดูตัวกับคนอื่นอยู่ดี ซึ่งฉันเองก็
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงอยากจะให้ฉันแต่งงานไวนัก ทั้งที่ฉันเพิ่งจะเรียบจบมาไม่นานนี่เอง
เฮ้อ...ชีวิตลูกผู้หญิงมีแค่นี้เองเหรอ
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
-------
“อะไรนะคะ คุณพ่อจะให้เฟิร์นดูตัว”
ฉันอดไม่ได้ที่จะโวยวายเสียงหลง ในขณะที่คุณพ่อแทบจะคล้ายขอร้องให้ฉันรับนัดการดูตัวครั้งนี้
“ไม่เอาค่ะ เฟิร์นเพิ่งจะเรียนจบ ขอเฟิร์นทำงานก่อนไม่ได้หรือคะ นะคะคุณแม่ช่วยคุยกับคุณพ่อให้เฟิร์นหน่อยได้ไหมคะ”
ฉันรีบถลาเข้าไปโอบกอดคุณแม่ที่เอว และคาดหวังเล็ก ๆ ว่าคุณแม่อาจจะเป็นคนเดียวที่ช่วยฉันได้ในเรื่องนี้
“โธ่ใบเฟิร์นลูกแม่คือคุณพ่อเขาสัญญากับเพื่อนเขาตั้งนานแล้ว ว่าถ้าหนูเรียนจบเมื่อไหร่จะให้ลูกชายเขากับหนูแต่งงานกันทันที”
“แต่...แต่งงานกันทั้งที่ไม่ได้รักเนี่ยนะคะมันจะรักกันได้ยังไงคะ เฟิร์นไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ไม่เอาค่ะ เฟิร์นไม่ยอม
เฟิร์นยังอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เหมือนเดิมนี่คะ นะคะคุณแม่ นะคะคุณพ่อ” ฉันอ้อนสุดฤทธิ์เพราะคาดหวังที่จะโน้มน้าวใจท่านทั้งสองให้สำเร็จ
แต่...ก็นั่นแหละ สุดท้ายฉันที่เป็นลูกสาวคนเดี๋ยวจะขัดคุณพ่อคุณแม่ที่รักได้อย่างไร เมื่อท่านทั้งสองยืนกรานว่าไม่สามารถผิดคำพูดกับเพื่อนของท่านได้ และอย่างไรเสียเย็นพรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปพบกับผู้ชายคนนั้น
“ถ้าเฟิร์นเจอเขาแล้วเฟิร์นไม่ถูกชะตา เฟิร์นปฏิเสธเขาก็ได้ใช่ไหมคะ”
ถึงกระนั้นฉันก็ยังยื่นข้อเสนอที่ฟังดูดื้อ ๆ ต่อท่านทั้งสองอยู่ดี
“พ่อไม่อยากให้เราปฏิเสธเขา”
ดูคุณพ่อพูดเขาสิ ฉันทำหน้างอเล็กน้อยก่อนหันไปทำสายตาวิงวอนอ้อนคุณแม่ต่อ
“คุณแม่ขา...”
“แม่ก็ไม่อยากให้ใบเฟิร์นปฏิเสธเขาเหมือนกันลูกเห็นใจพ่อเขาเถอะ พ่อเกรงใจเพื่อนคนนี้มากแล้วสัญญานี้ก็คุยกันมาตั้งแต่ก่อนหนูเกิดอีก”
ฉันรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก เพราะคุณพ่อกับคุณแม่พูดเหมือนกับว่า...เลือกที่จะแคร์ความรู้สึกของเพื่อนเขามากกว่าลูกสาวคนเดียวอย่างฉัน
งื้อ....แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้างเนี่ย ความรู้สึกเหมือนตัวเองจะร้องไห้ออกมาให้ได้ ก็นะ...คิดแล้วก็น่าน้อยใจชะมัดที่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เดิมที่ครอบครัวของเราอยู่ที่เชียงใหม่ แต่อยู่ ๆ คุณพ่อก็บอกฉันกับคุณแม่ว่า พวกเราต้องย้ายมาทำธุรกิจที่กรุงเทพกะทันหัน ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ทันทีที่ฉันเรียบจบครอบครัวของเราจึงย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กัน และแค่เพียงไม่ถึงสามเดือนท่านก็มาบอกจะให้ฉันดูตัวทั้ง ๆ ที่ฉันเพิ่งไปสมัครงานมาไม่นานนี้เองไม่ถึงสัปดาห์
“ค่ะ หนูคงทำอะไรไม่ได้งั้นก็ตามใจคุณพ่อคุณแม่เห็นสมควรแล้วกันค่ะ” ฉันทำได้เพียงแค่นี้ เพียงแค่นี้จริง ๆ ฉันเห็นทั้งสองมองหน้ากันอย่างโล่งอกปนดีใจ แต่ฉันสิกลับรู้สึกเหมือนตอนนี้ก้อนหินทั้งภูเขากำลังทับอยู่ในอก
“พี่เขาชื่อคุณภีมม์ อายุยี่สิบเจ็ดเป็น....” พ่อพยายามจะบอกประวัติของเขานี้อย่างคร่าว ๆ ให้กับฉันตอนที่ฉันยอมรับปากแบบไม่เต็มใจแต่ก็ยอมทำตามที่คุณพ่อคุณแม่ขอร้อง
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูค่อยทำความรู้จักเขาเอง”
ฉันยอมรับว่าเสียมารยาทมากที่พูดแทรกท่านขึ้นมา แต่ก็นะ...ก็คนไม่ได้อยากไปนัดบงนัดบอดอะไรนั่นเลยสักนิด นี่มันพ.ศ.ไหนแล้วเหอะ ฉันเองยังแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกคลุมถุงชนในตอนอายุยี่สิบพอดิบพอดีแถมเพิ่งจะเรียนจบ นี่พวกท่านทั้งสองกะจะไม่ให้ฉันมีชีวิตอิสระกันเลยใช่ไหมเนี่ย
ฉันกลับมาที่ห้องนอนของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ก่อนทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วถอนหายใจออกมาเพื่อระบายอารมณ์ วันพรุ่งนี้แล้วสินะที่ฉันต้องเตรียมตัวไปนัดดูตัวกับเขาในตอนอาหารมื้อเย็น และถึงแม้ต่อให้ฉันอยากปฏิเสธแทบขาดใจแน่นอนว่าก็คงทำไม่ได้อยู่ดี
ฉันเชื่อว่า เขาคนนั้นก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน พอเขารู้ว่าจะโดนบังคับให้ดูตัวเพื่อแต่งงานกับฉัน เขาเองก็คงไม่ยอมและคงจะโวยวายเหมือนอย่างที่ฉันเป็นในตอนนี้
ประวัติส่วนตัวของเขาถูกส่งมาทางอีเมล์ แต่เชื่อไหมว่าฉันไม่แม้แต่คิดจะเปิดเข้าไปอ่าน เพราะถึงต่อให้อ่านแล้วไม่ประทับใจในโปรไฟล์ของเขา แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหมละก็คงไม่ได้
ทันทีเมื่อเห็นมีเมล์เด้งเข้ามา ความนอยด์ทำให้ฉันกดลบอีเมล์ประวัติของเขาลงไฟล์ถังขยะในทันที
------
และ....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เป็นที่มาของเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้ตอนนี้ฉันมานั่งทำผมทำเล็บอยู่ตรงนี้ เหลือเวลาอีกตั้งเป็นชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลานัด ความรู้สึกเบื่อ ๆ ทำให้ฉันหาข้ออ้างออกจากบ้านก่อนเวลานัด อย่างน้อยก็เอิ่ม...ควรไปทำผมทำเล็บฆ่าเวลาเล่น ๆ ถึงจะเป็นการนัดบอดที่ไม่ได้เต็มใจแต่อย่างไรแล้วคนเราก็ต้องทำตัวให้ดูดีนิดหนึ่งไหม
ฉันเลือกร้านทำผมที่ไม่ไกลจากร้านที่ได้นัดบอดกับผู้ชายคนนั้น เพราะรู้ดีว่าการทำผมทำเล็บแต่ละครั้งกินเวลาเป็นชั่วโมง การได้ทำอะไรแบบนี้เป็นการระบายความเครียดได้เป็นอย่างดีเลยละ
ในขณะที่สายตาฉันมองทอดออกไปนอกกระจกแบบเรื่อยเปื่อย พลันสายตาของฉันบังเอิญไปที่เด็กน้อยคนหนึ่งในวัยไม่ถึงเจ็ดขวบที่กำลังวิ่งอยู่ที่ริมถนนและตอนนี้เด็กน้อยคนนั้น กำลังวิ่งตามลูกบอลกลิ้งออกไปทางม้าลาย
“ตายแล้ว! เด็กนั่น” ฉันเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ พร้อม ๆ กับเสียงหวีดร้องของคนที่เห็นเหตุการณ์อีกหลายต่อหลายคนที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์นั้นด้วยเช่นกัน
“ไม่น่ะ!!”
เอี๊ยดดดดด
เสี้ยววินาทีที่ฉันกลั้นหายใจ ฉันได้ยินเหมือนเสียงเบรกรถดังสนั่นท้องถนนพร้อมกับเสียงหวีดร้องของผู้คน และ....ในชั่วพริบตาท่ามกลางความตกใจของทุกคนรวมทั้งฉัน ฉันเห็นผู้ชายสูงโปร่งใส่สูทสีเทาเข้มคนหนึ่งวิ่งลงมาจากรถหรูอย่างรวดเร็ว
ในช่วงวินาทีอันตรายนั้น! เขาคนนั้นวิ่งเข้ามาดึงตัวเด็กผู้ชายคนนั้นไว้ในอ้อมกอดจนตัวเขาเองไถลไปกับท้องถนน
“โห...โคตรเท่ห์” ฉันเผลออุทานออกมา
นี่ถ้าคนที่ฉันนัดดูตัวเป็นผู้ชายคนนี้ฉันจะรีบเซย์เยสทันทีเลยให้ตายเถอะ