จะถอดเองหรือให้ข้าถอดให้

1659 คำ
เมื่อส่งฎีกาเสร็จแล้วอู๋เจี้ยนก็ถูกไล่ออกจากห้องทันที แม่ทัพใหญ่ไม่กล้าขัดคำสั่งรีบถอยหลังเดินออกไปโดยไม่กล้ามองไปที่คุณหนูตระกูลเย่นั่นอีกเลย “ใครอยู่ข้างนอก รีบไปเอาชุดไว้ทุกข์มา!” เฉินอ๋องตะโกนเสียงดัง ท่านอ๋องที่ดูสง่างามสูงส่งและเป็นคนมีมารยาทเสมอ บัดนี้ดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ตั้งแต่ที่อดีตอ๋องเจ้าเมืองถูกพิษจนตาย โทสะในใจจางหย่งเฉินก็ยิ่งเผาผลาญความสุภาพอ่อนโยนนั้นจนกลายเป็นบุรุษอารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย เสียงดังและทำอะไรรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลิวหมัวมัวซึ่งยืนอยู่ข้างนอกได้ยินรับสั่งก็รีบให้คนไปจัดเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ทันที สาเหตุคงเป็นเพราะโฉมงามคนนั้นที่อยู่ในห้องหนังสืออย่างแน่นอน เย่ฟางหรูพยายามยืนตัวลีบอยู่ตรงนั้น นางไม่เข้าใจว่าเขาจะโมโหทำไม ทั้งที่ก็เป็นคนสั่งให้นางสวมชุดสาวใช้ชุดนี้เอง “มัวแต่ยืนนิ่งทำไม ถอดชุดออกสิ” สายตาคมมองอย่างเย็นชา เขาคิดจะหยามเกียรตินางต่อหน้าบ่าวรับใช้หรืออย่างไร สตรีจ้องตาบุรุษเขม็ง “ข้าไม่ถอด” เย่ฟางหรูรู้ว่าจางหย่งเฉินเกลียดขี้หน้าจึงหันหลังหนี และนั่นก็ทำให้บุรุษซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตั้งอยู่บนพื้นต่างระดับ ใช้สายตาสำรวจนางได้อย่างเปิดเผย สตรีตระกูลเย่นั้นก็มีดีแค่รูปร่างหน้าตา สุดท้ายเลือดที่หมุนเวียนอยู่ในตัวนางก็เป็นเลือดคนชั่วที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อหักหลังสหาย “เย่เหมยหลิน เจ้าพูดไม่รู้เรื่องหรือ” เฉินอ๋องเลิกคิ้วขึ้น “ข้าชื่อฟางหรู ท่านต่างหากที่ฟังไม่รู้เรื่องหรือ อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำบ่อย ๆ นะ” เย่ฟางหรูรู้สึกเอือมระอา นางไม่อยากมองหน้าเขา คนนิสัยไม่ดี สักวันหนึ่งที่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้ก็ขออย่าได้เจอกันอีกเลย ร่างสูงลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาหยุดที่ด้านหลัง จากนั้นก็พลิกตัวคนให้หันมาเผชิญหน้ากัน “หนะ นี่ ท่าน!” นัยน์ตาหงส์เบิกโพลงด้วยความตกใจ ตัวสั่นเล็กน้อยเกรงว่าเขาจะทำอะไรนางอีก “ถ้าเจ้าไม่ยอมถอด ข้าจะเป็นคนถอดชุดนี้ให้เอง” สายตาคมคู่นั้นมองกดดันคล้ายกับว่าจะข่มขู่กัน “อย่านะ!” เย่ฟางหรูผละตัวออก รีบใช้มือดันอกแข็งแรงเอาไว้ แต่เอวคอดกิ่วกลับถูกเขากอดเอาไว้แน่น เฉินอ๋องโน้มหน้าลงมาใกล้ ท่าทางคุกคามเป็นอย่างมาก “ต่อไปนี้เจ้าเป็นสาวใช้ข้างกายของข้า ต้องทำทุกอย่างตามที่ข้าสั่ง เข้าใจหรือไม่” จางหย่งเฉินต้องการแกล้งสตรีตระกูลเย่ ทั้งที่เขาก็ไม่เคยมีสาวใช้ข้างกายมาก่อน เย่ฟางหรูเม้มปากเป็นเส้นตรงพร้อมกับมุ่นคิ้วขึ้น “ข้าไม่เข้าใจ” สตรีตอบทันควัน “ไม่เข้าใจหรือ” แรงรัดที่เอวโฉมงามแน่นขึ้นอีก “ปล่อยข้านะ! ข้าจะกลับบ้าน” เย่ฟางหรูดิ้นรน แต่นางได้ยั่วบุรุษที่เสียสติคนนี้ไปเสียแล้วโดยไม่รู้ตัว จมูกโด่งสวยแนบชิดกับแก้มใส จากนั้นริมฝีปากหยักสวยก็กดลงมาดอมดมกลิ่นหอมที่เป็นกลิ่นประจำตัวสตรีคนนี้ “บ้านเจ้าน่ะถูกยึดไปแล้ว เจ้าไม่เหลือใครทั้งนั้นยกเว้นข้า” น้ำเสียงนี้เหมือนว่าเฉินอ๋องกำลังเยาะเย้ยเย่ฟางหรูก็มิปาน “คนชั่ว! รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” สตรีดิ้นสุดแรงเกิด แต่สุดท้ายก็ถูกบุรุษอุ้มขึ้นมา และพาตัวนางไปที่หลังฉากกั้นซึ่งตั้งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ ใช้แบ่งบริเวณห้องหนังสือกับห้องที่ใช้พักผ่อนยามกลางวันเอาไว้อย่างชัดเจน “จะพาข้าไปไหน ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” เย่ฟางหรูตาโต ได้แต่ทุบบ่ากว้างสุดแรงเกิด แต่เฉินอ๋องไม่ได้สะทกสะท้าน เขาแข็งแรงมาก อุ้มนางด้วยมือเดียว และพาคนตัวเล็กที่ร้องโวยวายไปยังพื้นที่หวงห้ามที่มีเพียงเขาเข้าได้เท่านั้น หลิวหมัวมัวเห็นดังนั้นจึงวางเสื้อผ้าชุดใหม่ของคุณหนูเย่ไว้ที่ด้านนอกแล้วออกไปปิดประตูห้องหนังสือให้มิดชิด ห้ามไม่ให้ผู้ใดรบกวนท่านอ๋องอีก “โอ๊ย! ข้าเจ็บนะ” เย่ฟางหรูถูกโยนลงบนเบาะนุ่มตัวหนึ่งที่ปูไว้บนตั่งนอน แม้ไม่ได้เจ็บมากแต่ก็ไม่เคยเจอการกระทำที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ร่างสูงโถมตัวทับลงมา และนั่นก็ทำให้สตรีรู้ตัวรีบกระถดตัวถอยหนี แต่ข้อเท้าก็ถูกดึงกลับมาที่เดิม “ท่านอ๋อง ปล่อยข้าไปเถอะนะ” โฉมงามทำหน้าอ้อนวอน ตัวนางก็เป็นแค่สตรีตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง จะไปแบกความแค้นทั้งตระกูลเย่ได้อย่างไรกัน ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มใจแกว่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เมินหน้าหนี “อย่าคิดว่าข้าพิศวาสเจ้าเชียว” ขณะข่มอารมณ์ปรารถนาบางอย่างอยู่นั้น สตรีก็ขยับตัวไปมา เจ้าแท่งร้อนพลันตื่นตัวขึ้นทันที “หยุด!” ทว่าเย่ฟางหรูเป็นคนดื้อรั้นกว่าที่คิดไว้มากนัก นอกจากนางจะไม่ฟังคำสั่งแล้วยังดิ้นหนีและยังพยายามจะถีบเฉินอ๋องตกเตียงอีกด้วย เขาหน้าเปลี่ยนสีไปทันที แก่นกลางกายกำลังมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อโฉมงาม ไม่รอช้า ทั้งร่างโถมทับเข้าหาแล้วกดริมฝีปากหยักสวยลงที่ซอกคอขาว หวังทำให้คนใต้อาณัติหยุดดิ้น “อ๊ะ!” เย่ฟางหรูตัวแข็งค้างไป เมื่อสายคาดเอวถูกกระชากออกอย่างรวดเร็ว เฉินอ๋องยังสอดมือเข้ามาช่วยถอดเสื้อผ้าให้อีกด้วย ขณะที่ทั้งคู่กำลังโรมรันพันตูกันอยู่นั้น เขาก็ดูดลำคอนางจนขึ้นสีแดงก่ำ มิหนำซ้ำยังเคลื่อนใบหน้าลงต่ำมาที่เนินทรวงอีกด้วย ฝ่ามืออีกข้างก็ขยำขยี้สะโพกอิ่มด้วยอารมณ์ที่สะกดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ “อืม” คนที่ร้อนรุ่มไปทั่วทั้งร่างกายก็ใช้เขี้ยวซี่เล็กขบที่เนินทรวงจนเกิดรอยจ้ำสีแดงและยังมีรอยถลอกอีกด้วย “ปละ ปล่อยข้านะ” ด้วยความไม่ยินยอม เย่ฟางหรูจึงใช้มือดันตัวจางหย่งเฉินออกอย่างแรง มิหนำซ้ำยังใช้มือฟาดไปที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นอีกด้วย เพียะ! ฝ่ามือเรียวสวยฟาดกระทบใบหน้าบุรุษอย่างแรงจนหน้าหัน และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หลิวหมัวมัวพูดเสียงดังขึ้นว่า “ท่านหญิงฉีอิ่ง” ราวกับระฆังดังเตือน สติสัมปชัญญะของจางหย่งเฉินหวนกลับมา เขาไม่เคยเสียอาการมากเท่านี้มาก่อน “นี่เจ้ากล้าตบหน้าข้าหรือ” บุรุษเบิกตาโพลง ความเจ็บแปลบยังคงปรากฏที่แก้มซีกขวาไม่จางหาย “ก็ท่านจะข่มเหงข้าก่อน” เย่ฟางหรูน้ำตาคลอ รีบคลานลงจากตั่งนอนในทันทีพร้อมทั้งรีบแต่งตัวให้เรียบร้อย ช่วงเวลาเดียวกันนั้นจ้าวฉีอิ่งก็มาหยุดยืนอยู่หน้าฉากกั้นห้องแล้ว “ท่านอ๋องเพคะ” น้ำเสียงสดใสดังเข้ามาด้านในห้องพักผ่อน สตรีอายุสิบแปดปีสวมชุดผ้าไหมสีขาวกำลังยืนนิ่งอยู่นอกเขตหวงห้าม “เจ้ามีอะไร” จางหย่งเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไรนัก พร้อมทั้งลุกขึ้นมานั่งบนตั่งนอนและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แต่สายตากลับจ้องเย่ฟางหรูที่ยืนอยู่มุมห้องตาไม่กะพริบ “หม่อมฉันนำน้ำแกงไก่ใส่ขิงมาถวายเพคะ” จ้าวฉีอิ่งนั้นเป็นญาติผู้น้องฝั่งมารดาของจางหย่งเฉิน “วางเอาไว้ข้างนอก เดี๋ยวข้าออกไป” จางหย่งเฉินค่อนข้างให้ความสนิทสนมกับญาติผู้น้องคนนี้มากกว่าคนอื่น ๆ เนื่องจากพวกเขาเติบโตมาด้วยกัน “เพคะ” จ้าวฉีอิ่งไม่รู้ว่าเฉินอ๋องพาสตรีตระกูลเย่มาอยู่ที่นี่ ถ้าหากรู้ก็คงเกิดความริษยา เพราะเขตหวงห้ามนี้ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาทั้งนั้นเว้นผู้เป็นเจ้าของและนางกำนัลที่มีหน้าที่ทำความสะอาด เย่ฟางหรูเห็นโอกาสหนีจึงคิดออกไปรอข้างนอกก่อน แต่ทว่าเขากลับรีบเดินย่างสามขุมเข้ามาเอาเรื่อง ต้นแขนโฉมงามถูกบีบอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บปวด “เจ็บนะ!” คนตัวเล็กนิ่วหน้า “เจ็บหรือ ก็คงไม่เท่ากับที่เจ้าตบหน้าข้าหรอก” คนเจ้าคิดเจ้าแค้นถลึงตาใส่ จากนั้นก็ดันร่างโฉมสะคราญไปติดที่กำแพง “ท่านจะทำอะไรอีก มีคนรออยู่นะ” เย่ฟางหรูผินใบหน้างามออก จางหย่งเฉินจ้องเสี้ยวหน้าที่แดงก่ำแล้วลากสายตาลงมาที่ลำคอขาวและเนินทรวงนั้นที่ถูกเขาขบกัดด้วยความมันเขี้ยว “คืนนี้เจ้าก็เตรียมตัวด้วย” “หา! อุบ” สตรียังไม่ทันได้ตะโกนเสียงดังก็ถูกฝ่ามือหยาบกระด้างปิดปากเสียก่อน สายตาคมจ้องมองนัยน์ตาหงส์ด้วยประกายโทสะ “ข้าจะสั่งให้คนใช้แส้ตีเจ้า หรือว่าจะให้จับถ่วงน้ำดีนะ” เขากระซิบเสียงลอดไรฟัน เพียงได้ยินแบบนั้นโฉมสะคราญก็ตัวสั่นไปหมด นางลืมไปได้อย่างไรว่าเขาเกลียดคนตระกูลเย่มาก ยิ่งกว่าสุนัขที่ไม่ยอมแทะเนื้อจากกระดูกดำเสียอีก เพียงบุรุษองอาจได้เห็นปฏิกิริยาที่พึงพอใจ เขาก็ผละตัวออกแล้วปล่อยให้นางทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าเนื้อตัวสั่นเทาอยู่อย่างนั้น แล้วมองด้วยสายตาที่เป็นต่อ “ลุกขึ้นมา ต่อไปนี้เจ้าต้องรับใช้อยู่ข้างกายข้า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม