ฟาเบียนกัดฟันสลัดความหงุดหงิดออกไปชั่วคราว เมื่อเดินเข้ามาในโรงพยาบาลแล้วพบกับคุณหมอโจเซฟ ซึ่งเป็นคุณหมอรุ่นพี่เข้าพอดี
“สวัสดีครับคุณหมอโจ”
“สวัสดีครับคุณหมอฟาเบียน”
“วันนี้คนไข้เยอะไหมครับ”
ฟาเบียนเอ่ยถามคุณหมอสูตินารีเวชประจำโรงพยาบาลของตนเอง
“ไม่เยอะหรอกครับ”
“ไม่เยอะ แต่สีหน้าของคุณหมอโจดูเคร่งเครียดนะครับ”
ฟาเบียนสังเกตเห็นจึงอดที่จะท้วงไม่ได้
โจเซฟถอนใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบ
“พอดีมีผู้หญิงเอเชียคนหนึ่งน่ะครับ เธอมารักษาตัว เพราะถูกแฟน ซึ่งผมสันนิฐานว่าจะต้องเป็นพวกหื่นกาม บ้าเซ็กซ์ หรือไม่ก็เป็นผู้ชายวิตถารน่ะครับ ทำร้ายมาบอบช้ำมากเลยทีเดียว”
“โอ้โห มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ”
“มีครับ เธอน่าสงสารมาก ตอนนี้แม่ของเธอเฝ้าอยู่ในห้องฉุกเฉิน นี่ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของผมนะครับ ผมแจ้งความจับไอ้ผู้ชายระยำคนนี้ไปแล้วล่ะ”
“ผมเห็นด้วยครับ จับมันเข้าคุก ไปตัดจู๋ทิ้งให้เป็ดกินไปเลย”
ฟาเบียนสนับสนุนความคิดของคู่สนทนา อนจะเอ่ยถามถึงบาสเตียนพี่ชายคนรอง
“คุณหมอโจเห็นพี่บาสบ้างไหมครับ”
“เมื่อเช้าผมเห็นเดินหายเข้าไปในห้องประชุมเอน่ะครับ แต่ไม่รู้ออกมาหรือยัง”
ฟาเบียนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามอง ก่อนจะเอ่ยปลีกตัวกับคู่สนทนา
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ครับคุณหมอฟาเบียน”
ฟาเบียนยิ้มบางให้กับโจเซฟ และทันทีที่อยู่ลำพัง ใบหน้าหล่อจัดที่เปื้อนรอยยิ้มก็กลับมาเคร่งเครียดเหมือนเดิมทันที
“ทำไมเรอันมันช้านักนะ”
เขาก้าวเดินไปข้างหน้า และก็ล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาต่อสายหาเลขาคนสนิท
“ได้เรื่องหรือยัง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ผมยังติดต่อนายหน้าคนนั้นไม่ได้เลยครับคุณหมอ
ฟาเบียน”
“ไอ้เรอัน!”
“ผมขอโทษครับ ผมจะพยายามต่อไปครับ”
“บ้าชะมัด!”
ฟาเบียนแทบจะปาโทรศัพท์มือถือทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด และเขาก็คงทำไปแล้ว หากไม่ถูกร่างเล็กของใครบางคนวิ่งมาชนเข้าอย่างจัง
“อุ๊ยย... ขอโทษค่ะ”
ฟาเบียนหันไปมอง ก่อนจะเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นคนซุ่มซ่ามเต็มตา
“เชอเอม...”
“พี่หมอฟาเบียน”
“เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ ไหนคุณแม่ว่าเธอจะบินไปเมืองไทยพร้อมกับพี่แพท?”
เชอเอมในชุดเตรียมเดินทางฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบละล่ำละลักขอตัว เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามาโรงพยาบาลทำไม
“เอาไว้เอมมาตอบที่หลังนะคะ เอมรีบค่ะ”
“เฮ้ย... ไม่ได้ ตอบมาก่อน”
ฟาเบียนดึงแขนของเชอเอมเอาไว้ พร้อมกับก้มหน้าลงมองคาดคั้น
“รีบร้อนไปไหนน่ะเรา”
“เอมต้องไปหาเพื่อนค่ะ เพื่อนเอมอยู่ในห้องฉุกเฉิน”
“เพื่อน?”
“ใช่ค่ะ เพียงออไงคะ ไม่รู้พี่หมอฟาเบียนจำได้ไหม แต่ช่างเถอะ เอมขอตัวก่อนนะคะ”
เชอเอมสะบัดแขนแรงๆ ด้วยความรีบร้อน แต่ฟาเบียนไม่ยอมปล่อยแขน
“เพื่อนเธอเป็นอะไร ป่วยหนักหรือ”
“น่าจะหนักอยู่ค่ะ เห็นน้าเพ็ญบอกว่ายังไม่ได้สติเลย”
ฟาเบียนเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ
“อุบัติเหตุหรือ”
เชอเอมส่ายหน้าไปมา
“ไม่ทราบค่ะ น้าเพ็ญไม่ได้เล่ารายละเอียดให้เอมฟัง ขอตัวนะคะพี่หมอฟาเบียน”
“อืม”
คราวนี้ฟาเบียนยอมปล่อยมือจากแขนของเชอเอม แม่สาวน้อยวัยสิบแปดที่มารดาจับใส่พานมอบให้กับพี่ชายคนโตนั่นก็คือแพทริก
“งั้นพี่ขอไปเยี่ยมเพื่อนของเธอด้วยก็แล้วกัน”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงตัดสินใจสนใจเรื่องชาวบ้านชาวช่องแบบนี้ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่นิสัยหรือแม้แต่สันดานของเขาเลยแม้แต่น้อย
เพียงออ...?
เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเชอเอมมีเพื่อนผู้หญิงชื่อนี้ด้วย เขารู้เพียงแต่ว่าเมื่อสามปีก่อน เขาไปงานวันเกิดของเชอเอมตามคำสั่งของมารดา และก็ได้พบเจอกับเพื่อนๆ ของเชอเอมหลายคน
แต่เขานึกไม่ออกเลยว่า เพียงออ... คือคนไหน
ชายหนุ่มยักไหล่น้อยๆ อย่างไม่แยแสอะไร ชื่อนี้ไม่ได้สำคัญพอที่จะทำให้เขาใส่ใจ
เขาก้าวตามร่างอรชรของเชอเอมตรงไปยังห้องฉุกเฉิน และตามเข้าไปหยุดใกล้กับเตียงแคบที่มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งนอนหลับตาอยู่
ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นคนเดียวกันกับที่โจเซฟพูดถึง เพราะสภาพของหล่อน ดูบอบช้ำ และเนื้อตัวที่อยู่นอกร่มผ้าแดงช้ำเป็นจ้ำๆ แทบทุกตารางนิ้ว
นี่เขาแทบไม่อยากจะคิดเลยว่า ภายในร่มผ้าของหล่อนจะมีสภาพบอบช้ำแค่ไหน
“น้าเพ็ญ... เพียง... ทำไมเป็นแบบนี้คะ”
เชอเอมเห็นสภาพของเพื่อนรักแล้วก็ร้องไห้โฮออกมาด้วยความสงสาร
วันเพ็ญมองหน้าเชอเอมทั้งน้ำตา ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“เพียงโดนคนใจร้ายข่มขืน”
เชอเอมชะงักกึก มองเพื่อนด้วยความเวทนา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้หญิงน่าสงสารอย่างเพียงออจะต้องพบเจอกับชะตาเลวร้ายเช่นนี้
“ใครมันทำเพียงคะน้าเพ็ญ ใครมันใจคอเหี้ยมโหดแบบนี้คะ!”
“น้าไม่รู้...” วันเพ็ญสะอึกสะอื้นยิ่งขึ้น แต่ก็พยายามที่จะเล่าต่อ
“เจ้นุชมาบอกกับเพียงมันว่ามีลูกค้าต้องการหมอนวด เป็นลูกค้าผู้หญิง แต่ต้องไปนวดที่โรงแรม ตอนแรกน้าจะไปเอง แต่พอดีลูกค้าประจำของน้ามา เพียงก็เลยรับอาสาออกไปแทน...”
“ออกไปนวด แล้วทำไมกลับมาแบบนี้ล่ะคะ ทำไมเพียงถึงมีสภาพแบบนี้... โธ่ เพียง...”
ฟาเบียนยืนฟังนิ่ง รู้สึกแปลกประหลาดกับเรื่องที่ได้ยิน และยิ่งจับจ้องมองผู้หญิงคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย
ไม่ใช่หรอกมั้ง...
ฟาเบียนแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่กระนั้นความแคลงใจก็ทำให้เขาอยากพิสูจน์ให้แน่ใจ
“เอม พาแม่ของคนไข้ออกไปรอนอกห้องฉุกเฉินก่อน เดี๋ยวพี่ขอตรวจคนไข้หน่อย”
เชอเอมมองหน้าฟาเบียนด้วยความแปลกใจ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา วันเพ็ญก็แทรกขึ้นเสียก่อน
“คุณหมอตรวจลูกสาวของดิฉันแล้วค่ะ นี่ก็รอให้ฟื้น แล้วจะพากลับบ้าน”
“ผมจะตรวจซ้ำให้ละเอียดอีกทีครับคุณน้า”
วันเพ็ญนิ่งเงียบ แต่เชอเอมกลับเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“พี่หมอฟาเบียนเป็นหมอโรคหัวใจไม่ใช่เหรอคะ แล้วจะมาตรวจเพื่อนของเอมทำไมคะ เพียงไม่ได้เป็นโรคหัวใจสักหน่อย แค่ถูกข่มเหงมา”
“เราเป็นเด็กจะไปรู้อะไรกัน พาแม่คนไข้ออกไปก่อน เดี๋ยวพี่ขอตรวจคนไข้สักครู่ ไปสิครับ”
เมื่อถูกขับไล่ เชอเอมก็ไม่มีทางอื่น นอกจากพาวันเพ็ญออกไปนอกห้องฉุกเฉิน
“น้าเพ็ญคะ ไปรอข้างนอกกันค่ะ”
แม้จะห่วงลูกสาวมาก แต่วันเพ็ญก็เชื่อใจบุรุษในชุดกาวด์
“ฝากลูกสาวของฉันด้วยนะคะ”
“ครับ”
ฟาเบียนรอจนเชอเอมกับผู้หญิงวัยกลางคนเดินออกไปจากห้องฉุกเฉินแล้ว เขาจึงรูดม่านกั้นระหว่างเตียงให้ปิดสนิทลง
เขายืนมองผู้หญิงที่นอนนิ่งด้วยสายตาแคลงใจ เมื่อคืนเขาพลาดที่ไม่ได้เห็นหน้าของคู่นอนคนนั้น ทำให้เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ใช่หรือเปล่า แต่เหตุการณ์ที่ได้ยิน ทำไมมันคลับคล้ายคลับคลานัก
“ฉันหวัง... ว่าจะไม่ใช่เธอ”
เพราะสภาพของผู้หญิงคนนี้บอบช้ำมาก และเขาก็มั่นใจว่าตนเองไม่มีทางทำผู้หญิงชอกช้ำได้ขนาดนี้
ฟาเบียนขบกรามแน่น ก่อนจะค่อยๆ ก้มหน้าลงไปหาผู้หญิงหน้าหวานคนนั้นช้าๆ