วันรุ่งขึ้นก่อนสว่าง
หมี่เล็กและอาฉ่าพากันจูงม้าหนุ่มบรรทุกขนมเค้กลงดอยไป
เมื่อเริ่มมีแสงแดดทั้งสองก็มาถึงตลาดและเดินเข้าซอย ยายเต่าเปิดประตูบ้านรอไว้แล้ว เมื่อเสียงกุบกับดังขึ้นนางก็เห็นหมี่สามและอาฉ่าเดินจูงม้ามาโดยมีลูกค้ามากมายเดินตามหลัง นางเต่ารีบลากโต๊ะมาวางใต้ซุ้มประตูและบอกหมี่สามว่า
“เมื่อวานตอนค่ำปิงเปาและชิงเป้ากลับมาจากหมู่บ้านของเธอ เขาแวะมาเยี่ยม ฉันเลยให้เขาช่วยตรวจเช็ครถมอเตอร์ไซค์ให้ ปรากฏว่ามันยังใช้ได้อย่างดี เอ้อ พวกเธอขายของกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวลูกค้าจะรอ”
“อ้อ ดีจังเลยจ้ะ”
หมี่สามรีบควักเงินจ่ายเงินค่าเช่าพื้นที่ให้นางเต่า ส่วนอาฉ่ายกถาดขนมเค้กอย่างระมัดระวังลงมาจากหลังม้า กระทงใบตองตึงที่อาซึทำเสร็จเมื่อคืนนี้วางเรียงซ้อนกันอย่างสวยงามในตะกร้าไม้ไผ่ นางเต่าพูดคุยกับคนโน้นคนนี้ไม่หยุดปาก เพื่อนบ้านสูงอายุที่เดินถือไม้เท้ามารอซื้อขนมเค้กพูดหยอกเย้ากับนางเต่า
“เดี๋ยวนี้เป็นแม่เลี้ยงเก็บค่าเช่าที่ แถมรถมอเตอร์ไซค์ก็จะได้ขาย น่าอิจฉายายเต่าจริงๆ”
ยายเต่าหัวเราะปากกว้างจนเห็นฟันกรามที่ครอบทองคำไว้สองซี่ “ฉันก็โชคดี ได้รู้จักพ่อลูกคู่นี้ เขาเป็นคนดี ขยัน ขนมเค้กเขาก็อร่อยจริงๆ ฉันยอมเสียเงินซื้อกินทุกครั้ง” นางเต่าตอบเพื่อนบ้าน
“ก็ต้องอย่างนั้น เพราะเขามาเสียเงินเช่าพื้นที่สร้างรายได้ให้ยายแล้วไง ก็จุนเจือกันไป อีกอย่างเขาขายดีมาก ไม่ถึงสองชั่วโมงก็ขายหมดกลับบ้านไป คุ้มค่าเช่านะ”
“เดี๋ยววันนี้ฉันจะสอนให้อาสามขี่รถมอเตอร์ไซค์ อีกหน่อยเขาจะทำขนมมาวันละยี่สิบถาด พวกเธอก็ช่วยมาอุดหนุนเขาทุกวันก็แล้วกัน”
ไม่นานขนมเค้กทั้งหกถาดก็ขายหมด หมี่สามกระวีกระวาดยกถาดไปล้างที่ก๊อกน้ำ ยายเต่าเตรียมถังน้ำเพิ่มเพื่อให้หมี่สามล้างได้สะดวก หมี่สามเก็บกวาดทำความสะอาดรอบบริเวณลานซักล้างและกวาดใบไม้ไปกองสุมที่โคนไม้ใหญ่อย่างเคย
เมื่อเช็ดมือแล้วหมี่สามก็ยกถาดเดินกลับมาที่ลานหน้าบ้าน รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างจอดเด่นอยู่บนลาน นางเต่ายืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างรถ
อาฉ่าเดินมารับถาดจากลูกสาวไปบรรทุกหลังเจ้าม้าไว้ขณะที่หมี่สามเดินเข้าไปหานางเต่า เธอดึงห่อผ้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน ในห่อผ้ามีเหรียญเงินห้าสิบเหรียญ
“นี่จ้ะ คุณป้า ค่ามัดจำรถมอเตอร์ไซค์”
นางเต่ารับห่อผ้าไป นางนับเงินอย่างช้าๆ และพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นนางก็ดึงกุญแจดอกหนึ่งออกมาจากพวงที่เอวของนาง
“เอ้า นี่กุญแจรถ เธอจะได้แปะโป้งในเอกสารว่าเป็นเจ้าของรถคันนี้ในวันที่เธอจ่ายเงินให้ฉันครบสี่ร้อยเหรียญ แต่นับจากนี้เธอเอารถไปใช้ได้ หากเธอขับรถไปเฉี่ยวชนใครหรืออะไร เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบกับทุกสิ่งเองนะ เอาละ เดี๋ยวฉันจะสอนให้เธอขับขี่รถคันนี้เอง ไม่ยากอะไรหรอก”
นางเต่าอธิบายเรื่องส่วนต่างๆ ของรถมอเตอร์ไซค์ให้หมี่สามฟัง อาฉ่าเข้ามายืนข้างลูกสาวและจดจำทุกอย่างไว้ในหัวสมอง แม้เขาและอาซึรวมทั้งลูกสาวทั้งห้าจะไม่รู้หนังสือ แต่ความจำของพวกเขานับว่าเป็นเลิศ
หมี่สามสามารถทำความเข้าใจอย่างรวดเร็วทั้งเรื่องส่วนประกอบของรถและลองหัดขับวนรอบลานบ้านนางเต่าสามรอบ นางเต่าตบมือชอบใจที่เห็นรถคันนี้ได้ออกวิ่งอีกครั้ง
“มีน้ำมันอยู่นิดหน่อยติดก้นถัง หากเธอจะขี่รถกลับหมู่บ้าน เธอต้องไปเติมน้ำมัน ที่หัวถนนข้างอู่ซ่อมเครื่องยนต์มีปั๊มน้ำมัน เขาขายน้ำมันราคาลิตรละหนึ่งเหรียญเงิน เธอเติมครั้งละห้าลิตรก็วิ่งได้หลายวัน เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งนะ เธอควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสักหกเดือนครั้ง หากรถมีปัญหาติดขัดอะไรเธอก็เอารถไปซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ที่อู่นั้น ชิงเป้าและปิงเปาจะซ่อมให้อย่างดีที่สุด ราคาค่าซ่อมก็แล้วแต่ว่ามันจะเสียอย่างไร มากน้อยแค่ไหน”
หมี่สามเริ่มกังวลเมื่อนึกถึงค่าใช้จ่ายที่จะมีตามมา ก่อนหน้านี้เธอไม่ทันได้นึกถึงเรื่องการที่รถมอเตอร์ไซค์ต้องใช้น้ำมันเบนซิน รวมทั้งน้ำมันอื่นๆ อีกทั้งค่าซ่อมรถและค่าอะไหล่ที่เธอเชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่มันจะต้องมีปัญหา ช่วงที่เธอหัดขับรถโดยมีนางเต่าพูดอธิบาย นางยังพูดถึงการนำรถไปเสียภาษีกับทางการปีละครั้ง ซึ่งอีกสองเดือนรถคันนี้ก็จะต้องไปต่อทะเบียน มันเป็นเรื่องที่เธอนึกไม่ถึงทั้งสิ้น
นางเต่าเห็นสีหน้าหมี่สามที่แสดงความไม่สบายใจออกมา นางจึงกล่าวว่า
“อาสาม เอาอย่างนี้นะ เธอเอารถไปใช้สักสี่ห้าวัน หากเธอไม่เอาไปชนอะไรให้เสียหาย เธอเอารถมาคืนฉันได้ ฉันจะค*****นมัดจำให้เธอสามสิบเหรียญ อีกยี่สิบเหรียญฉันขอหักเป็นค่าสึกหรอ เพราะว่าเธอเอามันไปใช้งานแล้ว คิดเสียว่าเป็นค่าเช่ารถก็แล้วกัน เธอจะว่าอย่างไร”
อาฉ่ามองหมี่สามที่ในหัวสมองเธอหนักอึ้งกับการคิดเรื่องการที่เธอจะต้องมีภาระกับรถคันนี้ เขาเองก็คิดมาแล้วว่าหมี่สามจะต้องใช้เงินกับการมีรถมอเตอร์ไซค์มากกว่าแค่ค่าผ่อนทั้งปี
หมี่สามทำตาปริบๆ ก่อนตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“คุณป้าเต่าจ๊ะ ฉันขอบคุณที่คุณป้าเปิดทางให้ฉันเลือก แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะทำขนมเค้กมาขายในเมืองทุกวันจนกว่าจะชดใช้หนี้สินหมด ฉันเป็นหนี้พี่สาวคนละยี่สิบห้าเหรียญ เป็นหนี้พี่อาลีอีกสามร้อยหกสิบห้าเหรียญ และเป็นหนี้คุณป้าอีกสามร้อยห้าสิบเหรียญ เด็กอายุสิบห้าปีอย่างฉันมีคนยอมให้เป็นหนี้รวมทั้งสิ้นเกือบแปดร้อยเหรียญ พวกเขาต้องไว้ใจฉันมาก ฉันจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง ฉันจะใช้ประโยชน์และรับผิดชอบรถมอเตอร์ไซค์ของคุณป้าตั้งแต่วันนี้ คุณป้าไม่ต้องห่วงจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี เธอเอารถมอเตอร์ไซค์ไปใช้ได้เลย มา ไปเอาถาดมาใส่ที่กระบะพ่วงข้างแล้วเธอก็ค่อยๆ ขับไปละกันนะ” นางเต่าพูดจบก็ยื่นพวงกุญแจรถให้หมี่สาม
ก่อนเที่ยงวันนั้น
มอเตอร์ไซค์มีกระบะพ่วงข้างคันหนึ่งส่งเสียงบื้นๆ ขณะปีนเนินสูงขึ้นมาที่หมู่บ้านหลี่ผะ ผู้คนที่ไม่ได้ทำไร่ต่างชะโงกหน้าออกมามอง
“อ้าว นั่นหมี่สามนี่!”
“โอ้โห เก่งจังเลย ทำขนมเค้กไปขายไม่กี่วันก็ซื้อรถได้แล้ว”
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
อาลีและชายหนุ่มสองพี่น้องที่กำลังเปลี่ยนอะไหล่รถบรรทุกอยู่หน้าบ้านต่างลุกขึ้นยืนขณะที่หมี่สามขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างเข้ามาจอดภายในรั้ว
“เธอยอดมากเลย!” อาลียกนิ้วให้หมี่สาม เธอหน้าแดงด้วยความตื่นเต้นที่พารถมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยด้วยตนเอง มือไม้ของเธอสั่นจากการกำแฮนด์รถมาตลอดทาง
หมี่โตและหมี่รองพากันลงบันไดมาเมื่อได้ยินเสียงอึกทึก อาซึอุ้มเดอเลอออกจากครัวมายืนบนชานบ้าน เธอมองเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองเห็นหมี่สามยืนอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง เธอยิ้มให้ลูกสาวอย่างโล่งใจที่ไม่มีอุบัติเหตุใดๆ ในการขับขี่รถวันแรก แล้วเธอก็ผลุบกลับไปทำอาหารต่อ วันนี้เธอทำอาหารหลายอย่างเพื่อเลี้ยงส่งอาลี เมื่อตอนสายเธอให้หมี่เล็กไปเชิญหลี่ผะผู้เฒ่ามาร่วมกินอาหารด้วย เขารับปากว่าจะมา
“แล้วพ่ออยู่ที่ไหนจ๊ะ พี่หมี่สาม” หมี่เล็กตะโกนถามมาจากในสวน เธอกำลังเก็บผักสวนครัวไปให้แม่ใส่ในแกงไก่
“พ่อจูงเจ้าม้าอยู่กลางทาง อีกพักใหญ่คงจะถึง” หมี่สามตอบน้อง ผู้คนที่อยู่อาศัยแถวนั้นต่างลงเรือนมาดูรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่หมี่สามขับขึ้นมา พวกเขาถามไถ่ด้วยความอยากรู้และมองดูหมี่สามอย่างทึ่ง
“ฉันแทบไม่เชื่อเลยว่าเด็กผู้หญิงอย่างเธอจะเก่งอย่างนี้ ลูกชายฉันสามคนสู้ไม่ได้สักคน” หญิงคนหนึ่งพูด
“เธอเป็นคนแรกของหมู่บ้านเราเลยนะที่ทำขนมเค้กไปขายในเมือง แถมยังขี่มอเตอร์ไซค์ได้อีก”
หมี่สามตอบคำถามเพื่อนบ้านไปพลางขณะที่เธอขนถาดและสิ่งของที่ซื้อจากตลาดออกจากกระบะ
“วันหลังฉันซ้อนท้ายรถเธอเข้าไปเที่ยวในเมืองด้วยได้ไหม” เสียงเล็กๆ ถามขึ้น
หมี่สามหันไปยังต้นเสียง เธอเห็นอาเบี่ยผู้เป็นทั้งเพื่อนและญาติห่างๆ ของเธอยืนมองรถมอเตอร์ไซค์ด้วยสายตาเศร้าหมอง อาเบี่ยมีเสียงเล็กแต่รูปร่างบึกบึนเหมือนผู้ชาย เธอเดินเตร่จากบ้านมาเพราะไม่มีอะไรทำ ปีนี้เธอไม่ได้ปลูกข้าวเพราะไม่มีแรงงานพอ พี่สาวและพี่ชายของเธอลงจากดอยไปทำงานที่โรงงานนอกเมืองและไม่เคยส่งเงินมาให้ เธออยู่กับแม่และน้องสาววัยสิบขวบ พ่อเธอเสียชีวิตไปเมื่อนานมาแล้วจากงูพิษกัด เธอกำลังมองหาหนทางที่จะไปหางานทำเพื่อจะมีเงินใช้จ่ายในบ้าน
“อาเบี่ยจ๊ะ รถคันนี้ฉันผ่อนซื้อมาสำหรับเอาขนมเค้กลงไปขายและซื้อของกลับมา หมี่เล็กจะต้องไปกับฉันทุกวัน ฉันคงพาใครไปเที่ยวด้วยไม่ได้ ฉันพูดตรงๆกับเธออย่างนี้ หวังว่าเธอจะไม่โกรธฉันนะ” หมี่สามพูดตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
อาเบี่ยหันมองหมี่สามอึดใจหนึ่งแล้วเธอก็พยักหน้า เสียงเล็กๆ ของเธอตอบว่า “ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันแค่พูดเล่น”
“อาเบี่ย อย่าเพิ่งไปจ้ะ” หมี่สามร้องเรียกเพื่อนร่างใหญ่ที่หันหลังเดินออกประตูบ้านไป “ฉันกำลังต้องการคนช่วยโม่แป้งและนวดแป้งเพื่อทำขนมเค้กอย่างน้อยวันละสิบถาดและทำขนมปัง นอกจากนั้นยังมีงานเก็บล้างภาชนะต่างๆ ทุกวัน ฉันจะจ่ายค่าแรงให้วันละสองเหรียญ เธออยากทำไหม”
อาเบี่ยหันกลับมาทันทีเมื่อฟังหมี่สามพูดจบ เธอยิ้มกว้างและตอบตกลงอย่างกระตือรือร้น เสียงเล็กๆ ของเธอตอบว่า “ให้ฉันช่วยเธอวันนี้เลยละกัน ฉันยินดีทำงานทุกอย่างที่เธอมอบหมาย วันนี้ฉันทำครึ่งวันเธอจ่ายฉันมาเหรียญเดียวก็พอ ฉันจะได้เอาเงินไปซื้อข้าวสารให้แม่หุงกินกับน้อง”
หมี่สามเดินเข้ามากอดบ่าเพื่อนของเธอไว้ “ขอบใจมากอาเบี่ย เธอเริ่มงานได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยจ้ะ ส่วนวันพรุ่งนี้ฉันกับหมี่เล็กจะลงจากดอยตั้งแต่เช้า เมื่อเธอมาถึงเธอก็จัดการโม่แป้งเตรียมไว้ได้เลย หาอะไรไม่เจอเธอถามแม่ฉันละกัน”
“ได้จ้ะ หมี่สาม ฉันขอบใจที่เธอให้งานฉันทำ มา ฉันจะช่วยเธอยกของเข้าบ้านนะ”
พูดจบเด็กสาวร่างใหญ่ก็เดินไปยกถาดออกจากกระบะพ่วงข้างรถเดินตามหมี่สามเข้าไปที่ใต้ถุนบ้าน หมี่สามมองเห็นเตาอบดินเพิ่งทำใหม่อีกเตาหนึ่ง มันมีถ่านร้อนแดงอยู่ข้างใน เธอหันไปมองอาลี เขากำลังมองเธออยู่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ขอบคุณมากจ้ะ พี่อาลี” หมี่สามพูดขึ้น นัยน์ตาเธอรื้น
“พรุ่งนี้ถึงจะใช้ได้ เตานี้ใหญ่กว่าเตาแรกสองเท่า มันอบขนมเค้กได้ทีเดียวสี่ถาด เธออบสามครั้งในช่วงบ่าย เธอก็ได้ขนมเค้กสิบสองถาด หากเธอมีเวลามากและมีคนช่วยที่แข็งแรงอย่างเพื่อนของเธอคนนี้ เธออาจทำได้ถึงยี่สิบถาดโดยใช้สองเตา กระบะพ่วงข้างรถมอเตอร์ไซค์ของเธอบรรทุกขนมเค้กยี่สิบถาดลงไปขายที่ตลาดได้อย่างสบาย” อาลีพูดพลางมองอาเบี่ยที่กุลีกุจอช่วยหมี่สามขนของ อาเบี่ยมองอาลีอย่างขอบคุณที่สนับสนับสนุนเธอด้วยคำพูด
หมี่โตและหมี่รองเดินผ่านอาเบี่ยและพูดคุยอย่างดีใจที่เด็กสาวจะมาช่วยหมี่สามทำขนมเค้กนับตั้งแต่วันนี้ จากนั้นสองพี่น้องก็เดินเลยมาที่อาลี เขายืนก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างรถที่ชิงเป้าและปิงเปากำลังมุดลงไปข้างใต้เพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนเพื่อให้เบรกทำงาน
“วันนี้เราสองคนไม่ได้เอาอาหารติดมาด้วยนะครับ” ชิงเป้าส่งเสียงมาจากใต้ท้องรถบรรทุก เขามองเห็นหมี่โตและหมี่รองจากการผงกศีรษะขึ้น
“คงต้องรบกวนเธอทั้งสองอีกครั้ง” ปิงเปาพูดรับ
หมี่โตและหมี่รองยิ้มให้กัน ทั้งสองบอกอาลีว่าแม่เธอกำลังทำกับข้าวหลายอย่าง หากอาฉ่ามาถึงแล้วให้ชายหนุ่มทั้งสามขึ้นไปกินอาหารบนบ้านด้วยกัน แม่ของเธออยากเลี้ยงขอบคุณอาลีที่ช่วยทำเตาอบขนาดใหญ่ให้ และถือเป็นการเลี้ยงส่ง เพราะเขาใกล้จะได้กลับบ้านแล้วถ้ารถบรรทุกซ่อมเสร็จ
“ถ้าเธอทั้งสองไม่อยากให้อาลีกลับบ้านเร็วนัก เธอบอกพวกเราได้นะ เราจะยื้องานไว้ไม่ให้เสร็จง่าย พรุ่งนี้เราจะได้มาที่บ้านนี้อีกครั้ง” ชิงเป้าขยับตัวเล็กน้อยขณะที่มือเขาก็ทำงานไป
“เราสองคนทำยิ่งกว่านั้นก็ได้ เราอาจทำให้รถของเขาต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน เธอต้องการแบบนั้นไหม พูดมาได้เลยครับ เราจะได้กินอาหารอร่อยฝีมือแม่ของเธออีกหลายมื้อ” ปิงเปากล่าวด้วยเสียงจริงจัง
อาลีมองหมี่โตและหมี่รองที่หัวเราะคิกออกมาก่อนก้มไปดูชิงเป้าและปิงเปาที่เงยหน้ามองเขาและขยิบตา อาลีส่ายศีรษะอย่างนึกขัน เขาเข้าใจได้ทันทีว่าพี่น้องทั้งสองคู่นี้ต่างมีใจให้กัน
ครู่หนึ่งต่อมาเสียงกุบกับอย่างเร็วของเจ้าม้าที่เดินตัวเบาก็ดังมา แล้วทุกคนก็เห็นอาฉ่าเดินเร่งฝีเท้าตามหลังเจ้าม้ามาถึง มีผู้คนมากมายที่เข้ามาในรั้วบ้านเขาเพื่อดูรถมอเตอร์ไซค์และพูดคุยกัน หมี่สาม อาเบี่ย และหมี่เล็กกำลังเตรียมทำขนมเค้กที่ใต้ถุนบ้าน ส่วนช่างซ่อมรถยนต์ทั้งสองและอาลีกำลังทำงานกันอยู่
“พ่อมาแล้ว!” หมี่เล็กตะโกนและวิ่งออกมารับเจ้าม้าไปผูกในคอก เธอเทน้ำใส่ถังให้ม้าดื่มและยื่นฝักข้าวโพดให้มัน
อาฉ่าคุยกับคนโน้นคนนี้ครู่หนึ่งก็ก้าวขึ้นเรือน กลิ่นอาหารหอมฉุยจากในครัวลอยมาเข้าจมูก เขาเดินเข้าไปหาเดอเลอและอุ้มเด็กน้อยขึ้นจากเปล อาซึหันมายิ้มให้เขา
“เหนื่อยไหมจ๊ะพี่” เธอถามและยื่นจานอาหารส่งให้ “กินแก้หิวไปพลางก่อนนะ วันนี้ฉันทำอาหารเลี้ยงอาลีมื้อใหญ่ และเชิญช่างซ่อมรถให้มานั่งกินด้วย”
อาฉ่าพยักหน้าและหยิบไก่ทอดขึ้นใส่ปากเคี้ยว เดอเลอทำท่าจะคว้าอาหารในจาน เขาวางลูกสุดท้องลงและส่งของเล่นให้เขย่า มันมีเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง เขาซื้อมันมาจากในเมือง เดอเลอมีของเล่นมากมายหลายชิ้นที่เขาและหมี่สามต่างซื้อมาฝาก
อาหารกลางวันมื้อนั้นมีคนมาร่วมกินหลายคน อาฉ่าเรียกอาพีและเมียของเขาให้มากินด้วย หมี่โตยกโต๊ะไม้ไผ่สานตัวใหญ่ที่แขวนไว้มาปัดฝุ่น เธอตัดใบตองสีเขียวเข้มมาปูและวางผักสดและผักต้มไว้กินกับน้ำพริก
ในห้องหน้าบ้านเป็นวงอาหารของผู้ชาย หลี่ผะหัวหน้าหมู่บ้าน อาฉ่า อาพี อาลี ชิงเป้า และปิงเปานั่งล้อมวง ส่วนในครัวหลังบ้านอบอุ่นไปด้วยลูกสาวทั้งห้าของอาฉ่า อาซึ อาเบี่ย และเมียของอาพี วงอาหารของพวกผู้หญิงมีผลไม้รสเปรี้ยวเคี้ยวกรึบกรับสำหรับกินเล่นด้วย
“ปกติหากกินเลี้ยงโดยเชิญหัวหน้าบ้านมาร่วมด้วยเช่นนี้ เรามักจะดื่มเหล้าข้าวกันคนละถ้วย” อาฉ่ากล่าว และหันไปอธิบายให้หลี่ผะฟัง “แต่เพื่อไม่ให้เป็นการผิดหลักศาสนาที่อาลีนับถือ มื้อนี้เราเปลี่ยนจากเหล้าเป็นน้ำชา ข้ารินแจกพ่อเฒ่าเป็นคนแรกนะ”
หลี่ผะยิ้มและค้อมตัวให้อาลีเป็นการให้เกียรติ ตลอดสิบวันที่ผ่านมาชาวหมู่บ้านของเขาได้รับความสะดวกสบายจากการที่อาลีเปิดท้ายรถขายสินค้าให้ทุกคนอย่างเต็มใจ อาลีไม่รังเกียจคนจนที่ถือเงินเหรียญทองแดงเดียวมาซื้อยาเส้นหนึ่งขยุ้ม หรือซื้อเข็มเล่มเดียว เขาเป็นพ่อค้าหนุ่มที่ทำหน้าที่ของตนอย่างดี
อาฉ่ารินน้ำชาให้ชิงเป้าและปิงเปาเป็นคนต่อไป จากนั้นจึงรินให้อาพี และตัวเขาเป็นคนสุดท้าย
“เซ้ยๆๆๆ” อาพีและผู้เฒ่าหลี่ผะเอ่ยคำเชิญชวนให้ดดื่มน้ำชาพร้อมกัน
อาลียิ้มและค้อมตัวให้ทุกคน ชิงเป้าและปิงเปามองเลยเข้าไปในครัวและยิ้มให้หมี่โตกับหมี่รองที่ลอบมองมาทางเขา
“เจ้าจะกลับไปบ้านเมื่อไรล่ะ” ผู้เฒ่าหลี่ผะถามอาลี เขาเริ่มคีบเนื้อชิ้นเล็กๆ ใส่ปากเคี้ยว
“ผมคงออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าครับ หากว่าพี่ชายทั้งสองเปลี่ยนอะไหล่รถผมเสร็จก่อนตะวันตกดิน” อาลีตอบพลางหันไปหาชิงเป้าและปิงเปาที่กำลังพุ้ยข้าวดอยกินอย่างเอร็ดอร่อย หนึ่งในสองหันมาตอบคำอาลีว่า “บ่ายๆ ก็เสร็จแล้ว น้องชายอย่าเป็นห่วง”
“อ้อ” ผู้เฒ่าหลี่ผะผงกศีรษะ “ข้าขอฝากความระลึกถึงชาลิมพ่อเจ้าด้วยนะ เขาเป็นคนมีน้ำใจ เจ้าเองก็ถอดแบบมาจากเขา”
“ครับ” อาลีรับปาก
อาพีหันไปหาชิงเป้าและปิงเปา “เจ้าสองคนนี่ล่ะ หลังจากวันนี้จะได้กลับขึ้นมาบนดอยนี้อีกไหม”
ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากัน คนหนึ่งตอบว่า “หากใครมีธุระเรียกใช้เราสองคนในเรื่องเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลก็ไปตามได้นะครับ หรือหากน้องสาวคนที่ขับมอเตอร์ไซค์จะเอารถไปให้พวกผมตรวจเช็คที่อู่ ผมก็ยินดีบริการ ผมคิดราคาไม่แพง อาจคิดค่าแรงเป็นย่ามงามๆ สักใบ หรือไม่ก็เสื้อกั๊กสักตัว”
หมี่โต หมี่รอง หมี่สาม และหมี่เล็กหัวเราะคิกออกมา พวกเธอกินอาหารไปพลางนั่งฟังเสียงพูดคุยของเหล่าผู้ชายที่ล้อมวงในห้องหน้าบ้าน อาซึสังเกตเห็นใบหน้าแดงซ่านของลูกสาวคนโต
“ใครช่วยเอาแกงกับผัดเผ็ดไปเติมให้พวกเขาหน่อย” อาซึพูดขึ้นลอยๆ
หมี่โตและหมี่รองวางตะเกียบและรีบหยิบหม้อแกงและหม้อผัดเผ็ดเดินเข้าในห้องหน้าบ้าน
“เติมให้เต็มถ้วยเลยนะ” อาพีพูดเย้าเมื่อเห็นชิงเป้ายกชามแกงรอให้หมี่โตตักเติม ส่วนปิงเปาก็ยกจานกับข้าวขึ้นมารอให้หมี่รองตักผัดเผ็ดเนื้อไก่ใส่เพิ่มลงไป
“พอแล้วครับ พวกเราใกล้จะอิ่มแล้ว” ชายหนุ่มทั้งสองกล่าวพร้อมกันเมื่อแกงและผัดเผ็ดถูกเติมจนเต็มถ้วย ทุกคนในวงอาหารหัวเราะออกมา
“เจ้าน่าจะบอกผู้หญิงสองคนนี้ก่อนว่าเจ้ากินข้าวใกล้จะอิ่มแล้ว ดูสิ อาหารเยอะแยะมากมายอย่างนี้ ธรรมเนียมบ้านเราหากพวกเจ้าผู้เป็นแขกกินไม่หมด เจ้าจะต้องกลายเป็นลูกเขยบ้านนี้” อาพีกล่าวหน้าตาย ขณะมองตามหลังหมี่โตและหมี่รองเดินถือหม้อกลับเข้าไปในครัว พวกเธอนั่งลงกินอาหารของตนอีกครั้ง
“แล้ววันนี้เราจะได้กินขนมเค้กกันไหม” อาฉ่าเหลียวหน้าไปทางหมี่สามเพื่อเปลี่ยนเรื่องพูด
หมี่สามส่งเสียงตอบทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ในปาก “หนูทำเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้วจ้ะ เดี๋ยวหนูจะยกมาให้นะจ๊ะ”
“เจ้าจะคิดเงินพวกเราหรือเปล่า” อาพีแหย่ถาม
“วันนี้ไม่คิดจ้ะ ลุงอาพี หนูคิดเงินเฉพาะส่วนที่ทำขาย ถาดนี้หนูทำให้แม่เป็นพิเศษเพื่อเลี้ยงแขกที่ได้รับเชิญ” หมี่สามตอบเสียงใส
เมื่ออาหารกลางวันผ่านไป ผู้เฒ่าหลี่ผะก็เดินกลับบ้าน เขาถือขนมเค้กติดมือไปครึ่งชิ้นเพื่อนำไปฝากหลานชายคนเล็ก อาลีมอบผ้าพันคอให้ผู้เฒ่าหนึ่งผืนเป็นที่ระลึก ส่วนอาพีและเมียต่างถือขนมเค้กที่ตนกินเหลือกับส่วนที่หมี่สามฝากไปให้ลูกๆ ของน้องชายและน้องสะใภ้เดินออกรั้วบ้านไป ชิงเป้าและปิงเปาเดินลงบันไดบ้านและแวะดูรถมอเตอร์ไซค์ของหมี่สาม
“รถคันนี้แข็งแรงมาก เครื่องยนต์ยังอยู่ในสภาพดีไม่มีเสียหาย ถ้าเธอไม่ขับไปชนอะไร มันจะทำงานรับใช้เธอได้ไปหลายปี แต่หากมีปัญหา เธอขับไปให้พวกเราตรวจดูได้นะ เธอควรซื้อที่สูบยางไว้สักอัน เธอไปที่ร้านของพวกเราแล้วเลือกเอา เราจะขายให้ในราคาถูกๆ ” ชิงเป้าพูดกับหมี่สามแล้วผละไปยังรถของอาลี ปิงเปาเดินตามพี่ชายไปทำงานต่อ
ใกล้ถึงเวลาเย็น ชิงเป้าและปิงเปาก็เสร็จงาน อาลีทดลองติดเครื่องยนต์และพามันวิ่งวนรอบหมู่บ้านก่อนพามันกลับที่เดิม พวกเด็กๆ เฮละโลวิ่งตามอย่างสนุก
เมื่อจอดรถที่ใต้ต้นลิ้นจี่แล้ว อาลีกล่าวกับช่างยนต์ทั้งสองหนุ่มว่า “ขอบคุณพี่ทั้งสองมากที่ฟื้นชีวิตรถคันนี้ขึ้นมาอีกครั้ง” พูดจบเขาก็ควักเงินออกมาสี่ร้อยเหรียญเงินและส่งให้ชิงเป้าและปิงเปาเป็นค่าเดินทางมาซ่อมรถและนำอะไหล่มาเปลี่ยนให้ถึงที่
“เราคงจะได้เจอกันอีกนะน้องชาย” ช่างยนต์ทั้งสองพูด
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมจะกลับมาที่ดอยนี้อีก อาจจะปีหน้า แล้วผมจะแวะเข้าเมืองไปเยี่ยมหาพี่ชายทั้งสองที่อู่นะครับ” อาลีตอบ
ชิงเป้าและปิงเปาเข้าไปจับมืออาฉ่าและกล่าวขอบคุณที่เลี้ยงอาหารเขาตลอดสามวัน
“โน่น ต้องไปบอกคนโน้น เขาเป็นคนทำ” อาฉ่าบุ้ยปากไปที่อาซึที่ยืนอุ้มเดอเลออยู่บนชานหน้าบ้าน หมี่โตและหมี่รองโผล่หน้ามองอยู่ข้างหลัง
“อ้อ ครับ”
ชายหนุ่มทั้งสองเดินไปที่บันไดบ้านและโค้งตัวแสดงอาการขอบคุณอาซึ เธอรีบส่งเสียงบอกเบาๆ ว่าไม่เป็นไรและอวยพรให้ทั้งสองว่า “ขอให้โชคดี ค่อยๆ กลับกันไปนะ”
หมี่โตและหมี่รองยิ้มให้ชายหนุ่มทั้งสองที่โบกมือให้พวกเธอพร้อมกับบอกว่า “วันหน้าถ้ามีโอกาส เราคงได้เจอกันอีก”
หมี่สามเดินออกมาจากใต้ถุนบ้าน เธอตัดขนมเค้กชิ้นใหญ่ใส่กระทงให้ชายหนุ่มคนละหนึ่งชิ้น
“ขอบคุณมากจ้ะพี่ชายทั้งสองที่ช่วยตรวจดูรถให้ฉันอย่างดี หากวันหน้าแวะไปที่ร้านของป้าเต่าก็ช่วยไปอุดหนุนขนมของฉันด้วยนะจ๊ะ”
ชิงเป้าและปิงเปาโค้งตัวรับขนมเค้กจากหมี่สาม “ยินดีครับ น้องสาว”
แล้วรถกระบะของชายหนุ่มทั้งสองก็แล่นออกจากหมู่บ้านและลงดอยไป อาลีเริ่มเปิดท้ายรถบรรทุกของเขาเพื่อขายสิ่งของแก่หมู่ชาวบ้านที่มารอซื้อจนถึงเวลาค่ำ จากนั้นเขาดึงผ้าใบปิดคลุมท้ายรถและมัดเชือกตรึงอย่างแน่นหนา เขาจุดตะเกียงและนั่งลงสวดมนต์อย่างยาวนาน
รุ่งเช้ามาถึง
อาลีตื่นขึ้นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เขาเดินเข้าไปใต้ถุนบ้านและช่วยหมี่สามนำขนมเค้กออกจากเตาอบทั้งสองเตา
“ฉันจะเอาลงไปขายสิบเอ็ดถาดจ้ะพี่อาลี” หมี่สามบอกชายหนุ่ม เมื่อวานเธอกับหมี่เล็กและอาเบี่ยช่วยกันอบขนมเค้กไว้สิบสองถาด ซึ่งถาดแรกเธอตัดแบ่งให้ชิงเป้าและปิงเปาไปคนละชิ้นใหญ่ ส่วนที่เหลืออีกครึ่งถาดเธออุ่นไว้ในเตาอบทั้งคืน เช้าวันนี้เธอนำขนมเค้กในถาดนั้นออกมาตักใส่กระทงและส่งให้อาลี
“เอาไว้ไปกินกลางทางนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่อาลีเอากระติกขึ้นไปใส่น้ำชาก่อนเดินทาง จะได้ไม่หิวน้ำ แม่กำลังก่อไฟอยู่จ้ะ”
อาลีรับขนมเค้กไว้ เขาถือของสิ่งหนึ่งยื่นให้เธอ “หมี่สามไม่ต้องห่วงผม นี่แน่ะ พวงกุญแจรถมีสายโยงกับเข็มขัด เธอรักษามันไว้ดีๆ ถือว่าเป็นของที่ระลึกจากผม ปีหน้าเราจะได้เจอกันอีก ผมขอเวลาไปหาเงินซื้อรถบรรทุกคันใหม่ ถ้าโชคดีผมจะได้กลับมาที่นี่อีก”
หมี่สามยื่นมือไปรับพวงกุญแจจากอาลีและคล้องลูกกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ในห่วงเหล็ก ปลายอีกข้างหนึ่งเธอคล้องกับเข็มขัดผ้า ใบหน้าของเด็กสาวสงบนิ่ง มีเพียงดวงตาที่ระริกจากน้ำตาที่กำลังรื้นขึ้นมา อาลีแตะแขนเธอแผ่วเบา
“เธอขับขี่รถอย่าประมาทนะ ใช้ความเร็วกับเกียร์รถให้สัมพันธ์กัน เธอต้องมองไปข้างหน้า หากเห็นสิ่งผิดปกติเธอต้องค่อยๆ ชะลอรถเข้าข้างทาง ผมภาวนาขอให้เธอปลอดภัยและประสบความสำเร็จ”
“ขอบคุณจ้ะ พี่อาลี ฉันจะดูแลตัวเอง และจะไม่ประมาทในทุกเรื่อง” หมี่สามกล่าว
“เอาละ เรามาช่วยกันยกถาดขนมเค้กใส่รถกันเถอะ”
หมี่เล็กนำใบตองมาปูรองที่กระบะพ่วงข้าง เธอรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เข้าเมืองและทำหน้าที่แม่ค้าขายขนมเค้กกับพี่สาว
ขนมเค้กสิบเอ็ดถาดจัดวางซ้อนกันสามชั้นอย่างพอเหมาะในกระบะ หมี่สามคะเนด้วยสายตาว่ามันสามารถบรรทุกได้ถึงยี่สิบถาดหากวางซ้อนขึ้นไปห้าชั้น เธอวางแผนไว้ว่าบ่ายวันนี้เธอจะทำขนมเค้กเพิ่ม อาเบี่ยจะโม่แป้งเตรียมรอไว้เมื่อเธอกลับขึ้นดอยมา หมี่เล็กใช้ผ้าบางผืนใหญ่คลุมถาดขนมเค้กไว้เพื่อป้องกันฝุ่น เธอเหน็บผ้าไปรอบทุกถาดอย่างระมัดระวัง
อาซึเดินลงจากบ้านมาเงียบๆ เธอห่อข้าวปุกและไข่ต้มใส่ย่ามให้หมี่เล็กสะพายไว้ “เผื่อจะหิวกันหลังขายของเสร็จ” เธอบอกลูกสาวทั้งสอง
อาฉ่าและอาลียืนมองหมี่สามที่รวบผมมัดไว้แน่น เธอสวมใส่เสื้อผ้าทะมัดทะแมงและสวมรองเท้าผ้าใบ หมี่เล็กขึ้นไปนั่งที่อานด้านหลังรออยู่แล้ว
ฟ้าเริ่มสว่างจนมองเห็นไปได้รอบเนินเขา ชาวบ้านหลายคนเดินออกจากบ้านเพื่อไปไร่ของตน พวกเขาผ่านหน้าบ้านอาฉ่าและหยุดยืนมองหมี่สามที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์เคลื่อนออกจากประตูบ้านอย่างช้าๆ เสียงเครื่องยนต์ดังบึ้นๆ ตามหลัง
เมื่อหมี่สามและหมี่เล็กลับตาไปแล้ว อาลีก็เดินกลับมาที่รถบรรทุกของตน อาฉ่า อาซึ หมี่โตที่อุ้มเดอเลอไว้ และหมี่รองต่างออกมาส่งชายหนุ่ม
หมี่รองนำกระติกของอาลีไปใส่น้ำชาร้อนๆ จนเต็มและนำกลับมาส่งให้เขา อาซึส่งข้าวปุกห่อใหญ่ให้ชายหนุ่มพร้อมกับห่อเนื้อไก่ที่คั่วจนแห้งเก็บไว้กินได้หลายวัน เธอพูดกับเขา “เอาไปกินกลางทางนะ ขอให้เธอเดินทางปลอดภัย ฉันขอบใจมากที่เธอดีต่อหมี่สามและพวกเราทุกคน”
“บ้านนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยหลังจากเธอมาขับรถมาแวะชนต้นลิ้นจี่” อาฉ่าพูดยิ้มๆ
อาลีหัวเราะ เขาบอกอาฉ่าว่า “คราวหน้าผมจะใช้ความระมัดระวังให้มากกว่านี้ครับ”
อาพี และชาวบ้านละแวกนั้นต่างออกมายืนโบกมือให้อาลี รถบรรทุกคันใหญ่แล่นลงดอยไปอย่างช้าๆ เมื่อถึงระยะหนึ่งเสียงตะแล้นแป๊นๆ ก็ดังขึ้นเป็นการเอ่ยคำลา