สองวันถัดมา
หมี่สามและอาฉ่าพร้อมด้วยเจ้าม้าหนุ่มก็พากันลงมาจากดอยพร้อมขนมเค้กหอมกรุ่นหกถาด อาลีอยู่ที่หมู่บ้านเพื่อรอช่างมาซ่อมเครื่องยนต์รถบรรทุก
เมื่อถึงตลาด อาฉ่าและหมี่สามก็จูงเจ้าม้าเดินผ่านร้านของอาหวัง พวกคนที่มารอซื้อขนมเค้กต่างชี้บอกกัน
“นั่นไง ลูกสาวอาฉ่า” พวกเขาหมายถึงยี่ห้อขนมเค้กที่พวกเขารออยู่ อาหวังเจ้าของร้านที่หมี่สามเคยมาใช้พื้นที่หน้าร้านเดินออกมาดู
“สองคนนี่หรือที่มาขายของหน้าร้านเรา” อาหวังถามญาติของเขาที่เป็นผู้เก็บค่าเช่าหน้าร้าน
“นี่แหละ มีผู้ชายหนุ่มชาวหวุยอีกคนหนึ่ง วันนี้ไม่เห็น” ญาติของอาหวังตอบและโบกมือให้อาฉ่า
“อ้อ แหมลูกค้าเยอะแยะเลย ขอให้ขายหมดนะ” อาหวังอวยพรอย่างมีน้ำใจ เขาได้รับค่าเช่าหน้าร้านที่ญาติของเขาเก็บไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
อาฉ่าและหมี่สามบอกคนที่มารอซื้อขนมเค้กว่าให้เดินตามไปที่บ้านนางเต่าที่อยู่ในซอยซ้ายมือ
“อ้อ ก็ไม่ไกลเท่าไร”
“แล้วเจ้าหนุ่มไม่มาด้วยหรือ” คนที่เดินตามหลังส่งเสียงถาม
หมี่สามหันมาเล่าเรื่องของอาลีและของตัวเธอเองให้บรรดาลูกค้าได้ฟัง น้ำเสียงแจ่มชัดของสาวน้อยที่พูดภาษากลางด้วยสำเนียงของชาวดอยทำให้คนฟังเกิดความเอ็นดู
“อ้อ พวกเธอเดินจากหมู่บ้านเข้าเมืองมาเพื่อขายขนมเค้กหกถาด ช่างขยันและสู้ชีวิตดีจริงๆ” ลูกค้าคนหนึ่งเอ่ย ที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้พูดคุยสอบถามว่าหมี่สาม อาฉ่า และอาลีเป็นคนที่ไหน และมาจากที่ใด แต่เมื่อรู้แล้วพวกเขาก็เต็มใจอุดหนุนแม้ว่าต้องเดินต่อไปยังบ้านนางเต่าที่อยู่สุดซอย
หมี่สามและอาลีมองเห็นประตูใหญ่หน้าบ้านนางเต่าเปิดรอไว้แล้ว มีโต๊ะยาวสามตัวให้พวกเขาวางของใต้ซุ้มที่มีหลังคาคลุม นางเต่ากำลังกวาดใบไม้อยู่ที่ลานบ้าน เมื่อได้ยินเสียงกุบกับของเจ้าม้าหนุ่ม นางก็วางไม้กวาดและกระวีกระวาดเข้ามาเช็ดโต๊ะ
“มา มา เอาของมาวาง เห็นไหมฉันบอกแล้วว่าอย่างไรเสีย พวกลูกค้าต้องตามมาซื้อ แม้ว่าเธอจะมาตั้งร้านถึงสุดซอย”
นางเต่าพูดพลางช่วยหมี่สามยกถาดขนมเค้กลงมาจากตะกร้าด้านข้างของเจ้าม้า คนซื้อมองสีสันอันเหลืองสวยของขนมเค้กที่อบจากเตาดิน พวกเขาสูดกลิ่นอันหอมหวนของเนยและนมที่ปั่นจากถุงหนังของอาลี เมื่อเอาของลงวางบนโต๊ะแล้วอาฉ่าก็จูงเจ้าม้าไปผูกที่ใต้ต้นไม้ เขาตักน้ำให้มันดื่มและส่งหัวมันเทศให้เจ้าม้าได้เคี้ยวกิน
ครู่หนึ่งหมี่สามก็เริ่มตัดขนมเค้กขายทีละถาด นางเต่าเข้ามาช่วยหยิบกระทงรองขนมเค้กส่งให้ผู้ซื้อ นางส่งเสียงทักทายคนที่รู้จักและพูดคุยกับเพื่อนบ้านอย่างอารมณ์ดี
“นี่ อีกหน่อยจะเปิดขายทุกวันนะ รอแม่ค้าขี่มอเตอร์ไซค์ได้ก่อน”
“อ้าว มอเตอร์ไซค์ของลูกชายเจ้ใช่ไหม” ชายคนหนึ่งส่งเสียงถาม
“ใช่ ฉันบอกขายให้เด็กคนนี้ไปแล้ว” นางเต่าตอบ
“อ้อ ดี รถราถ้าไม่ได้ใช้ปล่อยทิ้งไว้มันก็จะเสีย ขายไปได้เงินใช้ คนซื้อก็ได้ประโยชน์ ดีกว่าจอดไว้เฉยๆ”
เมื่อวานอาลีบอกหมี่สามว่าเขาจะสอนให้เธอขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ก่อนอื่นเขาต้องตรวจดูว่าเครื่องยนต์ยังใช้ได้ ซึ่งนางเต่าบอกพวกเขาไว้แล้วว่าหากมันมีปัญหา นางจะไปตามชิงเป้าและปิงเปามาซ่อมให้
“กระบะพ่วงข้างใส่ของได้เยอะ เธอจะได้ทำขนมเค้กมาขายมากกว่านี้ เห็นไหม ผู้คนเดินจากปากซอยมากันเยอะแยะเลย เธอขายดีอย่างนี้ห้ามขึ้นราคาเด็ดขาดนะ เราจะได้อุดหนุนกันไปนานๆ” หญิงคนหนึ่งกล่าว
“ฉันจะขายราคานี้ไปเรื่อยๆ จ้ะ เพราะคิดเงินง่ายดี” หมี่สามตอบซื่อๆ คนที่ยืนหน้าร้านพากันหัวเราะในเหตุผลของเธอ
“วันนี้เธอไม่มีการฝีมือสวยๆ มาขายหรือ” หญิงอีกคนถาม เธอเคยซื้อกระเป๋าสตางค์ไว้หนึ่งใบเมื่อครั้งที่หมี่สามเอาขนมเค้กมาขายครั้งแรก
“ไม่ได้เอามาจ้ะ พอดีพี่สาวของฉันต้องรีบทำของส่งคุณน้าสาลี่ที่แผงขายผลไม้ที่ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของตลาดสั่งไว้ พวกเธอเลยไม่มีเวลาทำอย่างอื่น”
“อ๋อ รู้ละ ลูกสาวยายสาลี่เขาจะแต่งงานกับลูกชายคหบดีผู้มั่งคั่ง เขาทำพิธีใหญ่เลยละ”
“จ้ะ เขาว่าจ้างพี่สาวฉันให้เย็บประเป๋าสตางค์ปักลูกปัดสวยๆเป็นของชำร่วย และเย็บย่ามผ้าทอเป็นของรับไหว้จ้ะ”
“ดีละ ฉันจะไปงานนั้นด้วย ฉันจะได้ย่ามสวยๆ มาใช้” หญิงคนนั้นกล่าว หมี่สามยิ้มและพูดต่อ
“ฉันต้องทำขนมเค้กไปส่งที่งานเลี้ยงด้วยจ้ะ”
คนที่มาซื้อของต่างออกอุทาน
“โอ้ จริงๆหรือ แหมเธอนี่โชคดีนะ ในงานนั้นยายสาลี่เชิญพวกพ่อค้าต่างๆให้มาเป็นเกียรติหลายคน อีกหน่อยเธอต้องจ้างลูกน้องแล้วละ เพราะจะมีคนสั่งขนมเค้กของเธอจนทำไม่ทัน”
อาฉ่ากับหมี่สามค้อมตัวรับคำพูดของหญิงคนนั้น ส่วนนางเต่าผู้ยืนฟังอยู่ก็ยืนยิ้ม นางรู้สึกสนุกที่มีอะไรทำหลังจากอยู่เงียบเหงามาเกือบปีหลังจากเสียลูกชายไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ขนมเค้กหกถาดก็ขายหมด หมี่สามจ่ายค่าเช่าพื้นที่ให้นางเต่าสองเหรียญเงิน
“เธอเอาถาดมาล้างที่ตรงนี้ก็ได้ มีน้ำก๊อกสะดวกสบาย” นางเต่าเสนออย่างเอื้อเฟื้อ
หมี่สามกล่าวขอบคุณนางเต่า เธอจัดการล้างถาดขนมเค้กที่ก๊อกน้ำตามที่นางเต่าชี้บอก จากนั้นเธอก็เช็ดถูลานซักล้างอย่างสะอาดหมดจด เธอกวาดเศษใบไม้ไปกองรวมที่ใต้ต้นไม้เพื่อให้มันเป็นปุ๋ย
“โอ้ เธอนี่ขยันดีจริงนะ อาสาม” นางเต่าเดินเข้ามาดูพื้นลานซักล้างที่สะอาดเกลี้ยงเกลา
“ฉันต้องขอบคุณคุณป้านะจ๊ะที่ให้ฉันล้างถาดที่นี่ เพราะไม่อย่างนั้นเมื่อกลับไปถึงหมู่บ้าน น้องของฉันต้องไปหิ้วน้ำจากลำห้วยมาล้าง”
“อ้อ ไม่เป็นไร เธอก็ช่วยฉันทำความสะอาดรอบบริเวณนั้นจนสะอาด ฉันต้องขอขอบใจ แล้ววันมะรืนเธออย่าลืมมาขายอีกนะ ฉันจะรอ” นางเต่ากล่าวอย่างรู้สึกดี
หมี่สามยิ้มและบอกนางเต่าว่า “วันนี้ฉันขายหมดแต่เช้าก็ได้กลับบ้านเร็ว ตอนบ่ายฉันอาจจะทำขนมมาขายพรุ่งนี้ก็ได้จ้ะ”
“ฉันจะรอ ฉันดีใจนะที่เธอขายขนมเค้กหมดเร็วกว่าวันที่ผ่านมา แสดงว่าฝีมือของเธอคงที่ ลูกค้ากินกี่ครั้งก็อร่อยเหมือนเดิม” นางเต่าพูดชมเชย นางมองอาฉ่าที่มัดถาดเป็นพวง พวงละสามถาดและวางเทินบนกระบุงที่ห้อยอยู่สองข้างตัวเจ้าม้าหนุ่ม
“พรุ่งนี้ฉันจะเอาเงินมาจ่ายค่ามัดจำมอเตอร์ไซค์ด้วยจ้ะ แต่ฉันต้องรอให้พี่อาลีสอนขับขี่”
“ฉันสอนให้ก็ได้ ฉันขี่ม้าเป็น ขับรถได้ อ่านหนังสืออก เขียนหนังสือได้ และขี่มอเตอร์ไซค์เป็น ผู้หญิงอย่างฉันทำมาหมดแล้วทุกอย่าง” นางเต่าพูดอย่างมีชีวิตชีวา
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นฉันขอขอบคุณมากจ้ะ คุณป้าใจดีจริงๆ”
“ไม่เป็นไร ฉันยินดีช่วย” หนางเต่าตอบคำ
จากนั้นหมี่สามก็กล่าวลานางเต่า อาฉ่าช่วยปิดประตูให้นางหลังจากจูงเจ้าม้าหนุ่มออกมาแล้ว
สองพ่อลูกเดินหาซื้อของต่างๆ ที่จำเป็นจนครบหมดโดยใช้เวลาไม่นาน ขณะเดินกลับขึ้นดอยต่างควักข้าวปุกจากย่ามและเดินเคี้ยวกินด้วยความหิว ข้าวปุกเป็นอาหารที่พกพาสะดวก เหมาะสำหรับกินกลางทาง มันเก็บได้นานหลายวันโดยไม่บูดเสีย การทำข้าวปุกนั้นก็ไม่ต้องอาศัยวัตถุหลายอย่างเช่นการทำขนมเค้ก มีเพียงข้าวเหนียวดำที่นึ่งสุกใหม่ตำในครกไม้ให้ละเอียด ผสมงาคั่วและเกลือลงไป มันเป็นของกินที่ชาวดอยบริโภคเป็นประจำ
“หมี่สาม ไม่ลองเอาข้าวปุกไปขายกับขนมเค้กบ้างล่ะลูก เราขายชิ้นละหนึ่งสตางค์ก็ได้นะ”
อาฉ่าถามลูกสาว เขารู้สึกเหนื่อยแทนหมี่สามกับการทำขนมเค้ก ซึ่งกระบวนการแต่ละขั้นตอนนั้นต้องใช้เวลา ใช้ส่วนผสมต่างๆ ที่หาไม่ได้บนดอย ทั้งนม เนย ผลไม้แห้ง ผงฟู ต้องใช้การชั่งตวงวัดที่แน่นอน ต้องอบในเตาที่ร้อนพอดี หมี่สามใช้เวลาเกือบทั้งวันในการทำขนมเค้กหกถาด ซึ่งหากอาลีซ่อมรถเสร็จแล้วและจากไป หมี่สามจะต้องทำทุกอย่างโดยไม่มีคนคอยตรวจสอบหรือชี้แนะ
“คนเขาคงไม่ซื้อนะจ๊ะ พ่อ มันเป็นของกินธรรมดา ที่ขนมเค้กของหนูขายได้เพราะมันเป็นขนมที่ทำยาก ทำออกมาแล้วอร่อย ถูกปากคนทุกชนชาติ อีกอย่างคือหนูชอบทำขนมเค้กด้วยจ้ะ” หมี่สามตอบ
อาฉ่าพยักหน้า เขาเข้าใจสิ่งที่ลูกสาวคนที่สามพูด แม้ว่าเขาจะรู้สึกหนักใจแทนเธอทั้งเรื่องการเดินทางลงจากดอยทุกวัน การลงทุนซื้อวัตถุดิบมากมายจากตลาดซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก ที่สำคัญคือตอนนี้หมี่สามกำลังจะซื้อรถมอเตอร์ไซ มันแพงกว่าม้าและวัวสองตัวของเขารวมกัน หากเครื่องยนต์เสียหรือขัดข้องแล้วจะทำอย่างไร
ใกล้เที่ยง
สองพ่อลูกและเจ้าม้าก็กลับมาถึงหมู่บ้าน
“พ่อจ๋า มีรถอีกคันจอดอยู่หน้าบ้านเรา” หมี่สามเบิกตามองจากหัวถนน
“คงเป็นช่างมาซ่อมรถของอาลี” อาฉ่าพูด นางเต่าบอกพวกเขาไว้ว่านางได้ไปบอกลูกชายเจ้าของอู่ซ่อมรถให้มาหมู่บ้านนี้
เจ้าม้าหนุ่มเดินเร่งฝีเท้าเมื่อใกล้ถึงรั้วบ้าน พวกเด็กๆ และชาวบ้านผู้ชายหลายคนนั่งยองๆ อยู่ใต้ต้นลิ้นจี่ที่ตอนนี้รถบรรทุกถูกลากห่างออกไป ท้ายรถคลุมผ้าใบรัดเชือกไว้ ชายหนุ่มสองคนแต่งกายแบบชาวเมืองกำลังใช้เครื่องมือซ่อมหม้อน้ำหน้ารถ ส่วนอาลียืนดูอยู่ข้างๆ เขาเงยหน้ามายิ้มกับหมี่สามและอาฉ่าที่เดินตามหลังเจ้าม้ามา
“เหนื่อยไหม” อาลีถาม เขามองหน้ากลมของสาวน้อยที่มีเหงื่อซึมออกม
“ไม่เหนื่อยจ้ะ” หมี่สามตอบและควักเงินส่วนของอาลีส่งให้เขาพร้อมกับบอกว่าเธอซื้อนม เนย และสิ่งของอื่นๆ มาจำนวนเท่าไร รวมทั้งค่าเช่าหน้าร้านของยายเต่าที่เธอหักไว้หนึ่งเหรียญ
อาลีพยักหน้าอย่างพอใจ “เก่งมากครับหมี่สาม ทีนี้เธอก็รู้ราคาต้นทุนสิ่งของทั้งหมดแล้วนะ” เขานิ่งไปอึดใจหนึ่งเมื่อนึกถึงวันที่เขาจะเดินทางจากไป
“จ้ะ พี่อาลี ขอบคุณพี่มากที่สอนฉันหลายอย่างเลย” หมี่สามตอบ เธอยื่นอาหารที่เธอซื้อจากร้านชาวหวุยมาฝากเขา อาลีรับไว้ด้วยความยินดี
“รถต้องซ่อมเยอะไหม” อาฉ่าถามอาลี
อาลีมองชิงเป้าและปิงเปาซึ่งเป็นคนหนุ่มวัยเดียวกับเขากำลังก้มตัวซ่อมหม้อน้ำหน้ารถอย่างขะมักเขม้น เขาตอบอาฉ่า
“ก็พอสมควรครับ หม้อน้ำต้องทุบและบัดกรี น่าจะเสร็จตอนเย็น ส่วนเบรกที่แตกต้องเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ พรุ่งนี้พี่ชายสองคนนี้จะเอาขึ้นมาจากในเมืองครับ”
อาฉ่าละปากไว้ไม่ถามราคาเพื่อรักษามารยาท แต่เขาเดาได้ว่าอาลีคงต้องจ่ายค่าซ่อมหลายร้อยเหรียญ
หมี่เล็กวิ่งลงบันไดมา “พี่อาลี แม่บอกให้เรียกช่างสองคนนั้นมากินข้าวกลางวันจ้ะ”
“พ่อก็อยากกินด้วยนะ” อาฉ่าส่งเสียงบอกลูกคนเล็ก
“อ้าว พ่อกลับมาแล้ว วันนี้พ่อกลับเร็วมาก!” หมี่เล็กตะโกนอย่างดีใจ “พ่อมากินข้าว พี่หมี่สามมากินข้าว” เด็กหญิงรีบลงไปช่วยยกถาดขนมเค้กลงจากหลังม้า “อื้อหือ สะอาดจัง” เธอมองดูถาดที่ล้างและขัดแล้ว
“พี่ล้างที่บ้านของป้าเต่า คนที่เขาให้พี่เช่าหน้าร้านน่ะ”
“โอ๋ โชคดีจริงๆ หนูจะได้ไม่ต้องไปหิ้วน้ำตอนบ่าย” หมี่เล็กพูดแล้วก็หัวเราะอย่างดีใจ “หนูยอมให้พี่หักค่าแรงหนูไว้ห้าเหรียญทองแดงนะจ๊ะ”
หมี่โตและหมี่รองเดินลงบันไดมาในเวลานั้น ทุกคนหันไปดู พี่น้องทั้งสองช่วยกันยกโต๊ะไม้ไผ่สานตัวเตี้ยที่มีจานอาหารหลายอย่างและข้าวในถ้วยบนนั้นวางลงบนเสื่อที่ปูใกล้เตาอบ
“แม่บอกให้เรียกช่างสองคนนั้นมากินข้าวกัน” หมี่โตพูดกับหมี่สาม ขณะไล่ฝูงไก่ให้ไปห่างๆ
ชิงเป้าและปิงเปาที่กำลังบัดกรีหม้อน้ำหน้ารถหันมาเมื่อหมี่สามส่งเสียงเรียก
“พี่ชายทั้งสองจ๊ะ หยุดมือก่อน มากินข้าวกันจ้ะ เที่ยงแล้วเดี๋ยวจะหิวกันแย่”
อาลีมองหมี่สามและยิ้มอย่างเอ็นดู เธอสมกับเป็นคนที่รักการค้าขาย คำพูดสุภาพจากน้ำเสียงอันไพเราะของเธอทำให้คนฟังถึงกับอมยิ้ม
“ครับ ขอบคุณครับ” ชายชาวเมืองทั้งสองกล่าว พวกเขามองตามหมี่โตและหมี่รองที่กลับขึ้นบ้านไป
อาลียกน้ำเต้ามาให้ชิงเป้าและปิงเปาล้างมือ แล้วชายหนุ่มทั้งสามก็นั่งลงกินอาหารด้วยกัน ส่วนอาฉ่าเดินขึ้นบ้านไปกินข้าวกับครอบครัว พวกเขาปรึกษากันเรื่องที่หมี่สามจะซื้อมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของนางเต่ามาใช้ขับขี่ หมี่เล็กแสดงอาการยินดีอย่างออกหน้า เธอรู้ว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง เธอจะได้ลงจากดอยทุกวันเพื่อไปช่วยหมี่สามขายของหลังจากอาลีกลับไปแล้ว เพราะอาฉ่าจะต้องเข้าป่าไปเกี่ยวหญ้าให้วัวกับม้าอันเป็นงานประจำวัน นอกจากนั้นเขายังต้องฝึกให้เจ้าวัวตัวผู้ช่วยไถดินด้วย เขาคงไม่ลงจากดอยไปขายขนมเค้กได้ทุกวัน
“ราคาเท่าไรนะลูก” อาซึซึ่งป้อนข้าวเดอเลอที่นั่งบนตักของเธอถามขึ้น
“สี่ร้อยเหรียญเงินจ้ะแม่”
อาซึสะดุ้งกับจำนวนเงินที่หมี่สามบอก เธอนิ่งฟังลูกสาวพูดต่อไป
“คือถ้าหนูจะซื้อจริงๆ ป้าเต่าเขาให้จ่ายมัดจำไว้ห้าสิบเหรียญ และหลังจากนั้นให้จ่ายรายวัน วันละหนึ่งเหรียญไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ ไม่รวมกับค่าเช่าซุ้มหน้าบ้านเขาอีกวันละสองเหรียญ” หมี่สามตอบ เธอตักข้าวเข้าปากคำใหญ่
“แปลว่าพี่หมี่เล็กต้องจ่ายเงินให้ยายเต่าวันละสามเหรียญเงิน” หมี่เล็กนับนิ้วมือตนเอง
“พี่ต้องทำขนมเค้กเพิ่มขึ้น หากมีมอเตอร์ไซค์ พี่จะได้ขี่ลงดอยไปได้ทุกเช้า ขายเสร็จก็ซื้อของกลับขึ้นดอยมาทำขนมเค้กตอนบ่าย วันรุ่งขึ้นก็ลงไปขาย ทำอย่างนี้ทุกวันปีเดียวก็หมดหนี้ อาจไม่ถึงปีด้วยซ้ำหากเราขายหมดทุกวัน”
หมี่สามตอบ เธอมองเห็นภาพตนเองยืนขายขนมเค้ก มีคนเข้าคิวรอซื้อจนแน่นขนัด ซึ่งเธอคงต้องให้อาลีช่วยทำเตาอบเพิ่ม นอกจากนั้นเธอจะต้องจ้างคนที่แข็งแรงมาโม่แป้งสาลีทุกวัน
“แล้วตอนนี้หนูมีเงินเท่าไร” อาซึถาม หมี่สามดึงตัวเองกลับมาจากความคิดและก้มหน้าตอบ
“หนูขายขนมเค้กสี่วัน หุ้นกับพี่อาลีคนละครึ่ง เมื่อหักต้นทุนทุกอย่างแล้วหนูมีกำไรวันละสามเหรียญเงิน ตอนนี้หนูมีเงินเก็บสิบสองเหรียญจ้ะ
หมี่โตและหมี่รองมองหน้ากัน หมี่สามช่วยเธอทั้งสองเอาการฝีมือไปขายที่ตลาดสองครั้ง ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง และพวกเธอยังมีเงินเก็บจากการขายเสื้อตัวสวยไปเมื่อวันปีใหม่ แต่เธอทั้งสองลงทุนซื้อด้ายและลูกปัดไปจำนวนหนึ่งแล้วเพื่อทำของส่งให้นางสาลี่ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเธอจะมีเงินใช้อีกครั้งเดือนหน้า ดังนั้นเงินเก็บของพวกเธอทั้งหมดก็สามารถนำไปให้หมี่สามขอยืมได้
“เอาอย่างนี้ไหมหมี่สาม พี่จะขอลงทุนร่วมกับเธอ” หมี่โตพูด
“พี่ด้วยคน พี่ขอลงทุนกับเธอด้วย” หมี่รองรีบกลืนอาหารก่อนพูด
“พี่จะให้เงินเธอยืมยี่สิบห้าเหรียญ” หมี่โตบอก
“พี่ก็จะให้เธอยืมยี่สิบห้าเหรียญ” หมี่รองบอก
หมี่สามหัวเราะออกมาอย่างดีใจ ทีนี้เธอก็มีเงินพอสำหรับการจ่ายมัดจำค่ามอเตอร์ไซค์แล้ว
“โอ้ ขอบคุณพี่หมี่โตและพี่หมี่รองมากจ้ะ ฉันสัญญาว่าจะค*****นให้พี่อย่างเร็วที่สุด พี่ทั้งสองใจดีมากเลย นอกจากช่วยปลูกข้าวสาลีตั้งแต่ปีที่แล้วจนเก็บเกี่ยวได้หลายกระสอบ พวกพี่ยังช่วยลงเงินอีกด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก เราพี่น้องกันนะ และอีกอย่าง พี่ชอบกินขนมเค้กฝีมือของเธอ” หมี่โตพูด
“อีกหน่อยพอพี่อาลีซ่อมรถเสร็จและกลับไปแล้ว เธอก็จะไม่มีคนช่วย แต่เธอเป็นคนเก่งและมีความพยายาม พี่เชื่อว่าเธอจะมีร้านเป็นของตัวเองได้ในอีกไม่นาน เมื่อถึงเวลานั้นพวกพี่อาจจะต้องไปพึ่งพาเธอ” หมี่รองพูดให้หมี่สามสบายใจ
“ไม่ต้องพูดอย่างนั้นนะจ๊ะ พี่ทั้งสองเก่งการฝีมือจนสามารถขายของมีเงินให้ฉันยืมได้ ฉันเองเสียอีกที่ทำงานใหญ่แต่ไม่ได้กำไรเท่าไรเลย หากไม่ได้พวกพี่และน้องหมี่เล็กช่วยก็คงไม่สำเร็จ” หมี่สามกล่าว
“หนูขอไปขายของกับพี่หมี่สามทุกวันได้ไหมจ๊ะ” หมี่เล็กถามเสียงอ้อน
“ถ้าพี่ได้รถมอเตอร์ไซค์มาและต้องทำขนมเค้กวันละสิบถาดไปขาย อย่างไรเธอก็ต้องเป็นผู้ช่วยของพี่ทั้งทำและเอาลงไปขายด้วยกัน เธอจะได้รับค่าแรงทุกวันนะ” หมี่เล็กอ้าแขนกอดหมี่สามไว้อย่างยินดี
อาซึมองหมี่สามและกล่าวว่า “แม่ไม่มีเงินช่วยหนูลงทุน แต่แม่จะเย็บกระทงอย่างสวยงามให้หนูใช้ห่อขนมเค้กทุกวันตราบเท่าต้นตองตึงยังมีอยู่ในป่า”
“แม่เก่งที่สุดเลย แม่รู้ไหมจ๊ะว่าคนที่มาซื้อขนมเค้กเขาชอบกระทงของแม่มาก ขนมเค้ก ‘ลูกสาวอาฉ่า’ มีกระทงที่ถักเชือกหูหิ้วและดอกไม้ห้ากลีบที่ใครๆ ก็อยากได้” หมี่สามพูดด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
หมี่โตและหมี่รองที่ทำย่ามและกระเป๋าสตางค์ใบเล็กตามสั่งของนางสาลี่ต่างใช้เชือกแดงถักเป็นรูปดอกไม้ห้ากลีบห้อยไว้เพื่อแสดงยี่ห้อ “ลูกสาวอาฉ่า” เช่นกัน
อาซึและอาฉ่ามองลูกสาวของตนเองด้วยความภูมิใจที่ทุกคนขยันขันแข็งและช่วยเหลือกันอย่างดี
หลังอาหารมื้อกลางวัน
ขณะที่ช่างหนุ่มสองคนเริ่มซ่อมหม้อน้ำรถบรรทุกอีกครั้ง หมี่สามลงจากบ้านมาบอกอาลีว่าเธอมีเงินพอสำหรับวางมัดจำค่ารถมอเตอร์ไซค์ของนางเต่าแล้ว เธอจะทำขนมเค้กบ่ายวันนี้และนำลงไปขายวันพรุ่งนี้
“เธอทำไหวหรือ” อาลีถาม เธอมองหมี่สามอย่างชื่นชม
“ไหวจ้ะ เมื่อเช้าฉันขายขนมเค้กหมดในสองชั่วโมง ฉันซื้อของใช้เวลาแป๊บเดียวเพราะรู้จักร้านต่างๆ แล้ว ฉันกับพ่อเลยกลับบ้านไวเป็นครั้งแรก”
“ถ้าเธอใช้มอเตอร์ไซค์ทุกอย่างจะรวดเร็วกว่านี้ และเธอจะมีเวลาทำขนมเค้กได้ถึงสิบถาดในแต่ละวัน พรุ่งนี้ผมจะทำเตาอบให้เธออีกหนึ่งเตานะ เตานี้จะใหญ่กว่าเตาแรก ดินเหนียวที่เหลือมีพอทำได้พอดี ถาดขนมที่ท้ายรถก็มีอีกนับสิบใบ ผมจะขนออกมาให้เธอใช้ให้หมดเลย” อาลีพูดอย่างมีน้ำใจ
“ฉันขอจ่ายเงินค่าถาดขนมเค้กให้พี่อาลีนะจ๊ะ เพราะพี่ก็ต้องจ่ายค่าซ่อมรถเหมือนกัน คงจะแพงมากดูจากเครื่องมือต่างๆ ที่พวกช่างกำลังใช้”
“ก็พอสมควร เธอไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ เธอไม่ต้องจ่ายจ่ายค่าถาดและวัตถุดิบอื่นๆ ทั้งผงฟู ถุงหนังใส่เนย ผลไม้แห้งสิบชนิด น้ำหอมแต่งกลิ่น และน้ำตาลกรวด ผมจะยกให้เธอเก็บไว้ใช้ทั้งหมด ถือเป็นการลงหุ้นกับเธอในระหว่างที่ผมกลับไปบ้าน ขอให้เธอถือว่าผมยังเป็นหุ้นส่วนกับเธออยู่นะ”
หมี่สามหน้าแดงอย่างดีใจ “จ้ะ ขอบคุณพี่อาลีมากจ้ะ”
“จากนี้ไปขอให้เธอพยายามทำขนมเค้กให้มีส่วนผสมและรสชาติคงที่ทุกวัน ไม่ว่าคนซื้อจะมาวันไหน ขนมเค้กของเธอจะต้องมีสีสันและความอร่อยเช่นเดิม พวกลูกค้าจะไม่ผิดหวังกับขนมเค้กยี่ห้อ “ลูกสาวอาฉ่า” และพวกเขาจะอุดหนุนเธอตลอดไปรวมทั้งชักชวนคนอื่นให้มาซื้อด้วย เธอเข้าใจที่ผมพูดไหม”
“เข้าใจจ้ะ พี่อาลี” หมี่สามจดจำคำพูดของชายหนุ่มไว้ในหัวใจ
“แล้ววันหน้าหากผมกลับมา ผมจะมารับค่าหุ้นคืนนะ” อาลีพูดยิ้มๆ
“ได้จ้ะ ฉันจะแบ่งกำไรเก็บไว้ให้พี่อาลีทุกวันจ้ะ พี่อาลีต้องการเท่าไรจ๊ะ”
อาลีคำนวณราคาค่าสิ่งของที่เขาจะมอบให้หมี่สามแล้วกล่าวออกมา “เธอเก็บเงินไว้ให้ผมวันละหนึ่งเหรียญเงินเป็นระยะเวลาหนึ่งปีละกันนะ ผมกลับบ้านไปคราวนี้คงต้องไปทำงานหาเงินซื้อรถบรรทุกคันใหม่ หากหนึ่งปีผ่านไปผมไม่กลับมาดอยนี้ ก็ถือว่าผมผิดสัญญา หมี่สามยึดเงินค่าหุ้นผมไปได้เลย แต่หากผมกลับมาภายในหนึ่งปี ผมจะมารับเงินกับหมี่สาม อย่างนี้ยุติธรรมดีไหม”
“ได้จ้ะ พี่อาลี ฉันสัญญาว่าจะเก็บเงินวันละหนึ่งเหรียญเงินไว้คืนพี่นะจ๊ะ ไม่ว่าพี่จะกลับมาในหนึ่งปีหรือไม่ ฉันจะไม่เอาเงินของพี่จ้ะ ฉันจะเก็บไว้และรอจนกว่าพี่จะมา”
อาลีพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรต่อ เขาขนวัตถุดิบต่างๆ และถาดสำหรับอบขนมจำนวนมากมายมาให้หมี่สามเก็บไว้บนบ้าน จากนั้นเขาไปเฝ้าดูชิงเป้าและปิงเปาบัดกรีรถ ขณะที่หมี่โตและหมี่รองต่างก็เย็บปักประดับย่ามและกระเป๋าสตางค์ใบเล็กของตนอย่างตั้งใจ อีกเดือนหนึ่งทั้งสองจะนำงานฝีมือไปส่งให้นางสาลี่ตามที่สั่งไว้
ตกเย็นเมื่อชิงเป้าและปิงเปาขับรถกระบะกลับไปแล้ว อาลีก็เปิดท้ายรถขายของให้ชาวบ้านตามที่ทำเป็นประจำตลอดหลายวัน
หมี่สามและหมี่เล็กเพิ่งอบขนมเค้กถาดที่หกเสร็จ หมี่เล็กเหงื่อไหลเต็มตัวเพราะอยู่หน้าเตา
“เราทำขนมเค้กของเรากินเองสักถาดนะจ๊ะพี่ หนูอยากกินแบบที่มันมีรสเปรี้ยวบ้าง” หมี่เล็กออกความเห็น หมี่สามพยักหน้าเห็นด้วย
“ได้สิจ๊ะ หมี่เล็ก เราจะผสมอะไรลงไปดีนะขนมเค้กของเราจึงจะมีรสเปรี้ยวแต่ไม่ทำให้เสียความอร่อย”
หมี่เล็กยิ้มแล้วแบมือออกมา ผลหม่อนสีแดงเข้มอยู่ในมือของเธอ “เมื่อตอนสายหนูไปเก็บมาจากในสวนหลังบ้านของเรา ต้นหม่อนออกลูกมาเยอะแยะเลย”
“โอ จริงสิ มันเคยเป็นของกินเล่นของพวกเรามาตั้งแต่เด็ก พี่ลืมไปเลย หมี่เล็กช่วยไปเก็บลูกหม่อนให้พี่สักถ้วยใหญ่ๆ นะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะผสมแป้ง เราจะอบขนมเค้กลูกหม่อนกินเล่นกัน”
หมี่เล็กคว้าชามเปล่าวิ่งตื๋อไปที่สวนหลังบ้าน หมี่สามเริ่มตวงแป้งผสมกัน เมื่อหมี่เล็กกลับมาทุกอย่างก็พร้อมแล้ว หมี่สามเทน้ำล้างฝุ่นออกจากลูกหม่อนจนสะอาด เธอให้หมี่เล็กเป็นคนใส่ลูกหม่อนแดงเข้ม แดงอ่อน และสีชมพูระเรื่อลงไปในแป้งเค้ก
“ขนมถาดนี้จะต้องอร่อยมากเลยละ” หมี่สามรำพึงอย่างพอใจ เมื่อเตาอบร้อนได้ที่แล้ว เธอก็เลื่อนรางเหล็กที่วางถาดเค้กผลหม่อนเข้าไปในเตา
ตกค่ำ
อาซึให้หมี่โตยกถ้วยแกงไก่ลงมาให้อาลีกินเป็นอาหารเย็น รวมทั้งขนมเค้กลูกหม่อนที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานกลมกล่อม อาลีมองขนมเค้กชิ้นนั้นและรู้สึกดีใจ นี่คือพัฒนาการอีกก้าวหนึ่งของหมี่สาม เขากล่าวขอบคุณหมี่โตและแบ่งขนมปังที่เขาอบไว้ให้หมี่โตเอาขึ้นไปกินข้างบนบ้าน
“พรุ่งนี้ผมจะสอนหมี่สามให้อบขนมปังแบบนี้ด้วยครับ มันเป็นอาหารประจำบ้านของชาวหวุย อีกหน่อยหมี่สามอาจจะได้ทำไปขายที่ตลาด อ้อ พี่ชายสองคนที่มาซ่อมรถวันนี้เขาฝากบอกว่าอาหารมื้อกลางวันอร่อยมากครับ”
“อ้อ อย่างนั้นหรือจ๊ะ” หมี่โตตอบ ดวงตาเธอเป็นประกายเมื่อนึกถึงสีหน้าของช่างยนต์คนพี่ที่มองเธออยู่เป็นนาน “พรุ่งนี้หากเขาไม่ได้เตรียมอาหารมาก็ขึ้นไปบอกแม่นะจ๊ะ”
“ครับ”
หมี่โตเหลือบไปเห็นหมี่ยะและอาโยะที่เพิ่งเดินกลับมาจากไร่ สองผัวเมียเริ่มลงมือเกี่ยวข้าวและกองไว้แล้ว พรุ่งนี้พวกเขาต้องช่วยกันตีข้าวและช่วงบ่ายเมื่ออาฉ่ากลับจากตลาดแล้วเขาจะเอาเจ้าม้าไปขนเม็ดข้าวมาเก็บในยุ้งเพื่อที่จะมีข้าวดอยแสนอร่อยกินกันทั้งปี หมี่โตควักเงินส่งให้คนทั้งสองคนละสองเหรียญเงินเป็นค่าจ้างรายวัน
อาพีที่เคยปรามาสอาฉ่าว่ามีแต่ลูกผู้หญิงยืนมองออกมาจากประตูบ้านของตน บัดนี้น้องชายและน้องสะใภ้ของเขาพร้อมลูกเล็กสามคนซึ่งมาอาศัยเขาอยู่ก็มีงานทำเลี้ยงตัว อาฉ่าว่าจ้างพวกเขาให้ทำไร่แลกกับค่าจ้างรายวันคนละสองเหรียญเงิน ขณะที่หมี่โตและหมี่รองต้องรีบเร่งทำงานฝีมือเพื่อส่งให้ผู้ว่าจ้างที่ตลาดและจะมีรายได้นับร้อยเหรียญในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ส่วนหมี่สามก็กำลังจะซื้อมอเตอร์ไซค์เพื่อขับขี่เอาขนมเค้กไปขายในเมืองทุกวัน แม้หมี่เล็กวัยสิบขวบก็ยังมีรายได้จากการช่วยหมี่สาม ทั้งสี่คนมีเงินเก็บออมจากการทำงาน
อาพีนึกถึงลูกชายคนโตของตนที่นอนติดฝ**นอยู่ในบ้าน ลูกสาวสองคนไปเป็นลูกจ้างโรงงานโดยมีรายได้เดือนละสี่สิบห้าเหรียญต่อคน ลูกชายคนเล็กของเขาพิการตั้งแต่กำเนิด เขาและเมียต้องเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองคนจนบัดนี้