คนโกหก

1889 คำ
ฝ่ามือหยาบกระด้างกำข้อมือโฉมสะคราญแน่น เขาจุมพิตนางแล้วก็จริงแต่ไม่ใช่เพราะความเสน่หาแต่อย่างใด คนอย่างจางหย่งเฉินนั้นไม่ใช่พวกหลงมัวเมาในสตรี คมเขี้ยวแหลมคมของบุรุษขบลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความมันเขี้ยว “อะอือ อื้อ!” ความเจ็บปวดแล่นผ่านเข้ามาทำให้เย่ฟางหรูรู้สึกเจ็บแปลบที่ริมฝีปาก จึงใช้เข่าดันท้องอ๋องนิสัยเสีย และนั่นก็ทำให้เขาหยุดชะงักไม่ทันคาดคิดว่าสตรีตระกูลเย่จะร้ายกาจเช่นนี้ “นี่เจ้า! กล้าทำร้ายข้าหรือ” จางหย่งเฉินเข้าใจมาตลอดว่าสตรีทั่วทั้งเมืองต้าเยี่ยนนั้นล้วนอยากจะเป็นชายาของเขา แต่ทว่าคนที่อยู่ใต้ร่างตอนนี้กลับต่อต้าน “ปล่อยนะ!” เย่ฟางหรูดวงตาแดงก่ำ นางไม่ใช่คนตระกูลเย่ตั้งแต่แรกก็จริง แต่ก็ถูกเลี้ยงดูด้วยตระกูลเย่ตลอดสิบเจ็ดปีมานี้ ชีวิตนางไม่อาจพ้นความรับผิดชอบนี้ไปได้แม้แต่วินาทีเดียว ริมฝีปากสาวมมีเลือดซิบออกมา นางรู้สึกทั้งเจ็บและปวด ไม่นานน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลลงอาบแก้ม เย่ฟางหรูผินใบหน้างามออก ในใจบอบช้ำไปหมด “คิดว่าข้าอยากแตะต้องเจ้ามากหรือไง!” เฉินอ๋องผละตัวออก เขาใช้มือปัดไปตามตัวด้วยความรังเกียจ พร้อมทั้งเดินไปดื่มชาที่ตั้งเตรียมไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็กลั้วปากแล้วบ้วนออกมา การกระทำนั้นทำให้เย่ฟางหรูยิ่งเจ็บปวดใจ “ข้าไม่ใช่เย่เหมยหลิน ท่านก็ไม่ฟังบ้างเลย ตระกูลเย่กับตระกูลจางอยู่ร่วมกันไม่ได้ เช่นนั้นเกี่ยวอะไรกับข้าที่เป็นคนตระกูลหลี่ด้วยเล่า” ความอดทนของคนย่อมมีขีดจำกัด หากคนตระกูลเย่จะมาได้ยินก็ดี หรือคิดว่านางเป็นคนเนรคุณก็ช่าง พวกเขาทิ้งนางก่อนนี่นา ท่านแม่ที่บอกว่ารักนางเหมือนลูกในไส้ไม่เห็นจะย้อนกลับมาเพื่อช่วยเหลือ ยิ่งผู้ที่คิดว่าตนเป็นบิดาด้วยแล้วกลับไม่เคยแยแสสักนิดว่านางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่ว่าจะเย่เหมยหลินก็ดี น้องสาวที่ไม่เคยมองว่านางเป็นพี่สาวกลับทำร้ายกันได้ลงคอ ผลักภาระที่ตนต้องแบกรับมาใส่บ่านางที่ไม่ได้มีส่วนข้องเกี่ยวด้วยเลยสักนิด ใครอยากจะเป็นพี่เป็นน้องกับคนแบบนี้กัน ร่างบางตวาดลั่นเหมือนคนที่หมดความอดทน น้ำตาไหลอาบแก้ม เนื้อตัวของนางแทบดูไม่ได้สักนิด เสื้อผ้าขาดวิ่น บัดนี้ท่อนบนเหลือเพียงเอี๊ยมตัวบางที่พยายามจะบดบังทรวงอกที่มีมากล้นนั้น “เหอะ! ใครจะเชื่อคนอย่างเจ้ากัน เพียงเพื่ออยากเอาตัวรอดก็หาเรื่องโกหกได้หน้าตายเช่นนี้ เจ้าเล่นงิ้วเก่งนะ” จางหย่งเฉินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกเย่ฟางหรูลุกพรวดขึ้นมายืนเผชิญหน้ากัน “ส่งข้าไปเมืองเนี่ยโจว ข้าจะกลับไปหาคู่หมั้นตัวเอง!” เอาสิ ใครจะว่านางเป็นบ้าไปแล้วก็ช่างเถิด เย่ฟางหรูคนนี้ไม่ใช่คนที่จะยอมตกเป็นรองผู้ใดสักหน่อย “เจ้าพูดใหม่อีกทีสิ...” แน่นอนว่าเมืองเนี่ยโจวเป็นสถานที่อ่อนไหวสำหรับเมืองต้าเยี่ยน โดยเฉพาะเฉินอ๋อง เพราะตอนนี้ยังมีกำลังเป็นรองจึงไม่สามารถยกทัพไปข่มขู่ เหมือนที่ทำกับเมืองเหลียนโจวได้ “ข้า จะ กลับ ไป หา หลงอ๋อง!” เพียงเย่ฟางหรูตะโกนคำนี้ใส่หน้าคนที่มีโทสะปกคลุมตัว ทั้งร่างของโฉมสะคราญก็ถูกอุ้มขึ้นรวดเร็ว แล้วถูกดันหลังไปชนเข้ากับกำแพงด้านหนึ่ง ความรุนแรงนั้นทำให้นางตกใจจนตั้งตัวไม่ทันก็จริง แต่ทว่าครู่ต่อมาฝ่ามือหนาก็ฉีกกระชากชุดคลุมตัวสตรีให้แยกออกจากกันไม่เหลือชิ้นดี จมูกโด่งสวยก็ก้มลงมาสูดดมที่เนินทรวงนั้นทันที การคุกคามนี้ทำให้สตรีตาเบิกโพลง “กระกรี๊ด! ฮือ ๆ อย่าทำข้าเลย” ทรวงอกสีขาวราวกับหิมะหอบหายใจแรงด้วยความตกใจกลัว “ไหนเจ้าลองพูดใหม่อีกทีสิ” ใบหน้าครั่นคร้ามนั้นเงยออกมาจากทรวงอกอิ่มที่ตอนนี้เนินทรวงดันเอี๊ยมตัวน้อยออกมาแทบปิดไม่มิดชิดแล้ว ภาพตรงหน้าชายหนุ่มช่างให้ความรู้สึกยั่วยวนใจเสียจริง หัวใจสตรีเต้นด้วยความเร็วแรง เย่ฟางหรูรู้แล้วว่าตนไม่ควรยั่วโทสะอ๋องบ้าคนนี้ “พูด!” เฉินอ๋องตะคอกใส่ คุณหนูใหญ่หลับตาปี๋ขมวดคิ้วแน่น “ขะ ข้าจะอยู่ที่นี่ อยู่ที่นี่ก็ได้” จากนั้นร่างสูงก็ปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ เขาเดินไปหยิบผ้าห่มแล้วโยนใส่หัวนาง “ต่อไปเจ้าอย่าพูดถึงเมืองเนี่ยโจวให้ข้าได้ยินอีก” แล้วคนที่มีโทสะก็เดินออกจากห้องไปทันที ความป่าเถื่อนของเฉินอ๋องทำให้เย่ฟางหรูตกใจจนหน้าถอดสี รีบกอดผ้าห่มนั้นไว้แน่น เมื่อครู่ตอนที่เขากดจมูกโด่งสวยลงมาบนทรวงอก นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่พร้อมจะแผดเผาให้ทั้งร่างแหลกเป็นจุณ “ขะ ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว ฮือ ๆ” คนที่ขวัญหนีร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ ไม่นานพวกสาวใช้ก็เข้ามาหา แต่ละคนนั้นต่างตกใจที่เห็นว่าสตรีที่พวกนางเคยดูแลป้อนข้าวป้อนยาให้กำลังร้องไห้แทบขาดใจ “คุณหนู ข้าเอาเสื้อผ้ามาให้เจ้าค่ะ” สาวใช้ที่ชื่อว่าหลินหลินเอ่ยขึ้น พร้อมกับวางชุดสาวใช้ไว้บนโต๊ะ “พวกข้าจะออกไปรอข้างนอก” แล้วสาวใช้ทั้งสามคนก็เดินออกไป พอตั้งสติได้เย่ฟางหรูก็เหลือบตาไปมองบนโต๊ะ สุดท้ายนางก็ยอมใส่ชุดสาวใช้ที่มีเนื้อผ้าหยาบกระด้างโดยที่ไม่ปริปากบ่นออกมาสักคำเดียว เพราะการมีชีวิตรอดออกจากเมืองต้าเยี่ยนนั้นสำคัญกว่าเรื่องใดทั้งหมด เมื่อสวมชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เย่ฟางหรูก็รู้สึกว่าช่วงหน้าอกคับแน่นเล็กน้อย แม้ว่านางเกิดมาตัวเล็ก แต่ส่วนตรงนั้นกลับมีมากกว่าสตรีคนอื่น ๆ รูปโฉมงดงามเยี่ยงเทพเซียนไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงเลยสักเพียงนิดเดียว “เอ่อ...ชุดตัวเล็กไปหน่อยหรือไม่” เย่ฟางหรูหน้าแดงก่ำ ตอนนี้เนื้อตัวของนางถูกชุดสาวใช้ขับเน้นให้เห็นสัดส่วนชัดเจน ไม่ว่าจะส่วนหน้าอกที่ใหญ่ล้นออกมา เอวที่คอดกิ่วมากกว่ายามปกติ และสะโพกที่ดูงอนงามน่าเคล้นคลึงเป็นพิเศษ หลินหลิน หมิงเอ๋อร์ และซินซินมองสตรีโฉมสะคราญตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ขนาดว่าใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉม แต่ทว่าสตรีคนนี้กลับดูเฉิดฉันเป็นอย่างมาก “เดี๋ยวข้าไปดูให้ว่ายังมีชุดที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ไหม” เนื่องจากหลินหลินสละชุดของตนให้คุณหนูใหญ่ตระกูลเย่สวมตามรับสั่งของท่านอ๋อง แต่ก่อนที่พวกสาวใช้จะไปหาเสื้อผ้ามาให้นางเปลี่ยนใหม่ นางกำนัลหลิวก็เดินมาถึงเสียก่อน “ท่านอ๋องเรียกหาท่านเจ้าค่ะ” หลิวหมัวมัวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็เดินนำหน้าไป สุดท้ายเย่ฟางหรูก็ต้องเดินตามหลังไปแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม จวนเจ้าเมืองต้าเยี่ยนนั้นกว้างใหญ่มาก ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไรก็ยิ่งจำทางออกไม่ได้ หลังจากเดินมาสักระยะเย่ฟางหรูก็อดสงสัยไม่ได้ “ท่านอ๋องประทับอยู่ที่ใดหรือ” นางกำนัลไม่ยอมปริปากพูดแม้แต่น้อย สุดท้ายสักพักก็เดินมาถึงหน้าเรือนหนึ่งที่มีป้ายชื่อว่าเรือนซีซวน ***ใช้อักษรที่มีความหมายว่าสง่างามและชาญฉลาด พวกนางเดินเข้ามาในเรือนด้านในที่มีนางกำนัลรับใช้กำลังทำหน้าที่อื่นเต็มไปหมด เย่ฟางหรูก็ทำได้เพียงลอบสังเกตด้วยความตื่นตระหนก กระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องหนังสือห้องหนึ่งที่ประตูเปิดกว้างออกคล้ายว่ากำลังรอใครอยู่ “ท่านอ๋อง คุณหนูมาแล้วเพคะ” หลิวอิ๋นก้มหน้าลง ที่เบื้องหน้ามีอ๋องเจ้าเมืองกำลังนั่งอ่านฎีกาอยู่ บนโต๊ะที่แข็งแรงนั้นเต็มไปด้วยกองม้วนไม้ไผ่และม้วนผ้าไหมที่ตั้งสูงจนเกือบล้นโต๊ะ การปกครองที่ต้าเยี่ยนไม่ค่อยแตกต่างกับการปกครองแคว้นต้าโจวของจักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย บุรุษองอาจเปลี่ยนมาสวมชุดลำลองสีขาวราวกับกำลังไว้ทุกข์แล้วก็โบกมือไล่นางกำนัล ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย “เพคะ” หลิวอิ๋นย่อตัวลงแล้วออกจากห้องหนังสือทันที สุดท้ายเย่ฟางหรูก็ยืนอยู่หน้าห้องไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัว สุดท้ายคนที่นั่งทำงานอยู่ก็เอ่ยปากขึ้นมา “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม เจ้ามานี่สิ” เสียงเย็นชากดดันจนสตรีไม่อยากจะเข้าไปเลยสักนิด “อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำสอง” เขาข่มขู่ สตรีทำหน้านิ่งไร้อารมณ์ทั้งที่ในใจหวาดกลัวมาก แต่สุดท้ายก็ต้องเดินเข้าไปในห้องหนังสือที่ดูกว้างขวางนั้น ที่เบื้องหลังพวกบ่าวรับใช้รีบปิดประตูลงทันที “ท่านจะให้พวกนางปิดประตูทำไมกัน” เย่ฟางหรูตื่นตระหนกกลายเป็นคนขวัญอ่อนไปแล้ว “หึ...เจ้ากลัวด้วยหรือ” ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูร้ายกาจเงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา พร้อมทั้งกวาดตามองเย่ฟางหรูพลางขมวดคิ้ว ในช่วงเวลาเดียวกันแม่ทัพใหญ่ก็มาเยือนจวนเจ้าเมืองด้วยตัวเอง บ่าวรับใช้ในเรือนไม่กล้าขวางทางจึงไม่ได้รายงานว่าอู๋เจี้ยนมา ชายในชุดเกราะเบากำลังก้าวเท้าเข้าห้องหนังสือตามปกติ ทว่าเฉินอ๋องกลับจ้องหน้าโฉมสะคราญเขม็ง ประกายตานั้นเจือด้วยแววโทสะอีกหน แต่มันกลับทำให้คนถูกจ้องรู้สึกเย็นเยือกพิกล “รีบไปถอดชุดนั่นออก” และคำพูดนั้นก็ทำให้เย่ฟางหรูหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย จังหวะนั้นอู๋เจี้ยนเดินเข้ามาในห้องหนังสือแล้ว “ท่านอ๋องฏีกาพ่ะย่ะค่ะ” ฎีกาม้วนสำคัญอยู่ในมือแม่ทัพใหญ่ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าในห้องหนังสือไม่ได้มีแค่ท่านอ๋อง สายตาอู๋เจี้ยนอดไม่ได้ที่จะสำรวจเนื้อตัวของเย่ฟางหรู เพราะชุดที่เน้นสัดส่วนนั่นดึงดูดสายตาบุรุษทุกคนเสียเหลือเกิน บุรุษองอาจมุ่นคิ้วมองชายหญิงทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นว่าลูกน้องให้ความสนใจสตรีตระกูลเย่ก็อดไม่ได้ที่จะไม่พอใจจึงกระแอมไอเสียงดัง อู๋เจี้ยนรู้ตัวแล้วว่าตนเสียมารยาทมากจึงรีบดึงสายตากลับมา แล้วเดินไปส่งมอบฎีกาให้ท่านอ๋อง กลิ่นอายเย็นชาแผ่กระจายไปทั่วบริเวณทำให้ทุกคนต่างรู้สึกอึดอัด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม