คำพูดและแววตานิ่งสนิทของเขาทำให้จันทร์เจ้าขาใจเสียขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในเมื่อเริ่มไปแล้วเธอก็รู้ดีว่าถอยกลับไม่ได้
ต่อให้พูดออกไปแล้วผลจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่อย่างน้อยเธอก็ยังได้ลอง หากลลิตาเอาตัวเข้าแลกแล้วขีวิตรุ่งโรจน์ได้ เธอที่ไม่มีทางเลือกอื่นก็จะยอมทำแบบเดียวกันเพื่อให้คนอย่างพี่อ้อที่กล้ารังแกเธอนั้นล่มจม
ต่อให้เขาไม่ใส่ใจรับปากในวันนี้ แต่หากเธอลืมความอายแล้วทำให้เขาถูกใจได้ คนนอนคุยอย่างเธออาจพลิกมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถึงโอกาสสำเร็จมันจะน้อยมากแต่ถ้าไม่ลองก็ไม่มีวันรู้
“ฉันรู้ว่าคนอย่างคุณสนค่ะ” คิดได้แบบนั้นหญิงสาวจึงลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองก่อนจะไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน
“อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น” ชายหนุ่มยังคงพูดเสียงเรียบขณะที่แขนซึ่งวางอยู่บนพนักตั้งแต่เมื่อครู่เอื้อมมาวางมือลงบนต้นขาเปลือยที่โผล่พ้นรอยแหวก นิ้วโป้งของเขาเกลี่ยลงบนผิวเนื้อเบาๆเรียกเสียงด่าในหัวของจันทร์เจ้าขาได้เป็นอย่างดี
ทว่าถึงจะเริ่มโมโหแต่หญิงสาวก็ยังรู้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบที่คนระดับเธอจะต่อกรได้ อีกอย่างเธอก็ไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เสียหน่อย ยังไงคืนนี้ก็ต้องเสียตัว แต่เธอจะขอเสียแล้วมันได้ประโยชน์สูงสุดไปเลย
“ฉันรู้มาจากพี่อ้อว่าคุณเป็นมาเฟียในกวางโจว”
“ฉันไม่ใช่มาเฟีย ฉันเป็นนักธุรกิจ”
“ถ้าเป็นแค่นั้นทำไมท่านวินิจถึงได้มารับรองคุณด้วยตัวเองล่ะคะ ฉันรู้ว่าคนระดับคุณมีคนพร้อมเข้าหามากมาย ไม่จำเป็นต้องบังคับผู้หญิงให้มานอนกับตัวเอง”
“รู้ได้ยังไง ฉันอาจมีรสนิยมวิปริตอย่างนั้นก็ได้”
“ถ้าคุณเป็นแบบนั้น ตอนนี้ฉันคงไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนตัวแล้ว”
“ฉันอาจจะกำลังจะทำก็ได้ อย่าลืมสิว่าฉันเป็นคนเลือกเธอมาเอง อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าให้มันมากนัก”
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ยังคงนิ่งอยู่แบบเดิม มีสองอย่างที่ไม่นิ่งคือแววตาที่วาววับขึ้นมาอย่างถูกใจ และมือที่เริ่มคืบคลานเข้าไปในกระโปรงของเธอ
จันทร์เจ้าขาพยายามข่มความรู้สึกที่ไหลวนอยู่ในอก เธอมองหลังมือหนาที่มีรอยสักยึดครองเต็มพื้นที่กำลังขยับเข้าไปลึกเรื่อยๆจนเกือบถึงจุดสงวนอย่างสะกดอารมณ์
“ฉันคิดว่ามองคนไม่ผิด คุณมีอำนาจในมือมากมาย จะข่มเหงผู้หญิงไร้ทางสู้ที่โดนหลอกมาจริงๆเหรอคะ แบบนั้นศักดิ์ศรีของคุณคงถูกผู้หญิงคนนั้นกับท่านวินิจทำลายไม่เหลือเลยนะ”
“...เธอนี่ฉลาดพูดดีนะ” ขณะที่กำลังกลั้นใจรอว่าเขาจะทำอะไรกับตัวเองอยู่นั้น จู่ๆมือหนาที่ล้วงอยู่ใต้กระโปรงก็พลันดึงออกไป ร่างสูงใหญ่ขยับออกไปพิงพนักโซฟาตา,เดิม นอกจากนั้นก็ยังหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์
ด้านจันทร์เจ้าขาที่เหมือนเพิ่งรอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิดก็เริ่มกวาดสายตามองเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอสังเกตเห็นรอยสักหัวมังกรที่ลำคออีกด้านของเขา ถึงได้รู้ว่าบนตัวเขาน่าจะมีมังกรมากกว่าหนึ่งตัว
ทรงได้ขนาดนี้ยังจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่มาเฟียอีก เป็นคนยังไงกันแน่นะผู้ชายคนนี้ เขามีแต่จะอยากประกาศศักดาตัวเอง แต่นี่กลับปฏิเสธ ที่พี่อ้อบอกว่าเขาเป็นทายาทอันดับหนึ่งคงจะจริง
“อยากจะขอให้ฉันปล่อยเธอไปว่างั้น?” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่จิบไวน์หมดแก้วแล้วยื่นแก้วนั้นมาให้เธอรินใหม่ ด้านหญิงสาวเมื่อเห็นแบบนั้นจึงรีบกระวีกระวาดรินให้ด้วยใจที่ชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
อันที่จริงเธอใจชื้นตั้งแต่ที่เขายอมผละออกไปแล้ว เพราะมันสื่อให้เห็นว่าเขาดูเป็นคนคุยได้ และน่าจะคุยได้มากพอที่เธอจะมีทางเลือกมากกว่าหนึ่งทางด้วย
“ไม่ค่ะ”
“หมายความว่ายังไง” เขาเหล่ตากลับมามอง
“ฉันเชื่อว่าถ้าฉันอ้อนวอนคุณจริงๆคุณก็คงปล่อยไปได้ไม่ยาก แต่ตัวฉันที่โดนหลอกมาวันนี้ถอยกลับไม่ได้แล้ว ถ้าฉันถอยฉันก็จะต้องออกจากวงการบันเทิงไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย ทั้งที่ฉันตั้งใจทำงานอย่างสุจริตมาตลอด”
“แล้วเธออยากได้อะไร”
“ฉันอยากให้คุณช่วยกำจัดคุณอ้อ”
“จะให้ฉันฆ่าเขาเหรอ” เขาเลิกคิ้ว แต่จันทร์เจ้าขากลับส่ายหน้าเพราะนั่นไม่ใชสิ่งที่เธอต้องการ เธอไม่ได้อยากให้อีแก่นั่นตาย คนอย่างจันทร์เจ้าขาไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันอยากให้คุณช่วยทำให้เขาหมดอนาคตจากวงการบันเทิง ให้กลับมาทำงานแบบนี้ไม่ได้อีก เขาจะได้ไม่ต้องไปทำแบบนี้กับนักแสดงหญิงคนอื่น เขาไม่ได้ทำกับฉันคนแรกนะคะแต่ทำมาหลายครั้งแล้ว”
เรื่องทำมาหลายครั้งแล้วนั้นเธอเองก็ไม่ได้แน่ใจนัก เพราะไม่เคยได้ยินข่าวเป็นหลักแหล่ง มีแค่เรื่องซุบซิบที่เคยลอยผ่านหู เมื่อก่อนเธอไม่เคยเชื่อเพราะคิดว่าข่าวลือคนจะพูดยังไงก็ได้
แต่พอได้มาเผชิญด้วยตัวเอง จันทร์เจ้าขาถึงได้รู้ซึ้งว่าที่เขาลือกันมันจริงทุกอย่าง ตอนนี้ก็ได้แค่หวังว่าเธอจะสามารถโน้มน้าวใจคนที่มีพาวเวอร์มากพออย่างเขาได้ ถึงโอกาสสำเร็จมันจะไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ
แต่ยังไงก็ต้องลอง
“แล้วฉันจะได้อะไรจากการช่วยเธอ ฉันว่าฉันเริ่มงงแล้ว เธอช่วยพูดให้มันชัดๆที”
“คุณไท่หรงคะ ยังไงฉันก็หนีคุณไม่พ้นและฉันก็ไม่ได้คิดจะหนีด้วย เรามาตกลงกันเถอะค่ะ คุณทำให้คนที่พาฉันมาขายหมดอนาคตจากวงการ ส่วนฉันก็จะยอมนอนกับคุณโดยที่ไม่ต้องบังคับจนกว่าคุณจะเบื่อ"
“...”
“คุณบอกว่าคุณเป็นคนเลือกฉันมาเอง แปลว่าคุณก็ต้องชอบฉันอยู่บ้าง ฉันเองไม่รู้ว่าจะให้อะไรคุณได้นอกจากตัว แต่ถ้าคุณอยากอะไรมากกว่านี้ก็บอกฉันมาได้เลยค่ะ ฉันจะได้รู้ว่าจะทำตามที่คุณขอได้ไหม”
จันทร์เจ้าขาพูดเสียยืดยาวเสียงดังฟังชัด แม้เรื่องจริงจะไม่ได้มั่นใจเท่าไหร่ว่าเขาจะยอมรับข้อเสนอ เพราะที่เธอทำวันนี้มันบ้ามากๆ เขาเองก็คงคิดว่าเธอบ้าไปแล้วถึงได้กล้าไปต่อรองกับคนอย่างเขา
แต่เธอไม่มีอะไรต้องเสียแล้วจริงๆ ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็มีแต่ต้องก้มหน้ารับโชคชะตาอันบัดซบ
ด้านไท่หรงที่นั่งฟังหญิงสาวอายุน้อยกว่าเป็นรอบพูดก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธออย่างถูกใจ เขาสบกับแววตาเด็ดเดี่ยวของเธอ ไล่สายตามองใบหน้าสวยหมดจด ลากลงมาถึงรูปร่างเพรียวบางแต่มีส่วนโค้งเว้าน่ามอง
จนกระทั่งถึงเรียวขาสวยที่ลองจับแล้วพบว่าเนียนนุ่มมากความคิดที่ว่าน่าสนใจดีพาให้หัวเราะในลำคอ
“แล้วถ้าฉันไม่ยอมเบื่อเธอง่ายๆล่ะ เธอจะทำยังไง”
“ฉันก็จะไม่ถอดใจง่ายๆเหมือนกันค่ะ ยังไงฉันก็ไม่ได้มีทางเลือกอื่นอยู่แล้ว คุณจะรับข้อเสนอนี้หรือไม่ฉันคงไปบังคับไม่ได้ แต่ฉันอยากให้คุณรู้ไว้ว่าถ้านอกเหนือข้อตกลง คืนนี้ฉันคงไม่ได้น่ารักกับคุณนัก เราอาจจะต้องต่อสู้กันจนตายไปข้าง”
“...”
“ซึ่งคนตายมันก็คงเป็นฉัน ที่จะตายไปพร้อมกับคำสาปแช่ง คุณเป็นคนจีนแถมยังทำธุรกิจ ก็คงไม่ได้อยากอยู่กับโชคร้ายและคำแช่งของคนตายไปตลอดหรอกนะคะ” ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะขุดอะไรมาต่อรองกับเขาได้อีกแล้ว
เพราะชักแม่น้ำทุกสายในโลกมาแจงจนแทบจะหมดหนทาง กระทั่งต้องเอาเรื่องความเชื่อมาเป็นเครื่องมือทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าเขาเป็นเด็กนอก คงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เหมือนคนรุ่นเก่า
หากจบวันนี้ไปได้โดยที่ร่างกายยังอยู่ครบชิ้น เธอจะไปทำบุญครั้งใหญ่เลยจริงๆ
“ขอเพียงคุณช่วยล้างแค้น จัดการคนที่เอาฉันมาขายให้หมดอนาคตได้ ฉันจะทำอย่างที่พูดแน่นอนค่ะ” บางทีการลองเลี่ยงอาจทำให้เธอโชคดีก็ได้ หรือหากจะไม่โชคดีอย่างน้อยเธอก็ได้บอกตัวเองว่าทำเต็มที่แล้ว
เห็นเธอก้มหน้าก้มตาทำงานไม่มีพิษภัยกับใคร แต่ก็ใช่ว่าคนอย่างเธอจะโกรธไม่เป็น ที่เลือกไม่โกรธก็เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่โกรธแล้วเจ้าคิดเจ้าแค้นจึงหยุดตัวเองเอาไว้เท่านั้น หยุดก่อนจะถึงจุดอันตรายเหมือนตอนนี้
ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อทำลายคนที่เกลียด แม้จะไม่รู้ว่ามีความหวังสำเร็จหรือไม่
ด้านเขายังคงนั่งฟังเธอพูดและมองนิ่งๆอยู่แบบนั้นจนหญิงสาวเริ่มใจเสีย ทว่าสุดท้ายรอยยิ้มถูกใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย เขายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวางแก้วลงแล้วโน้มกายเข้าหาหญิงสาวอีกรอบ
ดวงตาดุดันเหมือนตาเสือที่เคลื่อนเข้าใกล้ทำเอาจันทร์เจ้าขาเผลอย่นคอหนี ทว่าเมื่อคิดได้ว่าเพิ่งไปเสนอตัวกับเขาก็หยุดตัวเอง และปล่อยให้เขารั้งตัวเข้าไปแนบชิดกับอย่างย่ามใจ
“เธอใจสู้ดี เก่งๆแบบนี้แหละ ฉันชอบ”
แว่วเสียงหัวเราะต่ำในลำคอดังมาเข้าหูอีกครั้ง สายตาคมกริบลากไล้ไปทั่ว ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดบนผิวเนื้อทิ้งความรู้สึกประหลาดเอาไว้
ไม่นานเขาก็ผละออกไปก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วกลัดกระดุมเสื้อสูท ท่ามกลางสายตาไม่เข้าใจของหญิงสาว เขาเอาโทรศัพท์ของตัวเองมากดโทร ไม่นานชายชุดดำสองคนก็เปิดประตูเข้ามา
“เอาโทรศัพท์ของเธอมา” มือหนายื่นมาขอโทรศัพท์พาให้หญิงสาวเหลือบขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมเหรอคะ”
“อันที่จริง การที่จะควานหาตัวเธอน่ะมันง่ายมากสำหรับฉัน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องเสียเวลาทำแบบนั้นไปทำไม เอาโทรศัพท์เธอมาอย่าให้ต้องพูดซ้ำ” น้ำเสียงโหดจัดของเขาทำเอาจันทร์เจ้าขารีบลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ของตนที่วางอยู่บนโต๊ะเร็วจี๋
เธอรีบปลดล็อคโทรศัพท์แล้วส่งให้เขา ดวงตาสวยมองนิ้วเรียวยาวพิมพ์เบอร์ของตัวเองลงบนโทรศัพท์ของเธอ ก่อนจะกดโทรออกไปที่เครื่องของตัวเองแล้วกดตัดสาย
“คุณจะยอมตกลงเหรอคะ” การกระทำของผู้ชายตรงหน้าทำให้จันทร์เจ้าขามีความหวังขึ้นมา ทั้งคำพูดทั้งท่าทางของเขามันบอกว่าเรื่องเสี่ยงตายที่เธอทำมันทำเร็จ
“ใช่ ฉันจะทำข้อตกลงกับเธอ ช่วงนี้เธออยู่ในที่ที่ให้อยู่ไปก่อน เมื่อเรื่องฝั่งฉันลุล่วงแล้วฉันจะกลับมาทวงสัญญา เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน นักธุรกิจอย่างฉันไม่ยอมขาดทุนแน่”
คุณไท่หรงพูดประโยคที่ยาวที่สุดในคืนนี้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมการ์ดสองคน ส่วนการ์ดที่อยู่ด้านนอกอีกสามคนนั้นยังคงอยู่แม้ว่าเขาจะเดินออกไปไกลแล้ว
หนึ่งในนั้นหันมามองจันทร์เจ้าขาที่ยังยืนตั้งสติอยู่ในห้อง ก่อนจะเดินเข้ามาหยิบกระเป๋าของเธอที่วางอยู่ไม่ไกลจากจุดที่วางโทรศัพท์ แล้วเดินมากระซิบบอกให้เธอเดินตามตัวเองไปอย่างสุภาพ
หญิงสาวยิ้มเจื่อนค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะเดินตามไปอย่างว่าง่าย แม้ว่าเรื่องจริงจะขนลุกซู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเธอรู้ว่าเมื่อเรื่องมันเป็นอย่างนี้แล้วคุณไท่หรงคนนั้นพูดจริงทำจริงแน่นอน
เธอคิดถูกไหมเนี่ยที่ไปยื่นข้อเสนอแบบนั้นกับเขา ทำไมตอนนี้รู้สึกเหมือนกระโดดลงหลุมลึกเสียเองล่ะ